Business
Coffee Meets Bagel แอปเดตออนไลน์ ที่เคยปฏิเสธเงิน 1,000 ล้านบาท
3 ก.ย. 2021
Coffee Meets Bagel แอปเดตออนไลน์ ที่เคยปฏิเสธเงิน 1,000 ล้านบาท /โดย ลงทุนเกิร์ล
รู้หรือไม่ว่าในช่วงล็อกดาวน์ที่ผ่านมาของปี 2020 มีคนหันมาเดตกันผ่านออนไลน์มากขึ้น
โดย Tinder ได้ออกมาเปิดเผยว่าในเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม ปี 2020 มีคนปัด Tinder รวมกันสูงสุดถึง 3,000 ล้านครั้งต่อวัน
โดย Tinder ได้ออกมาเปิดเผยว่าในเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม ปี 2020 มีคนปัด Tinder รวมกันสูงสุดถึง 3,000 ล้านครั้งต่อวัน
ในขณะเดียวกัน Bumble ก็มีผู้ใช้งานการสนทนาทางวิดีโอเพิ่มขึ้นถึง 70% และ OkCupid
หนึ่งในแพลตฟอร์มเดตออนไลน์ชื่อดังของสหรัฐฯ ก็มีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นถึง 700% ด้วยเช่นกัน
หนึ่งในแพลตฟอร์มเดตออนไลน์ชื่อดังของสหรัฐฯ ก็มีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นถึง 700% ด้วยเช่นกัน
ที่สำคัญคือแนวโน้มตลาดการเดตผ่านออนไลน์เองก็กำลังค่อย ๆ เติบโตขึ้นในทุก ๆ ปี
โดยเฉพาะกับคนรุ่นใหม่ ที่เริ่มหันมาเปิดใจกับการเดตออนไลน์มากขึ้น
โดยเฉพาะกับคนรุ่นใหม่ ที่เริ่มหันมาเปิดใจกับการเดตออนไลน์มากขึ้น
ซึ่งในวันนี้ลงทุนเกิร์ลจะขอมาพูดถึงอีกแอปพลิเคชันเดตออนไลน์ที่มีชื่อว่า Coffee Meets Bagel
ที่ถึงแม้จะเป็นหนึ่งในผู้เล่นตัวเล็ก ๆ ในตลาดแอปพลิเคชันเดตออนไลน์ แต่ก็มีฟีเชอร์ที่น่าสนใจ จนทำให้ตัวบริษัทนั้นถูกประเมินมูลค่าไว้ที่เกือบ 5,000 ล้านบาท
ที่ถึงแม้จะเป็นหนึ่งในผู้เล่นตัวเล็ก ๆ ในตลาดแอปพลิเคชันเดตออนไลน์ แต่ก็มีฟีเชอร์ที่น่าสนใจ จนทำให้ตัวบริษัทนั้นถูกประเมินมูลค่าไว้ที่เกือบ 5,000 ล้านบาท
Coffee Meets Bagel น่าสนใจอย่างไร ?
และต่างจากแอปพลิเคชันหาคู่ออนไลน์เจ้าอื่นอย่างไร ? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
และต่างจากแอปพลิเคชันหาคู่ออนไลน์เจ้าอื่นอย่างไร ? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
จุดเริ่มต้นของ Coffee Meets Bagel มาจาก 3 สาวพี่น้อง Dawoon, Arum และ Soo Kang ครอบครัวชาวเกาหลีที่ได้มีโอกาสย้ายมาอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ยังเด็ก และด้วยพื้นฐานของที่บ้าน ซึ่งประกอบอาชีพทำธุรกิจส่วนตัว ก็ทำให้ทั้ง 3 พี่น้องฝันอยากจะทำธุรกิจส่วนตัวเหมือนกัน
เมื่อทั้ง 3 คนเติบโตขึ้น คุณ Arum ได้เกิดไอเดียที่อยากจะทำแอปพลิเคชัน Coffee Meets Bagel ขึ้น เนื่องจากเธอมองเห็นช่องว่างในตลาดแอปพลิเคชันเดตออนไลน์ที่มีอยู่ในตอนนั้น
โดยช่องว่างที่ว่าก็คือ อัตราส่วนของผู้ใช้งานแอปพลิเคชันเดตออนไลน์ ที่มีผู้ชายมากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้หญิง ซึ่งเรื่องนี้ก็ส่งผลให้เกิดปัญหาขึ้น เพราะบางครั้งผู้ชายบางกลุ่มก็ชอบกระทำพฤติกรรมที่ไม่ดี อย่างเช่น
การสุ่มทักผู้หญิงทุกคนที่มีอยู่ในแอปพลิเคชันแบบเล่น ๆ โดยไม่คิดจริงจัง
การสุ่มทักผู้หญิงทุกคนที่มีอยู่ในแอปพลิเคชันแบบเล่น ๆ โดยไม่คิดจริงจัง
