
Business
สรุปวิธีปั้นแบรนด์ “Fazit” เจ้าของกระกลิตเตอร์สุดไวรัล ที่ขายดี จนกวาดรายได้ 200 ล้าน
25 มี.ค. 2025
สรุปวิธีปั้นแบรนด์ “Fazit” เจ้าของกระกลิตเตอร์สุดไวรัล ที่ขายดี จนกวาดรายได้ 200 ล้าน /โดย ลงทุนเกิร์ล
เชื่อว่าเหล่า Swiftie คงเคยเห็นลุคแต่งหน้าของ Taylor Swift ที่มาพร้อมกับกระกลิตเตอร์ระยิบระยับ
ซึ่งกระกลิตเตอร์นั้น เป็นของ “Fazit” แบรนด์ความงามที่เริ่มต้นจากผลิตภัณฑ์แผ่นแปะผิว พลิกโฉมสู่แบรนด์กระกลิตเตอร์ยอดนิยม จากการเป็นกระแสไวรัลชั่วข้ามคืน
ต้องบอกว่า ความน่าสนใจของ Fazit ไม่ได้อยู่ที่ผลิตภัณฑ์เพียงอย่างเดียว แต่เป็นวิธีการปั้นแบรนด์ให้เป็นไวรัล และแนวคิดที่น่าสนใจของผู้ก่อตั้ง
เรื่องราวทั้งหมดนี้น่าสนใจอย่างไร ?
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
แบรนด์ Fazit ก่อตั้งขึ้นในปี 2022 โดยคุณ Aliett Buttelman และคุณ Nina LaBruna
สองสาวที่ใช้เงินเก็บรวมกัน 400,000 บาท สร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าประเภทแผ่นแปะ ที่เน้นการแก้ไขปัญหาผิวหลายประเภท เช่น สิวอักเสบขนาดใหญ่ แผ่นซิลิโคนลดรอยแผลเป็น และแผ่นแปะช่วยรักษาขนคุด
เมื่อธุรกิจดำเนินไปสักระยะ ทั้งคู่เห็นถึงความจำเป็นในการขยายตลาดและพัฒนาสินค้าใหม่
ด้วยความที่คุณ Buttelman มีประสบการณ์ด้านแฟชั่นและความงามเป็นทุนเดิม วันหนึ่งเธอและพาร์ตเนอร์ เห็นคลิปสอนแต่งหน้าที่เป็นไวรัล จากการใช้บรอกโคลีทำกระปลอมบนใบหน้า ที่ให้ผลลัพธ์ของกระที่ดูเป็นธรรมชาติ
ทั้งคู่จึงเกิดไอเดียในการต่อยอดผลิตภัณฑ์แผ่นแปะผิว โดยพัฒนาเป็นกระปลอมที่ใช้งานได้ง่ายขึ้น ด้วยวิธีการแปะที่คล้ายกับรอยสักชั่วคราวสำหรับเด็ก ซึ่งต้องใช้น้ำช่วยในการติดลงบนผิว
อีกทั้งยังดิไซน์แผ่นแปะให้มีส่วนโค้งรับกับจมูกและแก้ม ซึ่งเป็นบริเวณที่กระมักจะขึ้นบนหน้าตามธรรมชาติ และเพิ่มกิมมิกความสนุกด้วยกลิตเตอร์
ซึ่งก่อนที่จะวางขายสินค้าขายจริง ผู้ก่อตั้งตัดสินใจส่งสินค้าตัวอย่างไปให้อินฟลูเอนเซอร์ใช้ในงาน Coachella และได้รับการตอบรับที่ดีมาก
โดยอินฟลูเอนเซอร์รายหนึ่งได้โพสต์คลิปรีวิวกระกลิตเตอร์ จนคลิปกลายเป็นไวรัล มียอดเข้าชมกว่า 10 ล้านครั้ง และเมื่อผลิตภัณฑ์ออกวางจำหน่ายจริง ก็สามารถขายหมดภายใน 7 วัน
แต่ไวรัลไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะคุณ Buttelman ตั้งเป้าที่จะใช้กลยุทธ์ Celebrity Marketing โดยมีเป้าหมายให้ Taylor Swift ใช้กระกลิตเตอร์ของแบรนด์
คุณ Buttelman จึงทำทุกวิถีทางให้ Taylor Swift ได้เห็นกระกลิตเตอร์ของเธอ รวมถึงการส่งสินค้านี้ไปให้ช่างแต่งหน้าของ Taylor Swift และ Sabrina Carpenter ในช่วงที่ทั้งคู่กำลังแสดงคอนเสิร์ต The Eras Tour
จนกระทั่งในเดือนตุลาคมปี 2024 Taylor Swift ได้ใช้กระกลิตเตอร์สี Gold Speckles ขณะที่เข้าไปชมการแข่งขันอเมริกันฟุตบอลของทีม Kansas City Chiefs
ทำให้กระกลิตเตอร์สี Gold Speckles กลายเป็นที่พูดถึงบนโลกออนไลน์อีกครั้ง จนแบรนด์สามารถกวาดยอดขายไปกว่า 34 ล้านบาท ภายในเวลาเพียง 48 ชั่วโมง ส่งผลให้รายได้รวมของแบรนด์ในปี 2024 ทะลุ 237 ล้านบาท
แม้หลายคนจะมองว่าแบรนด์ Fazit ดังระดับโลกได้ เพราะ Taylor Swift แต่ผู้ก่อตั้งแบรนด์ทั้งสองคนมองว่านี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น เพราะความท้าทายที่แท้จริง คือการรักษาความนิยมหลังจากที่แบรนด์กลายเป็นไวรัล
Fazit มีกลยุทธ์อย่างไรในการรักษาความนิยม ?
