
Uncategorized
กรณีศึกษา วิธีสร้างแบรนด์เครื่องสำอาง ให้สำเร็จเหมือน SUPERSHADES
16 มี.ค. 2021
กรณีศึกษา วิธีสร้างแบรนด์เครื่องสำอาง ให้สำเร็จเหมือน SUPERSHADES /โดย ลงทุนเกิร์ล
ตอนวัยเรียน ทุกคนใช้เวลาว่างหมดไปกับอะไรกันบ้างคะ?
บางคนก็อาจจะอ่านหนังสือ ออกไปเที่ยว หรือหางานอดิเรกอย่างอื่น
แต่คุณรุจิเรศ เอี่ยมมุทิตา กลับเลือกใช้เวลาว่างนี้มาเปิดร้านขายของ
ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นของแบรนด์เครื่องสำอาง SUPERSHADES
บางคนก็อาจจะอ่านหนังสือ ออกไปเที่ยว หรือหางานอดิเรกอย่างอื่น
แต่คุณรุจิเรศ เอี่ยมมุทิตา กลับเลือกใช้เวลาว่างนี้มาเปิดร้านขายของ
ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นของแบรนด์เครื่องสำอาง SUPERSHADES
โดยคุณรุจิเรศ ได้ส่งเรื่องราวของเธอเข้ามาเป็นเคสธุรกิจ
แล้วแบรนด์ SUPERSHADES น่าสนใจอย่างไร? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
แล้วแบรนด์ SUPERSHADES น่าสนใจอย่างไร? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
คุณรุจิเรศเริ่มต้นขายของที่จตุจักรโครงการ 3 ที่มีระยะเวลาเช่าล็อกว่างเพียงแค่ 3 เดือนเท่านั้น ซึ่งนับว่าเป็นระยะเวลาที่สั้นมาก
แต่ในสายตาคุณรุจิเรศกลับมองว่า นี่คือโอกาสที่ดี ที่จะได้เริ่มต้นลองทำธุรกิจอะไรสักอย่าง
จึงตัดสินใจนำเงินเก็บส่วนตัว 100,000 บาท มาลงทุนเป็นครั้งแรก
จึงตัดสินใจนำเงินเก็บส่วนตัว 100,000 บาท มาลงทุนเป็นครั้งแรก
โดยเริ่มจากการนำเสื้อผ้ามาขาย และเมื่อครบสัญญา 3 เดือน
จึงเปลี่ยนมาทำแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเองและขายส่ง
จึงเปลี่ยนมาทำแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเองและขายส่ง
แต่ทำไปได้สักพัก ก็ต้องหยุดธุรกิจเสื้อผ้าลง
เนื่องจากถูกสินค้าราคาถูกจากจีนถล่มอย่างหนัก
เนื่องจากถูกสินค้าราคาถูกจากจีนถล่มอย่างหนัก
อย่างไรก็ตาม คุณรุจิเรศ ก็ไม่ได้ล้มเลิกที่จะทำธุรกิจของตัวเอง
เธอจึงตัดสินใจมองหาโอกาสทางธุรกิจอื่น ก่อนจะเข้ามาจับธุรกิจความงาม
และเริ่มต้นจากการขายสกินแคร์
เธอจึงตัดสินใจมองหาโอกาสทางธุรกิจอื่น ก่อนจะเข้ามาจับธุรกิจความงาม
และเริ่มต้นจากการขายสกินแคร์
คุณรุจิเรศอาศัยการออกบูทตามงานต่าง ๆ รวมถึงตั้งร้านตามใต้ตึกสำนักงาน
แต่อุปสรรคของการขายสกินแคร์ในยุคนั้น คือคนยังไม่ค่อยเปิดใจกับสกินแคร์แบรนด์ไทย
ทำให้เกิดคำถามมากมาย เกี่ยวกับส่วนผสมและสิ่งที่อาจจะก่อให้เกิดอาการแพ้
แต่ถึงอย่างนั้นคุณรุจิเรศก็ยังคงขายสกินแคร์ต่อไป
แต่อุปสรรคของการขายสกินแคร์ในยุคนั้น คือคนยังไม่ค่อยเปิดใจกับสกินแคร์แบรนด์ไทย
ทำให้เกิดคำถามมากมาย เกี่ยวกับส่วนผสมและสิ่งที่อาจจะก่อให้เกิดอาการแพ้
แต่ถึงอย่างนั้นคุณรุจิเรศก็ยังคงขายสกินแคร์ต่อไป
และแล้วจุดเปลี่ยนของเธอก็มาถึง..