และจากปัญหานี้ก็ทำให้เป็นจุดกำเนิดของแอปพลิเคชัน Coffee Meets Bagel ในปี 2012 โดยมีเป้าหมายเพื่อที่จะสร้างประสบการณ์ในการเดตออนไลน์ที่ดียิ่งขึ้น ทั้งสำหรับผู้ชายและผู้หญิง
ส่วนชื่อ Coffee Meets Bagel ก็มาจากไอเดียว่า พวกเธอต้องการตีตลาดคนกลุ่มมิลเลนเนียล ซึ่งคนกลุ่มนี้มักจะตั้งตารอ “ช่วงพักดื่มกาแฟ” และสิ่งที่ทานเข้าคู่กับกาแฟได้อย่างดีก็คือ “เบเกิล” หนึ่งในขนมที่นิยมในนิวยอร์ก
ทำให้เมื่อนำมารวมกันจึงกลายเป็น Coffee Meets Bagel ที่ตัวแอปพลิเคชันเองก็จะอัปเดตรายชื่อคนใหม่ ๆ ที่น่าจะเข้าคู่กับเราได้ในช่วงตอนกลางวันของทุก ๆ วันเช่นกัน
แล้วจุดเด่นของ Coffee Meets Bagel ที่ทำให้พวกเขาแตกต่างจากแอปพลิเคชันหาคู่อื่น ๆ คืออะไร ?
หากพูดถึงแอปพลิเคชันหาคู่ที่ใคร ๆ ก็รู้จักอย่าง Tinder ก็มีวิธีการใช้งานที่ค่อนข้างง่ายมากทีเดียว
คือ สมัครสมาชิก กรอกข้อมูลส่วนตัวนิดหน่อย เลือกรูปภาพ แล้วก็พร้อมลุย
คือ สมัครสมาชิก กรอกข้อมูลส่วนตัวนิดหน่อย เลือกรูปภาพ แล้วก็พร้อมลุย
รักใคร ชอบใครก็ปัดขวา
ส่วนคนที่ไม่ถูกใจก็ปัดซ้าย
ซึ่งการปัดนี้ก็ทำได้ไม่จำกัด อยากปัดเท่าไรก็ได้
ส่วนคนที่ไม่ถูกใจก็ปัดซ้าย
ซึ่งการปัดนี้ก็ทำได้ไม่จำกัด อยากปัดเท่าไรก็ได้
แต่เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ผู้ก่อตั้ง Coffee Meets Bagel มองว่ามันเป็นปัญหา เพราะคนจะคิดน้อยลงในการเลือกคู่ ทำให้เรามีโอกาสจะเจอคนที่ไม่ได้จริงจังได้
Coffee Meets Bagel จึงออกแบบให้ไม่สามารถปัดเลือกคู่ได้ตลอดเวลา โดยตัวแอปพลิเคชันจะใช้ “เมล็ดกาแฟ” เปรียบเสมือนกับค่าใช้จ่ายที่เราต้องจ่ายหากถูกใจใคร ส่งผลให้เวลาที่เราจะถูกใจใครสักคน ก็ต้องใช้เวลาประเมินเล็กน้อยว่าคนนี้ถูกใจเราแล้วหรือยัง เพราะถ้าหากเมล็ดกาแฟไม่พอ ตอนเจอคนที่ถูกใจ ก็คงจะเป็นเรื่องเศร้า
ซึ่งข้อมูลที่ปรากฏอยู่ใน Coffee Meets Bagel เองก็ค่อนข้างละเอียดทีเดียว
เนื่องจากตัวแอปพลิเคชันไม่สามารถล็อกอินผ่าน Facebook ได้ทำให้ผู้สมัครต้องกรอกข้อมูล
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเพศ น้ำหนัก ส่วนสูง ระดับการศึกษา อาชีพ รวมไปถึงศาสนาให้พิจารณาด้วย
เนื่องจากตัวแอปพลิเคชันไม่สามารถล็อกอินผ่าน Facebook ได้ทำให้ผู้สมัครต้องกรอกข้อมูล
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเพศ น้ำหนัก ส่วนสูง ระดับการศึกษา อาชีพ รวมไปถึงศาสนาให้พิจารณาด้วย
ทั้งนี้รายชื่อของบุคคลที่ปรากฏให้เห็นในแอปพลิเคชันนั้น จะถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ
กลุ่ม Suggested และ Discover ซึ่งทั้งสองกลุ่มนี้ก็จะแตกต่างกันตรง “การใช้เมล็ดกาแฟ”
กลุ่ม Suggested และ Discover ซึ่งทั้งสองกลุ่มนี้ก็จะแตกต่างกันตรง “การใช้เมล็ดกาแฟ”
โดย Suggested จะเป็นกลุ่มคนที่ตัวแอปพลิเคชันเลือกมาให้เราว่า คนนี้น่าจะเหมาะกับเรา
และรายชื่อในส่วนนี้ก็จะอัปเดตทุก ๆ วันตอนเที่ยง ซึ่งหากเราถูกใจคนในกลุ่มนี้ก็จะเสียเมล็ดกาแฟไม่เยอะ
และรายชื่อในส่วนนี้ก็จะอัปเดตทุก ๆ วันตอนเที่ยง ซึ่งหากเราถูกใจคนในกลุ่มนี้ก็จะเสียเมล็ดกาแฟไม่เยอะ
