กรณีศึกษา MizuMi สกินแคร์คนไทย ที่เติบโตเกือบ 140 เท่า ภายใน 5 ปี
Health & BeautyBusiness

กรณีศึกษา MizuMi สกินแคร์คนไทย ที่เติบโตเกือบ 140 เท่า ภายใน 5 ปี

30 ก.ค. 2020
กรณีศึกษา MizuMi สกินแคร์คนไทย ที่เติบโตเกือบ 140 เท่า ภายใน 5 ปี /โดย ลงทุนเกิร์ล
ช่วงนี้ครีมกันแดดแบรนด์ MizuMi กำลังมาแรง
ซึ่งหลายคนอาจเคยเข้าใจผิดและฝากเพื่อนซื้อกลับมาจากญี่ปุ่น
แต่จริงๆ แล้วแบรนด์ MizuMi เป็นแบรนด์คนไทยค่ะ
ที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้น MizuMi ยังเป็นแบรนด์สกินแคร์ ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด
มีรายได้เติบโตเกือบ 140 เท่า ภายในระยะเวลาเพียง 5 ปี
MizuMi มีกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจอย่างไร? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟังค่ะ
MizuMi เริ่มเปิดตัวครั้งแรกในช่วงปลายปี 2557
โดยชื่อ MizuMi อ่านว่า มิซึมิ
มาจากคำว่า Mizu ที่แปลว่า “น้ำ” บวกกับ Mi ที่แปลว่า “ความงาม”
ซึ่งก็ตรงกับความเชื่อของแบรนด์ ที่มองว่าความงามของผิวเริ่มต้นมาจากน้ำ
ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ของแบรนด์ จึงพัฒนาเป็นสูตรน้ำ หรือ มีน้ำเป็นส่วนผสมหลัก
และน้ำเหล่านี้ ก็จะเป็นตัวที่ช่วยนำพาให้สารบำรุงต่างๆ ซึมลงลึกไปสู่ชั้นผิว
ที่สำคัญ น้ำ ยังเป็นสัญลักษณ์ของความอ่อนโยน
เพื่อสื่อถึงความสามารถในการตอบโจทย์ทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวที่แพ้ง่าย
นอกจากนั้นแบรนด์ยังใช้หลักของความ “มินิมัล”
ตั้งแต่การออกแบบผลิตภัณฑ์ ไปจนถึงการส่วนผสมหลัก
ซึ่งมีจุดขาย คือ การไม่ใช้สารที่อาจก่อความระคายเคืองแก่ผิว
ได้แก่ น้ำมัน น้ำหอม พาราเบน แอลกอฮอล์ และสีสังเคราะห์
โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์แรกของแบรนด์ ซึ่งคือ ครีมกันแดด
ก็มีการใช้สารกันแดดที่มีต้นกำเนิดจากแร่ธาตุธรรมชาติเป็นหลัก
เนื่องจากในช่วงที่แบรนด์กำลังเริ่มเจาะตลาดสินค้ากลุ่มความงาม
ตอนนั้นเทรนด์การดูแลผิวของคนไทย ยังเน้นไปที่เรื่องความกระจ่างใส
MizuMi จึงเลือกที่จะแตกต่าง โดยเน้นความอ่อนโยนและประสิทธิภาพที่ดีแทน
ทำให้ไม่ว่าจะมีสภาพผิวแบบไหน ก็สามารถใช้สินค้าของแบรนด์ได้
อย่างไรก็ตาม เรื่องราวทั้งหมดนี้ หลายคนอาจมองว่า
เป็นเพียงสตอรีที่แบรนด์สร้างขึ้นเพื่อโปรโมตสินค้า
แต่แบรนด์ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นด้วยสิ่งที่จับต้องได้อย่าง “ยอดขาย” ซึ่งมีความน่าสนใจไม่แพ้กัน
