2 สาวที่เจอมรสุมในชีวิต สร้างโลกแห่งสไลม์ จนกวาดรายได้ 1,000 ล้านบาท
Business

2 สาวที่เจอมรสุมในชีวิต สร้างโลกแห่งสไลม์ จนกวาดรายได้ 1,000 ล้านบาท

10 ม.ค. 2025
2 สาวที่เจอมรสุมในชีวิต สร้างโลกแห่งสไลม์ จนกวาดรายได้ 1,000 ล้านบาท /โดย ลงทุนเกิร์ล
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ มีผู้หญิงหลายคน รวยเพราะสไลม์ ของเล่นยอดฮิตของเด็ก Gen Alpha หรือที่คนไทยเรียกว่า “น้ำลายเอเลียน”
คุณ Jungmin Kang สาวน้อยวัย 18 ปี เจ้าของแบรนด์สไลม์ Snoopslimes ยอดขายหลักร้อยล้านคุณ Karina Garcia สาววัย 23 ปี ที่รีวิวสไลม์ในช่อง YouTube จนรวยหลายสิบล้าน
รวมถึงคุณ Sara Schiller กับคุณ Karen Robinovitz ผู้หญิง 2 คนที่กำลังเจอวิกฤติในชีวิต แต่กลับมีชีวิตที่ดีขึ้นได้ เพราะธุรกิจสไลม์ ซึ่งปีที่แล้วกวาดรายได้กว่า 1,000 ล้านบาท
เรื่องราวของทั้ง 2 คน และ Sloomoo น่าสนใจอย่างไร ?
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
ย้อนกลับไปในปี 2018 ขณะที่คุณ Karen Robinovitz กำลังอยู่ในภาวะซึมเศร้า หลังสูญเสียสามี และการจากไปอย่างกะทันหันของลูกพี่ลูกน้อง
เธอได้แต่ขังตัวเองอยู่ในบ้านกับความเสียใจ จนวันหนึ่งเพื่อนของเธอก็พาลูกสาววัย 10 ขวบมาเล่นที่บ้าน
คุณ Robinovitz เล่าว่าเธอเห็นหลานสาวกำลังเล่นสไลม์อยู่ ทำให้เธอนึกถึงตัวเองสมัยเด็ก ที่ชอบเล่นสไลม์เหมือนกัน เธอจึงเดินเข้าไปเล่นกับหลานสาว
กว่าจะรู้สึกตัวอีกที ก็เป็นเวลา 4 ชั่วโมงที่เธอขลุกอยู่กับสไลม์ ซึ่งเธอพบว่ามันทำให้เธอลืมความทุกข์ทั้งหมดไปได้ชั่วขณะ
คุณ Robinovitz นำเรื่องราวนี้ ไปเล่าให้คุณ Sara Schiller เพื่อนสนิทของเธอฟัง ซึ่งตัวคุณ Schiller เองก็มีสถานการณ์ในชีวิตที่ไม่ต่างกับคุณ Robinovitz
โดยคุณ Schiller มีลูกสาวที่ป่วยเป็นโรคแองเจลแมนซินโดรม ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ และสามีที่เป็นโรคเส้นเลือดในสมองแตก เธอจึงกลายเป็นเสาหลักของครอบครัว และมีความเครียดสะสม
พอคุณ Robinovitz นำสไลม์มาที่บ้านของเธอ ก็ทำให้เธอประหลาดใจ เพราะแม้แต่ลูกสาวที่ป่วยเป็นโรคแองเจลแมนซินโดรม ก็สามารถเล่นสไลม์และพูดคุยกับเธอได้เหมือนเด็กทั่วไป
หลังจากนั้น สไลม์ก็กลายเป็นท็อปปิกที่พวกเขาทั้ง 2 คนพูดคุยกันประจำ จนถึงวันที่ทั้งคู่ตัดสินใจเปลี่ยนความหลงใหลในสไลม์ ให้กลายเป็นธุรกิจจริง
ซึ่งต้องบอกว่าทั้ง 2 คนเป็นนักธุรกิจหญิงอยู่แล้ว เพราะคุณ Robinovitz เคยเปิดเอเจนซีดูแลอินฟลูเอนเซอร์มาก่อน ส่วนคุณ Schiller เคยร่วมก่อตั้งแพลตฟอร์มให้เช่าห้องประชุม
