ทำไม แบรนด์ชอบใช้ "แมว" มาทำการตลาด แม้สินค้าไม่เกี่ยวกับสัตว์
Business

ทำไม แบรนด์ชอบใช้ "แมว" มาทำการตลาด แม้สินค้าไม่เกี่ยวกับสัตว์

25 ต.ค. 2022
ทำไม แบรนด์ชอบใช้ "แมว" มาทำการตลาด แม้สินค้าไม่เกี่ยวกับสัตว์ /โดย ลงทุนเกิร์ล
รู้หรือไม่ว่า มนุษย์เราเป็นทาสแมว มาแล้วกว่า 3,000 ปี
และจนถึงปัจจุบัน มนุษย์เราก็ยังไม่มีท่าทีว่า จะหยุดเป็นทาสได้เลย
ซึ่งความน่าสนใจ ที่ซ่อนอยู่ในความคลั่งไคล้แมวของมนุษย์ คือ นอกจากแมวจะเป็นสัตว์เลี้ยงที่คอยฮีลใจได้แล้ว แมวยังสามารถ “เพิ่มมูลค่า” ให้แบรนด์ ได้อย่างมหาศาลอีกด้วย
แล้วทำไมแบรนด์ต่าง ๆ ถึงเลือกที่จะหยิบแมวมาใช้ในทางการตลาด ?
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง..
ตั้งแต่ยุคอียิปต์โบราณ มนุษย์เราก็มองแมวเป็นสัตว์ที่ต้องให้ความเคารพ
ไปจนถึง ฝั่งญี่ปุ่น ที่ยกให้แมวเป็นสัญลักษณ์ของความโชคดี อย่าง “มาเนกิเนะโกะ” หรือ แมวกวัก นั่นเอง
แต่แมวก็ไม่ได้ผูกพันกับคนเพียงเพราะความเชื่อเท่านั้น เพราะด้วยลักษณะเด่นของแมว ทั้งหน้าตา และนิสัยที่สุขุม แต่ขี้เล่น ก็ยังทำให้แมวน่าเอ็นดูในสายตาของเหล่าทาส มาจนถึงทุกวันนี้
และไม่เพียงเท่านั้น มนุษย์ก็ยังมักจะนำแมวมาใช้ในทางการตลาด ทั้งการใช้แมวมาเป็นพรีเซนเตอร์สินค้า ที่ช่วยเพิ่มยอดการเข้าถึงโฆษณา และมีโอกาสเพิ่มยอดขายได้อีกด้วย
แล้ว “แมว” ช่วยกระตุ้นการมีส่วนร่วม ทางการตลาด ได้จริงหรือ ?
หากดูจากการศึกษาของ Sortlist
ซึ่งทำการวิเคราะห์ วิดีโอโฆษณาถึง 500 ตัว ใน YouTube จนสรุปได้ว่า
โฆษณาที่มี “แมว” สามารถช่วยเพิ่มยอดวิวได้สูงถึง 2,700%
เมื่อเทียบกับคลิปอื่น ๆ ในช่อง YouTube ของแบรนด์เดียวกัน
ซึ่งแบรนด์ใหญ่ ๆ ที่ได้ประโยชน์จากปรากฏการณ์นี้ ก็มีอยู่ในหลากหลายกลุ่มธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น Mercedes-Benz, Pizza Hut, Skittles, Netflix และ LG ที่ต่างก็เคยใช้แมว มากระตุ้นการมีส่วนร่วมกับโฆษณา
แล้วทำไม แบรนด์เหล่านี้ถึงเลือกใช้ แมว มาทำการตลาด แม้ว่าสินค้าจะไม่เกี่ยวกับแมวเลยก็ตาม ?