ตอนนั้นคุณรุจิเรศไปออกบูทที่งานงานหนึ่ง และตั้งบูทอยู่ข้าง ๆ ร้านที่ขายเครื่องสำอาง
ทั้ง ๆ ที่เป็นผลิตภัณฑ์ที่ต้องใช้บนใบหน้าเหมือนกัน
แต่ลูกค้ากลับถามร้านข้าง ๆ ว่า “แป้งนี้ติดทนไหม” แทนที่จะเป็น “ใช้แล้วจะแพ้ไหม”
เหมือนอย่างที่คุณรุจิเรศต้องเจอ
แต่ลูกค้ากลับถามร้านข้าง ๆ ว่า “แป้งนี้ติดทนไหม” แทนที่จะเป็น “ใช้แล้วจะแพ้ไหม”
เหมือนอย่างที่คุณรุจิเรศต้องเจอ
เรื่องนี้ทำให้คุณรุจิเรศอยากจะลองทำธุรกิจเครื่องสำอางบ้าง
จึงใช้เงินที่ได้จากการทำธุรกิจก่อนหน้านี้มาลงทุน และกลายเป็นแบรนด์ SUPERSHADES ในที่สุด
แต่การจะเริ่มต้นทำแบรนด์สักแบรนด์ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น
คุณรุจิเรศเริ่มต้นจากการเดินสำรวจตลาด ว่าตอนนี้สินค้าแบรนด์ไทยในท้องตลาดมีอะไรบ้าง
และอะไรที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในขณะนั้น
และอะไรที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในขณะนั้น
ในที่สุดสินค้าแรกของ SUPERSHADES ก็ถูกปล่อยออกมา
เป็น “ลิปสติกสีแมตต์” และเริ่มต้นการขายด้วยการไปออกบูทตามอีเวนต์ต่าง ๆ เช่นเคย
ซึ่งผลตอบรับที่ได้ เรียกว่าดีมาก และเริ่มทำให้ SUPERSHADES กลายเป็นที่รู้จัก
เป็น “ลิปสติกสีแมตต์” และเริ่มต้นการขายด้วยการไปออกบูทตามอีเวนต์ต่าง ๆ เช่นเคย
ซึ่งผลตอบรับที่ได้ เรียกว่าดีมาก และเริ่มทำให้ SUPERSHADES กลายเป็นที่รู้จัก
แต่ถึงอย่างนั้นคุณรุจิเรศ ก็เริ่มเล็งเห็นถึงปัญหาหนึ่งของลูกค้า ว่าเป็นเรื่อง “ขนาด” ของสินค้า
โดยกลุ่มลูกค้าของคุณรุจิเรศส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มนักเรียน นักศึกษา รวมถึง First Jobber
ซึ่งเป็นกลุ่มที่มองหาสินค้าราคาประหยัด
ซึ่งเป็นกลุ่มที่มองหาสินค้าราคาประหยัด
นอกจากนั้นปัญหาที่สาว ๆ ที่ซื้อลิปสติกหลายแท่งน่าจะเข้าใจดี
เพราะไม่ว่าจะซื้อมากี่แท่ง ก็มักจะใช้ไม่เคยหมด
เพราะไม่ว่าจะซื้อมากี่แท่ง ก็มักจะใช้ไม่เคยหมด
คุณรุจิเรศจึงริเริ่มทำ ลิปสติกไซซ์มินิ มาวางขาย ในราคา 99 บาท
กลายเป็นว่า เจ้าลิปจิ๋วนี่แหละที่เป็นตัวกระตุ้นให้ SUPERSHADES เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น