พวกเธอจึงใช้ความรู้ด้านการตลาดรวมกับด้านอสังหาริมทรัพย์ เปิด Pop-Up Store สไลม์ขนาดยักษ์ที่นิวยอร์กในปี 2019 ให้คนได้มาเล่นสไลม์แบบจุใจ และตั้งชื่อว่า Sloomoo (มาจาก Slime และตัดเสียงสระออกเป็นตัว o)
แม้ว่าก่อนจะเริ่มธุรกิจ คนรอบตัวจะมองว่าพวกเธอ 2 คนบ้า และมองว่าธุรกิจสไลม์ของพวกเธอไม่น่าจะไปรอด
แต่กลายเป็นว่า เพียงแค่วันแรกที่เปิดกิจการ Sloomoo ก็มีลูกค้าเข้ามาเล่นมากถึง 3,000 คน
โดย Pop-Up Store ของ Sloomoo นั้น ถ้าให้นึกถึงภาพ มันคือสนามเด็กเล่นใหญ่ ๆ ในห้าง ที่มีหลาย ๆ ด่านให้เราเล่น
เมื่อเข้าไป ทุกคนต้องเปลี่ยนชื่อ เอาเสียงสระออกแล้วแทนด้วย oo เช่น Sara เป็น Sooroo และทีมงานจะให้เราเอาสไลม์เล็ก ๆ ไปแปะบนผนังสไลม์ขนาดยักษ์เพื่อเป็นการเช็กอิน
จากนั้นทุกคน ก็จะได้เข้าไปเล่นสไลม์ในห้องต่าง ๆ
เช่น Kinetic Sand Room เหมือนเวลาเด็ก ๆ ไปเล่นทรายบนชายหาด จะมีของเล่นทราย ให้บีบทรายออกมาเป็นรูปร่างต่าง ๆ
ซึ่งภายในห้องนี้ เราจะได้สร้างตัวละครสไลม์ในแบบของตัวเองผ่านวิดีโอ แล้วก็ดูตัวละครสไลม์ของเราขยับไปมา เต้นรำบนหน้าจอได้ด้วย
ต่อมาคือห้องไฮไลต์ คือ Sloomoo Falls ทุกคนจะต้องใส่เสื้อกันฝนพลาสติก แล้วจะมีฝนสไลม์เทลงมาใส่ตัวเรา
และอีกห้องคือ Sloomoo Lake ทะเลสาบสไลม์ขนาดใหญ่ ที่เหมือนบ้านบอลของคนไทย แต่เปลี่ยนจากลูกบอลเป็นสไลม์ ให้เราเหยียบหรือทิ้งตัวลงไปบนสไลม์นุ่ม ๆ
สุดท้ายก่อนออก ทุกคนจะได้เข้าด่านทำสไลม์ของตัวเองนำกลับบ้าน โดยทุกคนจะได้เลือกเนื้อสัมผัสของสไลม์ ไม่ว่าจะเป็น Texture สี หรือเลือกกลิ่น
ปัจจุบัน Sloomoo มีทั้งหมด 5 สาขาในหัวเมืองใหญ่อย่าง Atlanta, Chicago, Houston, New York และ Los Angeles ซึ่งกวาดรายได้ให้บริษัทในปีล่าสุดไปกว่า 1,000 ล้านบาท
โดย 80% ของรายได้ มาจากการขายตั๋วเข้าเล่น ราคาเริ่มต้นใบละประมาณ 1,000 บาท และอีก 20% มาจากยอดขายสไลม์
และตอนนี้ Sloomoo ก็มีแผนขยายการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นการขยายสาขาในเมืองที่มีศักยภาพ และมีแผนที่จะขยายไปยังต่างประเทศผ่านการขายแฟรนไชส์อีกด้วย
เรื่องราวของคุณ Sara Schiller กับคุณ Karen Robinovitz คงเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนเห็นแล้วว่า แม้จะเป็นคนที่มีปัญหารุมเร้ามากมายในชีวิต ก็สามารถประสบความสำเร็จได้
และคงเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่ชัดเจนของนักธุรกิจที่รวยเพราะสินค้าที่ดูเรียบง่าย มีส่วนผสมหลักคือแป้งและกาว อย่างสไลม์..
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.