ทำไม นักลงทุนมหาเศรษฐี หันมาซื้อหุ้นเชนร้านกาแฟ Dutch Bros แทน Starbucks
Business

ทำไม นักลงทุนมหาเศรษฐี หันมาซื้อหุ้นเชนร้านกาแฟ Dutch Bros แทน Starbucks

9 ก.ย. 2024
ทำไม นักลงทุนมหาเศรษฐี หันมาซื้อหุ้นเชนร้านกาแฟ Dutch Bros แทน Starbucks /โดย ลงทุนเกิร์ล
แม้ Starbucks จะเพิ่งได้ซีอีโอคนใหม่แกะกล่องอย่างคุณ Brian Niccol จนทำให้หุ้น Starbucks +24.5% ในวันนั้น
เพราะนักลงทุนมีความหวังว่า คุณ Brian Niccol จะสามารถนำ Starbucks ให้กลับมาเติบโตอีกครั้ง เหมือนกับที่เขาเคยพลิกฟื้น Chipotle ได้สำเร็จมาก่อน
แต่ก็ดูเหมือนว่า ศึกเชนร้านกาแฟนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเสียแล้ว เพราะ Starbucks ยังต้องเผชิญกับการแข่งขันอันรุนแรง
อีกทั้ง นักลงทุนมหาเศรษฐีหลายคน ก็หันมาเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้น Dutch Bros เชนร้านกาแฟที่กำลังแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดกับ Starbucks ยกตัวอย่างนักลงทุนเช่น
คุณ Larry Fink ผู้ก่อตั้ง BlackRock บริษัทจัดการการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพิ่มสัดส่วน 177%คุณ Steven A. Cohen มหาเศรษฐีกองทุนเฮดจ์ฟันด์ เพิ่มสัดส่วน 90%คุณ Paul Tudor Jones มหาเศรษฐีนักลงทุนอัจฉริยะ เพิ่มสัดส่วน 82%
โมเดลธุรกิจของ Dutch Bros เป็นอย่างไร ?
ทำไมนักลงทุนเศรษฐีเหล่านี้ ถึงให้ความสนใจ ?
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
Dutch Bros คือเชนร้านกาแฟสัญชาติอเมริกัน ที่กำลังโด่งดัง โดยมีจุดเด่นหลัก ๆ 3 ข้อ คือ
คุณภาพ - มีโรงคั่วกาแฟของตนเอง ควบคุมคุณภาพได้ทุกขั้นตอนความรวดเร็ว - เน้นการขายผ่าน Drive-Thru เป็นหลัก ทำให้สะดวก รวดเร็ว และมีปริมาณหมุนเวียนของลูกค้าต่อวันสูงการบริการ - มี Barista คอยถามความต้องการของลูกค้า
นอกจากนี้ หากเทียบเมนูที่ใกล้เคียงกัน ราคาต่อแก้วของ Dutch Bros ก็ถูกกว่า Starbucks ประมาณ 1.6 เท่า
และถ้าลูกค้าอยากเพิ่มหรือลดไซรัปหรือส่วนผสมอื่น ๆ ใน Starbucks จะต้องเสียเงินเพิ่ม แต่ที่ Dutch Bros ไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่มเลย
ด้วยจุดเด่นเหล่านี้ ก็ทำให้ Dutch Bros ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า และสามารถขายแฟรนไชส์ได้เรื่อย ๆ
จนตอนนี้ Dutch Bros มีทั้งหมด 912 สาขา แบ่งเป็นสาขาที่บริษัทจัดการเอง 612 สาขา และแฟรนไชส์ 300 สาขา
หากเราลองมาดูผลประกอบการของ Dutch Bros Inc.
ปี 2021 รายได้ 18,300 ล้านบาท ขาดทุน 465 ล้านบาท
ปี 2022 รายได้ 27,100 ล้านบาท ขาดทุน 174 ล้านบาท
ปี 2023 รายได้ 35,400 ล้านบาท กำไร 63 ล้านบาท
ไตรมาสแรกของปี 2024
รายได้ 10,100 ล้านบาท กำไร 594 ล้านบาท
ไตรมาสที่ 2 ของปี 2024
รายได้ 11,900 ล้านบาท กำไร 815 ล้านบาท
เรียกได้ว่า Dutch Bros อยู่ในช่วง Growth Stage กำลังเติบโตอย่างแข็งแกร่งทั้งในด้านความนิยม ยอดขาย ผลกำไร และจำนวนสาขาที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ที่สำคัญ Dutch Bros ยังมีศักยภาพการเติบโตที่สูง
โดย 67% ของยอดขายมาจากสมาชิก Dutch Rewards หรือระบบ Loyalty Program
สะท้อนว่า Dutch Bros สามารถรักษาลูกค้าประจำได้เป็นอย่างดี และลูกค้ามีความผูกพันกับแบรนด์สูง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจ
มากไปกว่านั้น การที่มีฐานสมาชิก Dutch Rewards ก็เปรียบเสมือนได้ส่องข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้า จึงทำให้เข้าใจลูกค้ามากขึ้น
คราวนี้ก็สามารถทำการตลาดโดยตรงไปยังสมาชิก และพัฒนาสินค้าใหม่ ๆ ได้อย่างตรงใจลูกค้า เช่น เครื่องดื่ม Poppin' Boba, กาแฟโปรตีน และเครื่องดื่มชูกำลัง
ซึ่งปัจจุบันประมาณ 50% ของยอดขายมาจากกาแฟ, 25% จากเครื่องดื่มชูกำลัง และอีก 25% มาจากชา น้ำมะนาว สมูทที และโซดา
จะเห็นได้ว่า แม้ Dutch Bros มีกาแฟเป็นตัวชูโรง แต่สองกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่กาแฟ ก็ช่วยกระจายความเสี่ยงและเพิ่มยอดขายในช่วงเวลาที่ร้านอาจเงียบเหงาได้
ทั้งหมดนี้ก็เป็นเหตุผล ที่ทำให้นักลงทุนมหาเศรษฐี หันมาเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน Dutch Bros ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพและความน่าสนใจ
จนนักลงทุนให้ค่า Dutch Bros ในฐานะคู่แข่งรายใหม่ของ Starbucks อย่างชัดเจน..
คำเตือน: บทความนี้ไม่ได้ชี้นำให้ซื้อหรือขายหุ้นนี้ การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนตัดสินใจลงทุน
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.