กางแผนธุรกิจ CLUB 21 ปรับเกมรุกครั้งสำคัญ ทุ่ม 15 ล้านบาท คิกออฟ แคมเปญใหญ่แห่งปี “SALUTE THE DETAIL” เดินเครื่องขยายฐานลูกค้าเจนใหม่ คาดยอดขายปีนี้แตะ 2,700 ล้าน
PR News

กางแผนธุรกิจ CLUB 21 ปรับเกมรุกครั้งสำคัญ ทุ่ม 15 ล้านบาท คิกออฟ แคมเปญใหญ่แห่งปี “SALUTE THE DETAIL” เดินเครื่องขยายฐานลูกค้าเจนใหม่ คาดยอดขายปีนี้แตะ 2,700 ล้าน

15 ต.ค. 2024
คลับ 21 ประเทศไทย ตอกย้ำการเป็นผู้นำเข้าและจำหน่ายสินค้าแฟชั่นจากแบรนด์เสื้อผ้าและเครื่องประดับชั้นนำระดับโลกในประเทศไทยมากว่า 30 ปี สร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญให้วงการแฟชั่นไทย ด้วยการเปิดตัวแคมเปญใหญ่ “SALUTE THE DETAIL" ครั้งแรกกับการสื่อสารเชิงสร้างสรรค์ไปยังกลุ่มผู้ชมในวงกว้างที่ไม่จำกัดเพียงขอบเขตของวงการแฟชั่น ผ่านหนังโฆษณาใหม่ 3 เวอร์ชั่น พร้อมเผยกลยุทธ์เสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจ จนติดปีกให้ คลับ 21 ประเทศไทย เติบโตอย่างต่อเนื่อง คาดปีนี้สามารถสร้างยอดขายรวมได้มากถึง 2,700 ล้านบาท และทะลุ 3,000 ล้านบาท ภายใน 3 ปี

ในงานเปิดตัวแคมเปญ ซึ่งจัดขึ้นที่ Vertier กรุงเทพฯ (ราชดำริ) เต็มไปด้วยรายละเอียดอันประณีตที่สะท้อนแก่นแท้ของแคมเปญแรกของ คลับ 21 ประเทศไทย “SALUTE THE DETAIL” ผ่านการพูดคุยอันน่าตื่นเต้นจากตัวแทนของ คลับ 21 ประเทศไทย โดยมี โสภาวดี เพชรชาติ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท คลับ 21 (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมด้วย สธน ตันตราภรณ์ กูรูด้านแฟชั่น ทสร บุณยเนตร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสร้างสรรค์ บีบีดีโอ กรุงเทพ และ วุฒิศักดิ์ อนรรฆพร ผู้กำกับภาพยนตร์ เจ้าของรางวัลใหญ่ในเวทีโฆษณาระดับสากล ที่พาเข้าไปสำรวจรายละเอียดอันลึกซึ้งของการสร้างสรรค์แคมเปญในครั้งนี้

นอกจากทีมเบื้องหลังความสำเร็จของแคมเปญแล้ว Club 21 ยังได้รับเกียรติจากนักแสดงมากฝีมืออย่าง
ต่อ - ธนภพ ลีรัตนขจร และ โดนัท - มนัสนันท์ พันเลิศวงศ์สกุล ซึ่งเป็นพันธมิตรกับ Club 21 มาอย่างยาวนานเข้าร่วมงานในครั้งนี้ด้วย

โสภาวดี เพชรชาติ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท คลับ 21 (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงที่มาของแคมเปญแห่งปี “SALUTE THE DETAIL" ว่า เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองให้กับความพิถีพิถันในรายละเอียด ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการถ่ายทอดสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ของผู้สวมใส่ ซึ่ง Club 21 เข้าใจว่าการแต่งตัวไม่ได้เป็นเพียงแค่การใส่เสื้อผ้า