รวมถึงเป็นตัวจุดประกายที่ทำให้แบรนด์อื่น หันมาทำเครื่องสำอางแบบไซซ์เล็กบ้าง
กลายเป็นว่า เจ้าลิปจิ๋วนี่แหละที่เป็นตัวกระตุ้นให้ SUPERSHADES เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น
รวมถึงเป็นตัวจุดประกายที่ทำให้แบรนด์อื่น หันมาทำเครื่องสำอางแบบไซซ์เล็กบ้าง
ในที่สุดปี 2017 SUPERSHADES ก็ได้มีโอกาสเข้าไปวางจำหน่ายในร้าน EVEANDBOY รวมถึงร้านมัลติสโตร์อื่น ๆ และยังได้รับการติดต่อให้ไปวางจำหน่ายบนเว็บไซต์ของ King Power อีกด้วย
นอกจากนั้นยังมีบริษัทจากประเทศจีนเข้ามาติดต่อ และมีโอกาสได้ไปวางจำหน่ายที่ประเทศฝั่ง อเมริกา
เรียกว่าแบรนด์ SUPERSHADES กลายเป็นที่รู้จักและเติบโตทั้งในไทยและต่างประเทศเลยทีเดียว
แล้วสินค้าของ SUPERSHADES แตกต่างจากสินค้าเครื่องสำอางแบรนด์อื่นอย่างไร ?
ทั้ง ๆ ที่ตลาดความงามก็แข่งขันกันอย่างดุเดือด
ทั้ง ๆ ที่ตลาดความงามก็แข่งขันกันอย่างดุเดือด
ถึงแม้จะเคยมีคนบอกว่า “อย่าตัดสินหนังสือจากปกของมัน”
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ปกหนังสือหรือ “แพ็กเกจจิง” นี่แหละ ที่เป็นตัวช่วยดึงดูดลูกค้า
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ปกหนังสือหรือ “แพ็กเกจจิง” นี่แหละ ที่เป็นตัวช่วยดึงดูดลูกค้า
คุณรุจิเรศจึงใส่ใจกับเรื่องนี้มาก โดยเธอกล่าวว่า “แพ็กเกจของเราต้องโดดเด่น จนทำให้ลูกค้าหยุดดู”
นอกจากนั้นสิ่งที่คุณรุจิเรศ ใส่ใจไม่แพ้กัน ก็คือ “คุณภาพของสินค้า”
เพราะถ้าแพ็กเกจสวยแต่สินค้าไม่มีคุณภาพก็ไม่มีความหมาย
เพราะถ้าแพ็กเกจสวยแต่สินค้าไม่มีคุณภาพก็ไม่มีความหมาย
คุณรุจิเรศทำการบ้านในเรื่องนี้อย่างหนัก โดยเธอบินไปต่างประเทศด้วยตนเอง
เพื่อมองหาแหล่งการผลิตที่ดีมีคุณภาพ จนสุดท้ายก็ไปลงหลักปักฐานที่โรงงานในประเทศจีน
ซึ่งเป็นโรงงานเดียวกันกับที่ผลิตสินค้าเครื่องสำอางให้กับแบรนด์ชั้นนำอื่น
เพื่อมองหาแหล่งการผลิตที่ดีมีคุณภาพ จนสุดท้ายก็ไปลงหลักปักฐานที่โรงงานในประเทศจีน
ซึ่งเป็นโรงงานเดียวกันกับที่ผลิตสินค้าเครื่องสำอางให้กับแบรนด์ชั้นนำอื่น
นอกจากนี้คุณรุจิเรศไม่เพียงแค่ศึกษาตลาดในประเทศไทยเท่านั้น
แต่ยังไปศึกษาอัปเดตเทรนด์และนวัตกรรมใหม่ๆ จากเกาหลี ญี่ปุ่น ฮ่องกง