แต่ถ้าในกรณีที่เรารู้สึกว่า คนที่แอปพลิเคชันแนะนำมายังไม่ถูกใจเรา ก็สามารถย้ายไปดูในหน้า Discover ได้ ซึ่งการเลือกคนในหน้านี้แหละ ที่เราจะเสียเมล็ดกาแฟจำนวนมากขึ้น เพื่อให้ชื่อของเราไปขึ้นบนหน้า Suggested ของคนนั้น
ซึ่งจริง ๆ แล้ว Coffee Meets Bagel ก็ยังมีฟีเชอร์เสริมอื่น ๆ อย่างเช่น การจ่ายเมล็ดกาแฟเพิ่มขึ้น เพื่อเหมือนกับเป็นการส่งดอกไม้ให้อีกฝ่าย ทำให้เพิ่มโอกาสที่พวกเขาหรือพวกเธอจะกดถูกใจเราด้วยเช่นกัน
โดยเจ้าเมล็ดกาแฟนี้ ก็สามารถหาเพิ่มได้จากการกดปฏิเสธคนที่ไม่ต้องการหรือเติมเงินก็ได้เช่นกัน
หลังจากทำทั้งหมดนี้แล้ว สิ่งต่อไปก็แค่รอให้ทั้ง 2 ฝ่ายใจตรงกัน การสนทนาถึงจะเริ่มต้นขึ้นได้นั่นเอง
แต่ก็อย่าคุยกันในแอปพลิเคชันจนเพลินนะคะ เพราะที่พิเศษมากไปกว่านั้นคืออายุแช็ตที่อยู่ใน Coffee Meets Bagel นั้นจะมีแค่ 7 วันเท่านั้น
หรือก็คือถ้าหลังจาก 7 วันที่เริ่มแช็ตกันแล้ว ไม่มีการแลกเปลี่ยนช่องทางการติดต่ออื่น คู่นั้นก็จะหมดโอกาสที่จะคุยกันต่อ
กลายเป็นว่าความแตกต่างเพียงเล็กน้อย ในด้านฟีเชอร์ของตัวแอปพลิเคชันนี่เอง ที่ทำให้ Coffee Meets Bagel ประสบความสำเร็จ แม้จะต้องอยู่ในตลาดที่มีการแข่งขันสูง
และมีเจ้าตลาดใหญ่ ๆ อย่าง Tinder และ Bumble อยู่แล้วก็ตาม
และมีเจ้าตลาดใหญ่ ๆ อย่าง Tinder และ Bumble อยู่แล้วก็ตาม
โดยความเห็นส่วนหนึ่งรู้สึกว่าผู้ใช้งานใน Coffee Meets Bagel มีคุณภาพและโปรไฟล์ที่ดีกว่า เมื่อเทียบกับแอปพลิเคชันหาคู่อื่น ๆ
นอกจากนั้น อีกเรื่องที่ทำให้ Coffee Meets Bagel กลายเป็นที่รู้จัก โดยเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกา คือช่วงปี 2015 ที่สามพี่น้องตระกูล Kang ได้ไปออกรายการ Shark Tank
Shark Tank เป็นรายการเรียลลิตีที่เปิดโอกาสให้สตาร์ตอัปหรือธุรกิจหน้าใหม่ เข้ามาแข่งขันเพื่อพิชิตเงินลงทุนจากนักลงทุนในรายการ
ในตอนนั้น Coffee Meets Bagel เข้ามาขอเงิน 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 17 ล้านบาท โดยแลกกับหุ้น 5%
แต่ทางด้านนักลงทุนกลับมองว่าแม้คอนเซปต์จะดี แต่ผลประกอบการยังขาดทุนอยู่ สุดท้ายคุณ Mark Cuban หนึ่งในนักลงทุนของรายการจึงเสนอไปว่า เขาจะยอมจ่ายเงิน 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1,000 ล้านบาท เพื่อซื้อ Coffee Meets Bagel
แน่นอนว่าวินาทีแรกที่ได้ยินดีลนี้ สามพี่น้องตระกูล Kang ก็อึ้งไปชั่วขณะ แต่หลังจากนั้นพวกเธอก็ได้ปฏิเสธเงินก้อนโตนี้ไปในทันที
โดยพวกเธอมองว่า ธุรกิจที่พวกเธอทำนั้นไม่ได้เป็นธุรกิจที่มีมูลค่าหลักพันล้านเท่านั้น
แต่ในอนาคตบริษัทของพวกเธอจะต้องเติบโตมากกว่านี้ และมีมูลค่าสูงถึงหลักแสนล้านแน่นอน
แต่ในอนาคตบริษัทของพวกเธอจะต้องเติบโตมากกว่านี้ และมีมูลค่าสูงถึงหลักแสนล้านแน่นอน
ถึงแม้ในตอนนั้นพวกเธอจะสร้างความประหลาดใจให้กับผู้ชม ที่กล้าปฏิเสธเงินจำนวนมาก แต่หากมองในวันนี้บริษัทของพวกเธอเองก็มีมูลค่าสูงกว่าที่คุณ Mark Cuban ประเมินไว้เช่นกัน