อันดับแรกคือ การต่อยอดสินค้า Hero Product
ต้องบอกว่าในตอนแรก ผู้ก่อตั้งทั้งสองคนตั้งใจสร้างผลิตภัณฑ์กระกลิตเตอร์ขึ้นมา เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าสาว ๆ ที่ชอบไปมิวสิกเฟสติวัล โดยเฉพาะ
แต่หลังจากที่ Taylor Swift ติดกระกลิตเตอร์ในขณะที่ไปดูเกมอเมริกันฟุตบอล ผู้ก่อตั้งทั้งสองคนจึงเห็นโอกาสในการต่อยอดผลิตภัณฑ์ Hero Product อย่างกระกลิตเตอร์ โดยขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น เริ่มต้นด้วยการเข้าสู่ตลาดกลุ่มผู้สนใจกีฬา
เนื่องจากผู้หญิงส่วนใหญ่ที่เข้าไปเชียร์นักกีฬาที่ชื่นชอบ ต้องการแสดงออกถึงความเป็นทีม ทาง Fazit จึงจับมือร่วมกับแบรนด์ความงามยักษ์ใหญ่ e.l.f. Beauty ออกไลน์สินค้า “Team Spirit” แผ่นแปะแถบสีต่าง ๆ เช่น สีแดง, สีน้ำเงิน, สีส้ม และสีม่วง ที่เป็นสีสัญลักษณ์ของทีมกีฬา
ซึ่งการขยายตลาดครั้งนี้ ไม่เพียงทำให้ Fazit สามารถต่อยอดสินค้า Hero Product แต่ยังเป็นการก้าวข้ามขีดจำกัดของสินค้าเฉพาะกลุ่ม ให้เป็นสินค้าสำหรับทุกคนได้
อันดับถัดมาคือ การสต๊อกสินค้าให้เพียงพอต่อความต้องการ
สำหรับแบรนด์อื่น ๆ การประกาศว่า “สินค้าขายหมดแล้ว” อาจแสดงถึงความฮิต หรือขายดีจนสินค้าหมด
แต่สำหรับแบรนด์ Fazit มองว่า ท่ามกลางความไวรัลของกระกลิตเตอร์ทั่วโลก การจัดการสินค้าในสต๊อกให้เพียงพอต่อความต้องการเป็นสิ่งสำคัญ และการมีสินค้าพร้อมจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง เป็นเรื่องที่ดีกว่า
ทางทีมผู้ก่อตั้งจึงมีทีมที่คอยดูเรื่องระบบสต๊อกสินค้าให้เพียงพอกับการขายออนไลน์ในทุก ๆ วัน
พูดง่าย ๆ ก็คือ ในโลกที่กระแสไวรัลมาเร็วไปเร็ว Fazit เลือกที่จะสร้างความยั่งยืนด้วยการมีสินค้าในมือ มากกว่าปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไปพร้อมกับคำว่า “ของหมด”
สุดท้ายคือ การร่วมมือกับร้านค้าปลีก
ปัจจุบัน Fazit เริ่มเข้าไปวางขายในเชนร้านขายยา CVS กว่า 400 สาขาทั่วสหรัฐฯ อีกทั้งยังเข้าร่วมกับเชนร้านแฟชั่น Urban Outfitters เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการซื้อสินค้าทันที
แถมยังทำแคมเปญโฆษณาโปรโมตสินค้าบนรถบรรทุกใจกลางนิวยอร์ก ก่อนขยายไปลอสแอนเจลิส และไมแอมี เพื่อเชิญชวนให้ผู้คนหันมาซื้อสินค้าที่ CVS มากขึ้น
ซึ่งการขยายแบรนด์สู่ร้านค้าปลีกในครั้งนี้ คาดว่าจะช่วยให้ยอดค้าปลีกของแบรนด์ Fazit ในปี 2025 เพิ่มขึ้นเป็น 1,400 ล้านบาท และช่วยเพิ่มสัดส่วนยอดขายปลีกให้เติบโตจากเดิม 5% เป็น 13% เพราะยังมีกลุ่มคนกลุ่มใหญ่ ที่ชื่นชอบการซื้อของจากหน้าร้านอยู่มากพอสมควร
ทั้งหมดนี้ คือเรื่องราวของ Fazit นิชแบรนด์ที่สามารถสร้างกระแสไวรัล จนเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง
ซึ่งพวกเขาไม่ได้หยุดความสำเร็จอยู่แค่กระแสไวรัล แต่ยังสร้างรากฐานธุรกิจที่แข็งแกร่งด้วยการพัฒนาสินค้าให้โดนใจกลุ่มเป้าหมาย เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างยั่งยืน
เพราะบทพิสูจน์ของความสำเร็จที่แท้จริง ไม่ได้วัดกันที่กระแสชั่วครู่ แต่คือการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งและยั่งยืนในระยะยาว..