แต่เป็นการบ่งบอกถึงองค์ประกอบเล็กๆ ที่สร้างสรรค์ความเป็นเอกลักษณ์ในสไตล์ของแต่ละคน ในปีนี้ Club 21 จึงได้ทุ่มงบประมาณ 15 ล้านบาท เพื่อเปิดตัวแคมเปญใหญ่ “SALUTE THE DETAIL" ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ Club 21 มุ่งเน้นการสื่อสารไปยังกลุ่มผู้ชมในวงกว้าง
"นี่ถือเป็นก้าวใหม่ที่กล้าหาญของ CIub 21 ในการทำแคมเปญสื่อสารแบบ Mass Communication ครั้งแรกในประเทศไทย ตามกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ต้องการขยายกลุ่มลูกค้าให้กว้างขึ้น เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ที่ไม่เคยทำมาก่อน แต่ขณะเดียวกันก็สามารถเชื่อมโยงกับกลุ่มลูกค้าเดิมได้อย่างเหมาะสม ที่สำคัญแคมเปญนี้ต้องสะท้อนถึงภาพลักษณ์และตัวตนของแบรนด์ Club 21 ได้อย่างลงตัว นั่นคือ เราได้คัดสรรแบรนด์ชั้นนำที่ล้วนมีความโดดเด่นของรายละเอียด มีเอกลักษณ์ มารวมไว้ในที่เดียว เพื่อตอบทุกความต้องการ ทุกสไตล์ที่จะบ่งบอกความเป็นตัวคุณ"

ด้าน ทสร บุณยเนตร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสร้างสรรค์ บีบีดีโอ กรุงเทพ กล่าวถึงการทำงานร่วมกันจนเกิดเป็นแคมเปญ “SALUTE THE DETAIL” ว่า “แคมเปญนี้เป็นหนึ่งในโปรเจกต์ที่น่าตื่นเต้นที่สุดที่ผมเคยทำมา มันเป็นการเฉลิมฉลองความงดงามในรายละเอียด ด้วยการทำให้รายละเอียดเล็กๆ กลายเป็นสิ่งที่โดดเด่น ได้อย่างน่าหลงใหล”
ขณะที่ วุฒิศักดิ์ อนรรฆพร ผู้กำกับมือทองเจ้าของรางวัล Gold, Silver, และ Bronze ในหมวดภาพยนตร์จาก Cannes Lions ได้ถ่ายทอดแนวคิดและเบื้องหลังของภาพยนตร์ชุดนี้ ที่ทำออกมาเป็น 3 เวอร์ชั่น ล้วนมีการเล่าเรื่องอันชาญฉลาดและทรงพลัง “เราทำให้คุณนิสัยดีขึ้นไม่ได้ แต่เราทำให้คุณดูดีขึ้นได้” ประโยคสั้นๆ แต่ชวนให้ขบคิดสะท้อนให้เห็นถึงการตีความแคมเปญผ่านมุมมองของเขาได้อย่างชัดเจน

อย่างไรก็ตาม นอกจากการเปิดตัวแคมเปญแห่งปี โสภาวดี ยังเผยถึงแผนกลยุทธ์ในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับ CLUB 21 ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดในโลกแฟชั่นว่า ในช่วงวิกฤติโควิด-19 CLUB 21 ต้องมีการปรับแผนธุรกิจครั้งใหญ่ ด้วยการเดินหน้า 3 กลยุทธ์สำคัญ ซึ่งกลยุทธ์แรก คือ ปรับพอร์ตฟอลิโอครั้งใหญ่ ปรับลดแบรนด์ที่ไม่ตอบโจทย์ความต้องการของคนรุ่นใหม่ หันมานำเข้าแบรนด์แฟชั่นร่วมสมัย ในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น แต่ยังคงความเป็นแบรนด์ที่มีคุณภาพและอยู่ในมาตรฐานที่ CLUB 21 กำหนดไว้ เช่น Thom Browne, Jacquemus, Sacai เป็นต้น
กลยุทธ์ที่สอง คือปรับลดสาขาที่เป็นโมโนแบรนด์ (Mono brand) หรือจำหน่ายเพียงแบรนด์เดียวในร้าน