เพื่อนำเทรนด์และนวัตกรรมเหล่านั้น มาพัฒนาให้เหมาะสมกับประเทศไทยด้วย
แต่ยังไปศึกษาอัปเดตเทรนด์และนวัตกรรมใหม่ๆ จากเกาหลี ญี่ปุ่น ฮ่องกง
เพื่อนำเทรนด์และนวัตกรรมเหล่านั้น มาพัฒนาให้เหมาะสมกับประเทศไทยด้วย
แต่ไม่ว่าอะไรจะเปลี่ยนไปขนาดไหน สิ่งสำคัญก็คือ การหาจุดเด่นของตัวเองให้เจอ
อย่างแบรนด์ SUPERSHADES เกิดขึ้นมาด้วยสินค้าลิปสติกเป็นอย่างแรก
ทำให้แบรนด์เก่งเรื่อง “สีสัน” มากที่สุด สินค้าที่ขายดีจึงเป็นลิปสติกกับบลัชออน
ทำให้แบรนด์เก่งเรื่อง “สีสัน” มากที่สุด สินค้าที่ขายดีจึงเป็นลิปสติกกับบลัชออน
นอกจากนั้น แบรนด์ก็เคยทำอายไลเนอร์ ซึ่งทำออกมา 2 สี คือสีดำและสีน้ำตาล
ตอนแรกก็คิดว่าผู้บริโภคน่าจะชอบสีดำ จึงผลิตสีนี้ออกมาจำนวนมาก
แต่ผลปรากฏว่า สีน้ำตาลที่ผลิตมาน้อยกว่ากลับขายดีมากกว่า
ตอนนั้นเองเลยทำให้คุณรุจิเรศรู้ว่า สิ่งที่ SUPERSHADES เก่งคือเรื่องสี
แต่ผลปรากฏว่า สีน้ำตาลที่ผลิตมาน้อยกว่ากลับขายดีมากกว่า
ตอนนั้นเองเลยทำให้คุณรุจิเรศรู้ว่า สิ่งที่ SUPERSHADES เก่งคือเรื่องสี
และอย่างสุดท้ายคือ “การสื่อสารไปยังกลุ่มลูกค้า”
คุณรุจิเรศเล่าว่า ต่อให้สินค้าเราดี ราคาดี แต่สื่อสารไปไม่ถูกกลุ่มก็ไม่มีความหมาย
การสื่อสารของแบรนด์ SUPERSHADES จึงเน้นไปที่การใช้สื่อออนไลน์เป็นหลัก
โดยคุณรุจิเรศเลือกใช้การสื่อสารผ่าน “อินฟลูเอนเซอร์” มากกว่าการเลือกใช้ดารา
เพื่อให้สอดคล้องกับ ไลฟ์สไตล์การเล่นโซเชียลของกลุ่มเป้าหมายที่สุด
โดยคุณรุจิเรศเลือกใช้การสื่อสารผ่าน “อินฟลูเอนเซอร์” มากกว่าการเลือกใช้ดารา
เพื่อให้สอดคล้องกับ ไลฟ์สไตล์การเล่นโซเชียลของกลุ่มเป้าหมายที่สุด
นอกจากนั้นในช่วงที่เกิดการระบาดของโควิด 19
จริง ๆ SUPERSHADES ก็มีแผนจะปล่อยสินค้าใหม่ แต่คุณรุจิเรศกลับตัดสินใจเลื่อนออกไปก่อน
เพราะถ้าเราฝืนที่จะออกสินค้า พอปล่อยออกมาแล้วมันเงียบ มันก็จะกลายเป็นของเก่า
จริง ๆ SUPERSHADES ก็มีแผนจะปล่อยสินค้าใหม่ แต่คุณรุจิเรศกลับตัดสินใจเลื่อนออกไปก่อน
เพราะถ้าเราฝืนที่จะออกสินค้า พอปล่อยออกมาแล้วมันเงียบ มันก็จะกลายเป็นของเก่า
ดังนั้นแทนที่จะไปดูเรื่องการปล่อยสินค้าใหม่
