กรณีศึกษา ธุรกิจติดฟิล์ม นาฬิกาหรู
Business

กรณีศึกษา ธุรกิจติดฟิล์ม นาฬิกาหรู

10 ก.พ. 2021
กรณีศึกษา ธุรกิจติดฟิล์ม นาฬิกาหรู /โดย ลงทุนเกิร์ล
ทุกคนคงจะคุ้นเคยกับการติดฟิล์มมือถือกันเป็นอย่างดี
แต่รู้หรือไม่ว่าจริงๆ แล้ว นาฬิกาที่เรากำลังใส่ๆ กันก็สามารถติดฟิล์มได้เช่นกัน
โดยเฉพาะนาฬิกาหรู ที่หลายคนไม่อยากเอาออกมาใส่บ่อยเพราะกลัวจะเป็นรอย
แต่ถ้าจะให้เก็บไว้เฉยๆ อย่างเดียวก็คงไม่ใช่
แบรนด์ “ฟิล์มนาฬิกา” จึงเกิดขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหานี้โดยเฉพาะ
เพียงแค่ชื่อ ก็รู้แล้วว่ามีความเฉพาะทางขนาดไหน
ลงทุนเกิร์ลได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณสุภัญญา มีครุฑ หรือคุณเอ๋ 
เจ้าของ ฟิล์มนาฬิกา ซึ่งได้ส่งเคสธุรกิจนี้เข้ามาทางเพจ 
เรื่องราวของแบรนด์นี้น่าสนใจอย่างไร? ลงทุนเกิร์ลจะแชร์ให้ฟัง
แบรนด์ฟิล์มนาฬิกา เริ่มต้นมาจากคุณเอ๋ หรือคุณสุภัญญา มีครุฑ
ซึ่งอยู่ในวงการธุรกิจดูแลและทำความสะอาดรถ รวมไปถึงการติดฟิล์มให้รถหรู
หรือที่เรียกรวมๆ ว่า Car Detailing มาเป็นเวลานานกว่า 10 ปี
วันหนึ่งคุณเอ๋ตัดสินใจซื้อนาฬิกาหรูให้กับคุณพ่อ แต่ท่านกลับไม่ใส่
เพียงเพราะว่า ท่านกลัวว่านาฬิกาจะเกิดรอยขีดข่วน จนสุดท้ายก็ไม่มีโอกาสได้ใส่สักที
คุณเอ๋จึงเกิดไอเดียขึ้นมา “ทำไมไม่เอาฟิล์มติดรถ มาติดกับนาฬิกาบ้างล่ะ”
ซึ่งทางร้าน Car Detailing ของคุณเอ๋ ก็เป็นที่นิยมในหมู่คนใช้รถซูเปอร์คาร์เป็นส่วนใหญ่อยู่แล้ว
เพราะเป็นฟิล์มที่นำเข้ามาจากประเทศอเมริกา ทำให้ฟิล์มมีคุณภาพสูง และได้รับความไว้ใจ
พอเรื่องเป็นแบบนี้ คุณเอ๋จึงลองใช้อุปกรณ์และเครื่องจักรที่ใช้ในกระบวนเดียวกับรถสปอร์ต
มาลองตัดเป็นแบบขนาดเท่านาฬิกา ซึ่งผลที่ออกมาก็เรียกว่า ประสบความสำเร็จเลยทีเดียว
คุณเอ๋ในตอนนั้นจึงนำเอานาฬิกาที่มีในบ้านทุกเรือน มาลองขึ้นเป็นแบบ
ทดลองจนรู้สึกมั่นใจ ก็ตัดสินใจเปิดเพจใน Facebook ขึ้นมา โดยตอนแรกใช้ชื่อว่า PF1 
ซึ่งคุณเอ๋ไม่ได้จ่ายเงินโฆษณาเลยสักบาท แต่อาศัยการไปแนะนำตัวตามกลุ่มคนรักนาฬิกาเท่านั้น
กลายเป็นว่าผลตอบรับที่ได้ค่อนข้างดีทีเดียว ทำให้มีคนเข้ามารับบริการเกือบ 100 ราย
โดยระยะแรกของธุรกิจ ร้านของคุณเอ๋ยังไม่มีตัวแบบนาฬิกาอยู่กับตัวมากนัก
ทำให้ต้องเสียเวลาไปกับการเก็บแบบนาฬิกามากมาย
แต่ส่วนใหญ่นาฬิกาที่เข้ามารับบริการ ก็จะเป็นแบรนด์นาฬิกาหรู เช่น Rolex, Patek Philippe,
Audemars Piguet และ Richard Mille 
สำหรับการเข้ารับบริการนั้น คุณเอ๋ก็เข้าใจถึงความกังวลของลูกค้าหลายๆ ท่าน
ด้วยของที่มีมูลค่าสูง การเข้ารับบริการจึงต้องเป็นการเข้ามาที่ร้านที่ถูกจัดคิวไว้อย่างดี
และลูกค้าสามารถรอรับนาฬิกากลับบ้านได้เลย ภายในวันนั้น
ซึ่งทางร้านจะให้บริการในหลายรูปแบบ แต่หลักๆ จะมีการติดฟิล์ม