-ความเป็น “สากล”
แมว เป็นสัญลักษณ์ ที่ไม่มีข้อจำกัดของชาติ และภาษา
ทำให้ไม่ว่าใคร ก็สามารถเข้าใจ Message ที่โฆษณาตัวนั้นต้องการสื่อสารได้
รวมทั้ง แมว ยังสามารถเข้าถึงคนได้หลากหลายกลุ่ม โดยไม่จำกัดเพศ หรืออายุ
แตกต่างจากการใช้ ดารา หรือคนดัง ที่อาจดึงความสนใจได้เฉพาะคนในประเทศนั้น ๆ หรือคนแค่บางกลุ่ม ซึ่งจะเหมาะกับในกรณีที่แบรนด์ มีการกำหนดกลุ่มเป้าหมายไว้อย่างชัดเจนแล้วมากกว่า
-สร้างไวรัลได้ง่ายขึ้น
เนื่องจากการเลือกใช้สัตว์ที่น่าเอ็นดู หรือตลกขบขัน
อาจช่วยให้หลายคน ยอมเปิดใจดูโฆษณา แม้ว่าจะไม่เคยสนใจสินค้านั้นมาก่อน
ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสให้แบรนด์เข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ ได้
โดยหากอ้างอิงจาก NewsWhip ที่พบว่า
แบรนด์ที่ใช้สุนัขและแมวในโฆษณา จะทำให้คนยอมดูต่อจนจบ
และทำให้ยอดไลก์เพิ่มขึ้นประมาณ 19%
แถมยังเพิ่มการคอมเมนต์มากขึ้นราว 89%
ซึ่งสอดคล้องกับ การศึกษาของ Sortlist ว่า
หากเป็นโพสต์ แบบออร์แกนิกที่มีแมว และสุนัขอยู่ในนั้น
ก็จะมียอดไลก์เพิ่มขึ้น 337% และมีการแสดงความคิดเห็นเพิ่มขึ้น 227%
ส่วนข้อมูลจาก Nichefire ก็ระบุไปในทำนองเดียวกันว่า
โพสต์ที่เกี่ยวกับสัตว์ จะมีการเข้าถึงเพิ่มขึ้น 63%
เมื่อเทียบกับโพสต์ธุรกิจทั่ว ๆ ไป
โดยหนึ่งใน ตัวอย่างการใช้แมว ในการโฆษณา
และดูจะได้ผลลัพธ์ที่ดีเกินคาด ก็คือ
“ป้ายโฆษณา 3 มิติ” ที่ชินจูกุ ประเทศญี่ปุ่น
ซึ่งตอนแรก Cross Shinjuku Vision ได้สร้างวิดีโอแมวยักษ์ 3 มิติขึ้นมา เพื่อใช้โปรโมตให้คนมาซื้อโฆษณา ลงบนป้าย 3 มิติ
และหลังจากนำวิดีโอแมวดังกล่าว ไปฉายขึ้นป้าย
โฆษณาตัวนี้ก็กลายเป็นไวรัลไปทั่วโลก
จนถึงขนาดที่มีคนมายืนรอ เพื่อถ่ายโฆษณาดังกล่าว
ไม่เพียงแค่จะประสบความสำเร็จ ในแง่ของการเป็นไวรัลเท่านั้น
เพราะต่อมา ก็มีลูกค้าซื้อโฆษณาลงบนป้าย 3 มิติจริง ๆ
ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ iRobot และยังให้แมวยักษ์ตัวเดิม มาโฆษณาร่วมกับเครื่องดูดฝุ่นของ iRobot อีกด้วย
และแน่นอนว่า โฆษณาของ iRobot ก็ได้กลายเป็นไวรัลไปในหลาย ๆ ประเทศเช่นกัน
นอกเหนือจากการใช้แมวในโฆษณาแล้ว
แมว ก็ยังถูกนำไปใช้ในสินค้าต่าง ๆ
เพื่อช่วยกระตุ้นยอดขาย และเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ เช่น
Starbucks ที่เคยวางขาย “แก้วอุ้งเท้าแมว”
จนกลายเป็นกระแส ที่ทำให้คนต้องไปต่อแถวรอซื้อตั้งแต่ร้านยังไม่เปิด
รวมถึง ราคารีเซล ของแก้วใบนี้ก็ยังพุ่งขึ้นไปหลายเท่าตัว
Paul & Joe แบรนด์แฟชั่น และความงามจากปารีส
ที่มักจะตกอยู่ในความสนใจของกลุ่มคนรักแมว
จากสินค้าที่ใช้รูปแมวมาอยู่ในแพ็กเกจจิง และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ
เช่น เคสลิปสติกรูปแมว หรือจะเป็น เนื้อลิปสติกที่ขึ้นรูป ออกมาเป็นหัวน้องแมว
จนทำให้ทาสแมวที่ไม่เคยใช้สินค้าของ Paul & Joe ก็ยังอยากจะซื้อมาเก็บไว้สักชิ้น
พอเห็นแบบนี้แล้ว เราก็อาจจะไม่แปลกใจที่แมว มักจะถูกหยิบมาใช้ในทางการตลาดอยู่เสมอ ๆ และนับว่าเป็นอีกหนึ่งในโอกาสทางการตลาดของธุรกิจ ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ ตราบใดที่คนกับแมวยังเชื่อมโยงกันทางความรู้สึกมากขนาดนี้..
-----------------------------------------------------------
(ad)กลุ่มบริษัทธนจิรากรุ๊ป (TANACHIRA) เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์ แฟชั่นแบรนด์ชั้นนำจากต่างประเทศได้แก่ Pandora (แพนดอร่า), Marimekko (มารีเมกโกะ), Cath Kidston (แคท คิดสตัน) และเจ้าของผลิตภัณฑ์เพื่อดูแลผิวพรรณ สปาแบบองค์รวมรายแรกในไทยภายใต้แบรนด์ HARNN (หาญ), VUUDH (วุฒิ), HARNN Heritage Spa (หาญ เฮอริเทจสปา) และ SCape by HARNN (เอสเคป บาย หาญ) มีสาขาอยู่ทั่วประเทศและในภูมิภาคกว่า 165 สาขา ภายใต้แนวคิด “Bring the Best of the Brand to the Best of Thailand”
https://www.facebook.com/TANACHIRA-GROUP-174055739828807/
#TANACHIRA
-----------------------------------------------------------
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.