SUPERSHADES จึงหันมาทำการตลาดด้านออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบแทน
SUPERSHADES จึงหันมาทำการตลาดด้านออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบแทน
โดยการกระจายช่องทางการขายสินค้าไปตามแอปพลิเคชัน และแพลตฟอร์มออนไลน์ทั้งหมด
รวมถึงทำช่องทางการสื่อสารทุกช่องทางด้วยคอนเทนต์รูปแบบใหม่ ๆ อย่าง TikTok
รวมถึงทำช่องทางการสื่อสารทุกช่องทางด้วยคอนเทนต์รูปแบบใหม่ ๆ อย่าง TikTok
คุณรุจิเรศเล่าว่า มีช่วงหนึ่งที่เทรนด์ใน TikTok นิยมทำคอนเทนต์ “ห่อสินค้า”
ซึ่ง SUPERSHADES ก็เลือกทำคอนเทนต์แนวนั้นด้วย คือ นำสินค้าที่จะส่งลูกค้ามาห่อให้ดู
ซึ่ง SUPERSHADES ก็เลือกทำคอนเทนต์แนวนั้นด้วย คือ นำสินค้าที่จะส่งลูกค้ามาห่อให้ดู
กลายเป็นว่าคอนเทนต์นั้น ได้กระแสตอบรับค่อนข้างดี
จนลูกค้าเกิดความสนใจ และเข้ามาสั่งซื้อสินค้าในที่สุด
จนลูกค้าเกิดความสนใจ และเข้ามาสั่งซื้อสินค้าในที่สุด
นอกจากนั้น ช่วงปลายปี 2020 SUPERSHADES เริ่มเข้ามาวางขายใน 7-Eleven
โดยเลือกผลิตภัณฑ์ที่เป็น “ลิปซอง” เพื่อจับตลาดกลุ่มแมสมากขึ้น
โดยเลือกผลิตภัณฑ์ที่เป็น “ลิปซอง” เพื่อจับตลาดกลุ่มแมสมากขึ้น
และสำหรับปีนี้ SUPERSHADES ก็จะกลับเข้าสู่ตลาดอีกครั้ง
ด้วยสินค้าตัวใหม่ Galaxy Dash ที่ทุกคนน่าจะเริ่มเห็นในท้องตลาดกันแล้ว
ด้วยสินค้าตัวใหม่ Galaxy Dash ที่ทุกคนน่าจะเริ่มเห็นในท้องตลาดกันแล้ว
ปิดท้ายด้วยมุมมองการสร้างแบรนด์ SUPERSHADES ของคุณรุจิเรศ
เธอเล่าว่า “การทำธุรกิจนั้น กำลังใจเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
เพราะในตอนแรกไม่มีใครที่สำเร็จเลยหรอก
มันยังต้องล้มอีกมาก จนกว่ามันจะมาถึงจุดนี้
ฉะนั้นห้ามท้อเด็ดขาด ต้องสู้ให้ถึงที่สุดเท่านั้น”
เธอเล่าว่า “การทำธุรกิจนั้น กำลังใจเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
เพราะในตอนแรกไม่มีใครที่สำเร็จเลยหรอก
มันยังต้องล้มอีกมาก จนกว่ามันจะมาถึงจุดนี้
ฉะนั้นห้ามท้อเด็ดขาด ต้องสู้ให้ถึงที่สุดเท่านั้น”
Reference:
-สัมภาษณ์โดยตรงกับคุณรุจิเรศ เอี่ยมมุทิตา เจ้าของแบรนด์ SUPERSHADES Cosmetics
-สัมภาษณ์โดยตรงกับคุณรุจิเรศ เอี่ยมมุทิตา เจ้าของแบรนด์ SUPERSHADES Cosmetics
Tag:SUPERSHADES