เป็นบริเวณตัวเรือนนาฬิกาหน้า-หลังอย่างเดียว โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 4,900 บาท
นอกจากนั้นยังสามารถติดที่บริเวณสายนาฬิกาด้วย 
และไม่ต้องกลัวเลยว่า ติดแล้วจะเห็นเป็นเหมือนฟิล์มเคลือบนาฬิกาอยู่
เพราะทางร้านจะเลือกฟิล์มที่เหมาะสมกับพื้นผิวของนาฬิการุ่นนั้นๆ มีทั้งฟิล์มด้าน และฟิล์มใส
จริงๆ แล้วทางร้านเปิดรับติดฟิล์มนาฬิกาทุกประเภท 
แต่ในกรณีที่ทางร้านไม่เคยมีแบบเก็บไว้ ก็จะต้องใช้เวลาในการทำแบบเพิ่มเข้ามา
ทำให้กระบวนการติดจะใช้เวลานานประมาณ 2 ชั่วโมง
ซึ่งถ้ามีแบบอยู่แล้ว เวลาที่ใช้ก็จะลดลงครึ่งหนึ่ง เหลือเพียงแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น
ถึงแม้จะมีกระแสตอบรับที่ดี แต่ในช่วงการเปิดตัวแบรนด์อย่างเป็นทางการนั้น กลับเป็นช่วงปลายปี 2562
ซึ่งเป็นช่วงที่โควิด 19 เริ่มระบาดในหลายพื้นที่ ส่งผลให้ธุรกิจเกิดการชะลอตัว
เพราะด้วยรูปแบบบริการของทางร้าน จำเป็นต้องให้ลูกค้าเดินทางมาที่ร้านเท่านั้น
ทำให้ลูกค้าหลายคนเกิดการกังวล และเลื่อนการรับบริการออกไปอย่างไม่มีกำหนด
ส่วนถ้าจะให้ส่งไปรษณีย์มา ลูกค้าและทางร้านเองก็กังวลว่า 
จะเกิดการสับเปลี่ยนนาฬิกา หรือสินค้าเสียหายระหว่างการจัดส่ง
ลูกค้าที่เข้ามารับบริการจึงน้อยลงไปกว่าครึ่ง
แต่ก็ยังสามารถประคองธุรกิจได้ จากลูกค้าหน้าใหม่ที่มีเข้ามาเรื่อยๆ
แล้วแผนการในอนาคตที่จะช่วยรับมือสถานการณ์ลักษณะนี้จะเป็นอย่างไร?
คุณเอ๋วางแผนจะทำชุดติดฟิล์มนาฬิกา สำหรับลูกค้าที่อยากจะติดฟิล์มด้วยตนเอง
ทำให้ลูกค้าไม่จำเป็นต้องออกจากบ้านเพื่อมารับบริการ แต่สามารถสั่งซื้อ และติดเองได้เลย
โดยในกล่องจะมีฟิล์ม และอุปกรณ์สำหรับการช่วยติด รวมถึงคู่มือ เพื่อให้ทุกคนสามารถติดเองได้
ซึ่งนอกจากจะแก้ปัญหาลูกค้าที่ไม่อยากออกจากบ้านแล้ว ยังช่วยแก้ปัญหาลูกค้าจากต่างจังหวัด
ที่อยากจะมาเข้ารับบริการ แต่ไม่สะดวกเดินทางมายังกรุงเทพฯ ได้อีกด้วย
นอกจากนี้สำหรับคนที่กลัวว่าการติดฟิล์มนาฬิกา จะทำให้ราคาของนาฬิกาตกลงหรือไม่
คุณเอ๋เล่าว่า จริงๆ แล้วการติดฟิล์มแบบนี้ กลับทำให้นาฬิการาคาไม่ตกด้วยซ้ำ
เพราะฟิล์มเป็นตัวที่ช่วยกันรอยให้กับนาฬิกาได้อย่างดี 
รวมถึงตอนลอกออกก็ไม่ได้ทิ้งร่องรอยอะไรไว้
ทำให้ทั้งความสวยงามยังคงอยู่ เสมือนตอนที่ได้มาใหม่ๆ 
กรณีของคุณเอ๋เป็นเคสที่น่าสนใจ เริ่มจากมองปัญหาที่เจอเป็นโอกาสทางธุรกิจ
ที่สำคัญ ยังเริ่มต้นจากฐานเดิมและความเชี่ยวชาญที่ตัวเองมีอยู่แล้ว จนเกิดเป็นธุรกิจใหม่
และกลายเป็นธุรกิจที่ตอบโจทย์ตัวเอง 
รวมไปถึงกลุ่มคนรักนาฬิกาได้อย่างดี..
Reference:
-สัมภาษณ์ตรงกับคุณเอ๋ สุภัญญา มีครุฑ เจ้าของแบรนด์ ฟิล์มนาฬิกา
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.