ปัจจุบัน Coffee Meets Bagel นั้นมีจำนวนผู้ใช้งานทั่วโลกกว่า 10 ล้านคนและยังคงเติบโตต่อไป
ซึ่งเรื่องราวของ สามพี่น้อง Kang ก็คงแสดงให้เราเห็นแล้วว่า
การที่จะทำธุรกิจในตลาดที่มีเจ้าตลาดนั้น หากเรามองหาช่องว่างในตลาดนั้นเจอ เราก็สามารถเป็นหนึ่งในผู้เล่นได้เช่นกัน
และที่สำคัญคือ ต้องมองการณ์ไกลและมั่นใจในสินค้าที่ตัวเองทำอยู่เสมอ
เพราะถ้าหากว่าพี่น้อง Kang ยอมขายแอปพลิเคชันนี้ไปตั้งแต่ตอนนั้น
พวกเธออาจจะไม่มีโอกาสเป็นเจ้าของความสำเร็จในวันนี้ก็เป็นได้..
เพราะถ้าหากว่าพี่น้อง Kang ยอมขายแอปพลิเคชันนี้ไปตั้งแต่ตอนนั้น
พวกเธออาจจะไม่มีโอกาสเป็นเจ้าของความสำเร็จในวันนี้ก็เป็นได้..
References:
-https://www.entrepreneur.com/slideshow/317511
-https://www.businessofapps.com/data/dating-app-market/
-https://www.thewealthrecord.com/celebs-bio-wiki-salary-earnings-2019-2020-2021-2022-2023-2024-2025/other/coffee-meets-bagel-net-worth/
-https://www.inc.com/graham-winfrey/why-these-entrepreneurs-turned-down-30-million-from-mark-cuban.html
-https://versus.com/en/coffee-meets-bagel-vs-tinder
-https://www.alliedmarketresearch.com/online-dating-services-market
-https://www.statista.com/statistics/826778/most-popular-dating-apps-by-audience-size-usa/
-https://www.youtube.com/watch?v=VwFFKbTq-jg
-https://www.youtube.com/watch?v=ZCC1Vf23RRE
-https://www.cnbc.com/2021/05/04/coffee-meets-bagel-co-founder-dawoon-kang-on-achieving-success.html
-https://fortune.com/2021/02/12/covid-pandemic-online-dating-apps-usage-tinder-okcupid-bumble-meet-group/
-https://cheddar.com/media/coffee-meets-bagel-hits-million-users#:~:text=Dawoon%20Kang%2C%20co%2Dfounder%20and,dating%20day%20of%20the%20year.
-https://www.entrepreneur.com/slideshow/317511
-https://www.businessofapps.com/data/dating-app-market/
-https://www.thewealthrecord.com/celebs-bio-wiki-salary-earnings-2019-2020-2021-2022-2023-2024-2025/other/coffee-meets-bagel-net-worth/
-https://www.inc.com/graham-winfrey/why-these-entrepreneurs-turned-down-30-million-from-mark-cuban.html
-https://versus.com/en/coffee-meets-bagel-vs-tinder
-https://www.alliedmarketresearch.com/online-dating-services-market
-https://www.statista.com/statistics/826778/most-popular-dating-apps-by-audience-size-usa/
-https://www.youtube.com/watch?v=VwFFKbTq-jg
-https://www.youtube.com/watch?v=ZCC1Vf23RRE
-https://www.cnbc.com/2021/05/04/coffee-meets-bagel-co-founder-dawoon-kang-on-achieving-success.html
-https://fortune.com/2021/02/12/covid-pandemic-online-dating-apps-usage-tinder-okcupid-bumble-meet-group/
-https://cheddar.com/media/coffee-meets-bagel-hits-million-users#:~:text=Dawoon%20Kang%2C%20co%2Dfounder%20and,dating%20day%20of%20the%20year.