ผลประกอบการ บริษัท มิซึฮาดะ กรุ๊ป จำกัด เจ้าของแบรนด์ MizuMi
ปี 2558 รายได้ 1,380,614 บาท กำไร 216,653 บาท
ปี 2559 รายได้ 43,795,883 บาท กำไร 11,867,247 บาท
ปี 2560 รายได้ 108,016,761 บาท กำไร 8,990,630 บาท
ปี 2561 รายได้ 137,531,269 บาท กำไร 10,769,355 บาท
ปี 2562 รายได้ 193,107,844 บาท กำไร 19,957,874 บาท
โดยถ้าดู 5 ปีที่ผ่านมานี้ แปลว่าบริษัทจะมีรายได้เติบโตเฉลี่ยมากถึงปีละ 169%
เหตุผลส่วนหนึ่งของเรื่องนี้น่าจะมาจาก “ช่องทางการจัดจำหน่าย”
เริ่มต้น MizuMi เลือกจะทำการตลาด และขายสินค้าผ่านเฟซบุ๊กของแบรนด์เท่านั้น
โดยที่ไม่มีการขายผ่านตัวแทนจำหน่าย เนื่องจากต้องการสื่อสารโดยตรงกับลูกค้า
ด้วยคุณภาพ และราคาสินค้าที่เหมาะสม ทำให้ครีมกันแดดของ MizuMi ได้เสียงตอบรับเป็นอย่างดี
จนกระทั่งปี 2559 ก็เริ่มได้รับการติดต่อ ให้ไปวางขายในโมเดิร์นเทรด อย่าง Watsons และ Tops
และจากนั้นแบรนด์ก็มีการขยายช่องทางการจำหน่ายเรื่อยๆ เพื่อเพิ่มการเข้าถึงลูกค้า
ตั้งแต่ร้านขายยา ร้านขายเครื่องสำอาง ซูเปอร์มาร์เก็ต ไฮเปอร์มาเก็ต ห้างสรรพสินค้า
หรือแม้แต่ร้านสะดวกซื้อที่มีอยู่ทั่วประเทศ อย่าง 7-11
รวมถึงช่องทางออนไลน์ ทั้งเว็บไซต์ และแพลตฟอร์ม E-commerce อื่นๆ
ในส่วนของการโปรโมตสินค้า
MizuMi เน้นการโฆษณาที่ไม่เกินจริง
มีการจัดโปรโมชันลดราคาบ้าง เพื่อดึงดูดความสนใจให้ลูกค้ามาทดลองสินค้า
และเมื่อสินค้าดี สุดท้ายแล้วก็จะมีการซื้อซ้ำ
รวมถึงการแนะนำแบบปากต่อปาก และการรีวิวสินค้าจากบิวตี้บล็อกเกอร์
นอกจากนั้น MizuMi ยังมีการส่งสินค้าไปให้บรรณาธิการนิตยสารความงาม
ซึ่งผลสุดท้าย ด้วยคุณภาพ ก็ทำให้สินค้าได้รับรางวัล
และเป็นสินค้าอันดับต้นๆ ที่ได้รับการแนะนำ
ทำให้แม้จะเป็นสินค้าแบรนด์ใหม่ แต่ก็ดูมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น
เรื่องของ MizuMi จึงถือเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจ
เริ่มต้นจากการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ ทำการตลาดให้ตรงจุด
และเพิ่มช่องทางการขายสินค้า เพื่อเข้าถึงลูกค้าให้ได้มากที่สุด
แต่สุดท้ายแล้ว การที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ก็คงกลับมาที่จุดเริ่มต้น นั่นก็คือ “คุณภาพของสินค้า”
เพราะถ้าคุณภาพสินค้าไม่ดีแล้ว ไม่ว่าจะทำการตลาดดีแค่ไหน หรือเข้าถึงลูกค้ามากเท่าไหร่
อย่างมากลูกค้าก็จะซื้อเพียงครั้งเดียว และไม่กลับมาซื้ออีกเลย..
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.