กรณีศึกษา อดีตเจ้าของ llaollao ในสิงคโปร์ ไม่ลงรอยกับบริษัทแม่ จบด้วยการเปลี่ยนร้านทั้ง 29 สาขาเป็น Yolé
Business

กรณีศึกษา อดีตเจ้าของ llaollao ในสิงคโปร์ ไม่ลงรอยกับบริษัทแม่ จบด้วยการเปลี่ยนร้านทั้ง 29 สาขาเป็น Yolé

30 ก.ค. 2024
กรณีศึกษา อดีตเจ้าของ llaollao ในสิงคโปร์ ไม่ลงรอยกับบริษัทแม่ จบด้วยการเปลี่ยนร้านทั้ง 29 สาขาเป็น Yolé /โดย ลงทุนเกิร์ล
หากจะทำธุรกิจสักอย่าง การทำในรูปแบบแฟรนไชส์อาจเป็นทางเลือกการลงทุนที่หลายคนสนใจ ไม่ว่าจะเป็นงบลงทุนที่ควบคุมได้ หรือหากเข้าซื้อแฟรนไชส์ที่วางระบบไว้ดีก็มีโอกาสที่จะทำให้ประสบความสำเร็จสูง
แต่หลายครั้งก็มีเหตุการณ์ที่เจ้าของแฟรนไชส์และผู้ซื้อสิทธิ์แฟรนไชส์คิดเห็นไม่ตรงกัน จนทำให้ไม่สามารถร่วมงานกันได้และต้องโบกมือลากันไปในที่สุด
อีกหนึ่งเรื่องราวของธุรกิจแฟรนไชส์ที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยได้ยินอย่างเรื่องของ llaollao แบรนด์โฟรเซนโยเกิร์ตสัญชาติสเปน ที่เคยขัดแย้งกับบริษัทผู้ซื้อสิทธิ์แฟรนไชส์ในสิงคโปร์ จนต้องปิดสาขาทั้งหมด
แล้วเรื่องราวเป็นอย่างไรต่อไป ?
อะไรคือสาเหตุของความขัดแย้ง ?
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับแบรนด์โฟรเซนโยเกิร์ตสองเจ้าที่เป็นตัวละครหลักของเราอย่าง llaollao (เหยาเหยา) และ Yolé (โยเล่) กันก่อน
เพราะทั้งคู่มีความคล้ายกันมาก และนอกจากจะขายโฟรเซนโยเกิร์ตเหมือนกันแล้ว ยังชูกลิ่นอายความเป็นสเปนเหมือนกันอีกด้วย
โดย llaollao เป็นแบรนด์โฟรเซนโยเกิร์ตทำจากนมขาดมันเนยแบรนด์ llaomilk ทำให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เสิร์ฟพร้อมท็อปปิงหลากหลาย ทั้งผลไม้สด มูสลี และซอสที่เลือกเองได้
สำหรับสาขาแรกของ llaollao นั้นเกิดขึ้นมาในปี 2009 ที่ประเทศสเปน ก่อนจะขยายสาขาไปประเทศอื่น ๆ ทั้งโปรตุเกส โมร็อกโก ฝรั่งเศส กระทั่งปี 2013 ได้ไปเปิดสาขาแรกในประเทศสิงคโปร์
ขณะที่ Yolé แบรนด์โฟรเซนโยเกิร์ตอีกเจ้าที่ก่อตั้งขึ้นมาในปี 2014 โดยเจ้าของชาวสเปน เน้นชูวัตถุดิบที่เหมาะสำหรับสายสุขภาพเพราะใช้ของจากธรรมชาติ แคลอรีต่ำ และมีน้ำตาลน้อยกว่าเจ้าอื่น
แล้ว Yolé เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างไร ?