มายกระดับ Retail Experience สร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่ ในรูปแบบมัลติ เลเบล สโตร์ (Multi label store) ซึ่งเป็นการรวมแบรนด์แฟชั่นหลายแบรนด์มาไว้ในร้านเดียว ภายใต้ชื่อ CLUB 21 โดยเลือกปักหมุดในทำเลที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ พร้อมออกแบบบรรยากาศในแต่ละสาขาให้ตอบโจทย์ลูกค้าในแต่ละโลเคชั่น และกลยุทธ์ที่สาม คือขยายช่องทางออนไลน์ ทั้งในส่วนของ E-commerce และ LINE เพื่อตอบโจทย์นักช้อปออนไลน์ ที่ต้องการความสะดวกสบาย

“ผลจากการบุกช่องทางออนไลน์ทั้งในส่วนของ E-commerce และการขายทาง LINE ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เห็นได้จากการเติบโตของยอดขายในช่องทาง Online ที่เริ่มจาก 129 ล้านบาทในปี 2019 และคาดว่าจะเกิน 500 ล้านบาทในปีนี้”
ขณะเดียวกัน Club 21 ยังคงรักษาฐานลูกค้าเดิม ที่มากกว่า 60% ของลูกค้า สมาชิกเป็นกลุ่มคนที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป และอยู่ในกลุ่มเจเนอเรชัน Baby Boomer, X และ Y ผ่านการให้บริการในรูปแบบ Personalized ที่หาไม่ได้จากที่อื่นอาทิ บริการปรับแก้เสื้อผ้า, บริการให้คำปรึกษา ตลอดจนระบบ COMO Club และ Member Privilege ที่พร้อมมอบสิทธิประโยชน์และความคุ้มค่าให้ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

“จากการปรับกลยุทธ์ที่ต้องบอกว่ามาถูกทาง ทำให้วันนี้ Club 21 แข็งแกร่งด้วยพอร์ตฟอลิโอของแบรนด์แฟชั่นชั้นนำที่ไม่เพียงแต่มีความหลากหลาย แต่ยังอยู่ในกระแส และมีความโดดเด่น สามารถตอบโจทย์ผู้ที่ชื่นชอบแฟชั่นทุกกลุ่ม ครอบคลุมทุกเจน ทำให้ Club 21 มียอดขายที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจำนวนแบรนด์และร้านค้าโดยรวมของเครือจะมีการปรับลดน้อยลง ในช่วงโควิด-19 ก็ตาม”

สำหรับเป้าหมายในอนาคตของ Club 21 โสภาวดี กล่าวทิ้งท้ายว่า Club 21 ยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าตอกย้ำภาพลักษณ์ใหม่ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ผ่านการสื่อสารในรูปแบบต่างๆ ควบคู่ไปกับการขยายสาขาทั้งในรูปแบบโมโนแบรนด์และมัลติ เลเบล สโตร์ เร็วๆ นี้จะเปิด Club 21 ที่ One Bangkok และ เปิด Thom Browne ที่ Siam Paragon โดยตั้งใจว่า
จะใช้ มัลติ เลเบล สโตร์ เป็นพื้นที่ทดลองตลาดให้กับแบรนด์ใหม่ๆ เพื่อต่อยอดการขยายสาขาในรูปแบบโมโนแบรนด์ต่อไป
“ในด้านรายได้ หลังจากวิกฤติโควิด-19 ทำให้ยอดขายรวมตกลงไปต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท แต่ผลจากการปรับกลยุทธ์ ทำให้ยอดขายรวมพลิกฟื้นกลับขึ้นมาเทียบเท่ายุคก่อนโควิด ในปี 2022 ต่อเนื่องมาปี 2023 และคาดว่า
ปี 2024 จะสร้างยอดขายรวม 2,700 ล้านบาท และดันยอดขายทะลุ 3,000 ล้าน ภายใน 3 ปีจากนี้”
Club21Thailand #SaluteTheDetail #PeopleOfClub21
IfYoureObsessedWithDetail #WelcomeToClub21
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.