เรื่องราวความขัดแย้งของผู้ซื้อแฟรนไชส์ llaollao ในสิงคโปร์กับบริษัทแม่นั้น ต้องย้อนกลับไปในช่วงเดือนธันวาคมของปี 2017
ขณะนั้นแฟรนไชส์ llaollao ในสิงคโปร์ บริหารโดยบริษัท D+1 Holding ซึ่งเป็นมาสเตอร์แฟรนไชส์ที่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินธุรกิจในประเทศ
ได้ประกาศยุติการดำเนินงานร้าน llaollao หลังให้บริการในสิงคโปร์มากว่า 4 ปี สร้างความตกใจให้กับบรรดาแฟน ๆ ของแบรนด์โฟรเซนโยเกิร์ตเจ้านี้จำนวนไม่น้อย
แต่จุดที่ดูจะเป็นเค้าลางของความขัดแย้งก็คือการที่เพจเฟซบุ๊ก llaollao Singapore ออกมาระบุว่าผิดหวังมากที่เจ้าของแฟรนไชส์ในสิงคโปร์ “ตัดสินใจเพียงฝ่ายเดียว” ในการปิดสาขา​ llaollao ทั้งหมด 29 สาขาในประเทศ และเปิดใหม่ภายใต้แบรนด์ Yolé
พร้อมย้ำชัดว่า “llaollao ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับแบรนด์ Yolé” ซึ่งเป็นแบรนด์หน้าใหม่ในตลาดโฟรเซนโยเกิร์ตที่ไม่ได้มีร้านในยุโรป แม้ทาง Yolé จะโปรโมตแบรนด์ตัวเองเช่นนั้นก็ตาม
ขณะเดียวกันก็ระบุว่า llaollao ไม่ได้มีแผนจะออกจากประเทศสิงคโปร์ และจะกลับมาให้บริการเพื่อรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดโฟรเซนโยเกิร์ตต่อไป
ส่วนทางฟากแถลงการณ์ของฝั่ง D+1 Holding ออกมาให้เหตุผลว่าทางบริษัทรู้สึกว่าเมนูของ llaollao ไม่มีอะไรใหม่ ๆ ออกมาซึ่งไม่ตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการตัวเลือก
บริษัทจึงได้สำรวจตลาดและเห็นถึงโอกาสทางธุรกิจของโฟรเซนโยเกิร์ตในเอเชีย จึงได้ตัดสินใจนำแฟรนไชส์โฟรเซนโยเกิร์ตซึ่งก็คือแบรนด์ Yolé เข้ามาในสิงคโปร์ พร้อมเมนูที่เยอะขึ้นและมีวัตถุดิบที่มีให้เลือกหลากหลายกว่า
นอกจากนี้ยังออกมาโต้กลับด้วยว่าทางสำนักงานใหญ่ llaollao ที่สเปนไม่เคารพข้อตกลงและเอื้อประโยชน์ให้ตัวเองในสถานะผู้ให้สิทธิ์แฟรนไชส์ แม้ว่าทาง D+1 Holding จะพยายามหาทางแก้ไขร่วมกันแล้วก็ตาม
โดยทาง D+1 Holding เสริมว่าทางบริษัทเชื่อว่าลูกค้าต้องการให้ปรับเมนูให้มีความหลากหลาย และมีรสชาติให้เลือกเยอะขึ้น
ซึ่งสำนักงานใหญ่ llaollao ปฏิเสธคำแนะนำของ D+1 Holding มิหนำซ้ำยังกำหนดเกณฑ์ที่เป็นอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจเช่นเดียวกับที่ทำกับมาสเตอร์แฟรนไชส์ในประเทศอื่น ๆ
ในแถลงการณ์ดังกล่าว ทาง D+1 Holding ยังได้ระบุถึงชิลี โปรตุเกส รัสเซีย และรวมถึงประเทศไทยที่ปล่อยมือจากแบรนด์ llaollao มาแล้วเช่นกัน
(ครั้งหนึ่งประเทศไทยเคยมีแฟรนไชส์ llaollao มาเปิดที่ศูนย์การค้าแพลทินัม แฟชั่น มอลล์ แต่สุดท้ายก็จากไปอย่างเงียบ ๆ หลังจากเปิดได้เพียงไม่กี่ปี)
จากเหตุผลทั้งหมดที่กล่าวมาทำให้ D+1 Holding ต้องมองหาทางเลือกอื่นและจบด้วยการได้สิทธิ์บริหารแฟรนไชส์แบรนด์ Yolé ในเอเชียที่รวมถึงสิงคโปร์ด้วย
นั่นจึงเป็นที่มาว่าในช่วงต้นเดือนธันวาคมปี 2017 แบรนด์ llaollao ในสิงค์โปร์ทั้ง 29 สาขาได้ถูกเปลี่ยนให้เป็นร้าน Yolé ที่บริหารโดยเจ้าของแฟรนไชส์เดียวกัน
แต่จากไปได้ไม่นาน llaollao ก็กลับมาดำเนินธุรกิจต่อในสิงคโปร์ในอีกหกเดือนถัดมา หลังจากข่าวการประกาศปิดสาขาทั่วประเทศอย่างกะทันหัน
ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท Manna 360 ที่ดูแลแบรนด์ดังทั้ง Krispy Kreme, TP Tea, Jamba และ Ben's Cookies ในสิงคโปร์
ปัจจุบัน llaollao มีสาขาในประเทศสิงคโปร์รวม 13 สาขา พร้อมขยายสาขาไปประเทศอื่น ๆ และในปีที่ผ่านมาก็ทำยอดขายในทั่วโลกไปได้ราว 4,100 ล้านบาท เติบโต 31% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
โดยยอดขายในเอเชียมีสัดส่วนมากที่สุดที่ 55% และเตรียมขยายสาขาผ่านมาสเตอร์แฟรนไชส์เพิ่มอีก 20 แห่งทั่วเอเชียซึ่งเป็นตลาดสำคัญ
ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวของแบรนด์ llaollao แฟรนไชส์โฟรเซนโยเกิร์ตเจ้าดังที่เคยขัดแย้งกับผู้ถือสิทธิ์บริหารแฟรนไชส์จนต้องหายไปถึง 6 เดือน
เป็นอีกหนึ่งบทเรียนของธุรกิจแฟรนไชส์ที่แม้จะเป็นธุรกิจที่ดูง่ายเพราะแค่มีเงินลงทุนก็ทำได้
แต่ความเป็นจริงแล้วการทำธุรกิจอะไรก็ตาม แม้ฉากหน้าจะดูสวยงาม แต่เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเบื้องหลังนั้นจะมีอุปสรรคอะไรเกิดขึ้นมาแล้วบ้าง กว่าจะถึงจุดที่เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จ..
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.