Business
Mo-Mo-Paradise ในไทย ปี 2566 รายได้ 1,751 ล้าน กำไร 220 ล้าน
10 มิ.ย. 2024
Mo-Mo-Paradise ในไทย ปี 2566 รายได้ 1,751 ล้าน กำไร 220 ล้าน /โดย ลงทุนเกิร์ล
“โมโม” หรือ Mo-Mo-Paradise คือร้านบุฟเฟต์ชาบูจากประเทศญี่ปุ่น
เรื่องความอร่อยของอาหาร คงไม่ต้องพูดถึงมาก เพราะหลายคนน่าจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี
เรื่องความอร่อยของอาหาร คงไม่ต้องพูดถึงมาก เพราะหลายคนน่าจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี
ซึ่งบริษัท โนเบิล เรสเตอท์รองต์ จำกัด เจ้าของ Mo-Mo-Paradise ในไทย เพิ่งรายงานผลประกอบการปี 2566 ที่ผ่านมา
ผลปรากฏว่า บริษัท โนเบิล เรสเตอท์รองต์ จำกัด
มีรายได้ 1,751 ล้านบาท และกำไร 220 ล้านบาท
มีรายได้ 1,751 ล้านบาท และกำไร 220 ล้านบาท
และต้องบอกว่า โนเบิล เรสเตอท์รองต์ ไม่ได้มีแค่ร้าน Mo-Mo-Paradise
แต่ยังมีอีกแบรนด์ ชื่อว่า Nabezo Premium ซึ่งเป็นแบรนด์ชาบู ชาบู และสุกียากี้สไตล์ญี่ปุ่น ที่พรีเมียมทั้งวัตถุดิบและการบริการ
แต่ยังมีอีกแบรนด์ ชื่อว่า Nabezo Premium ซึ่งเป็นแบรนด์ชาบู ชาบู และสุกียากี้สไตล์ญี่ปุ่น ที่พรีเมียมทั้งวัตถุดิบและการบริการ
หลังจากดำเนินธุรกิจมานานถึง 17 ปี
ปัจจุบัน Mo-Mo-Paradise มีสาขาทั้งหมด 23 สาขา
ส่วน Nabezo Premium มีสาขาทั้งหมด 3 สาขา
ปัจจุบัน Mo-Mo-Paradise มีสาขาทั้งหมด 23 สาขา
ส่วน Nabezo Premium มีสาขาทั้งหมด 3 สาขา
ซึ่งนับวัน เราก็คงเห็นแล้วว่า Mo-Mo-Paradise ยิ่งมีฐานลูกค้าเหนียวแน่นมากขึ้น
เรื่องนี้ ส่วนหนึ่งก็มาจากมุมมองการทำธุรกิจของ คุณสุรเวช
ที่ยึดมั่นใน “คุณภาพ” อย่างเสมอต้นเสมอปลาย
ที่ยึดมั่นใน “คุณภาพ” อย่างเสมอต้นเสมอปลาย
และ “คุณภาพ” นี้ ก็ยังเป็นหัวใจของ Mo-Mo-Paradise
“ด้านคุณภาพอาหาร”
คุณสุรเวช ไม่เคยลดต้นทุนวัตถุดิบ มีแต่จะเพิ่มสิ่งดีๆ ให้ลูกค้า
เช่น เนื้อวัว จากเดิมใช้เนื้อวัวธรรมดา ก็เพิ่มเป็นเนื้อโคขุนออสเตรเลีย
หรือเนื้อหมูที่เคยใช้แบบธรรมดา ก็เปลี่ยนเป็นหมูคุโรบูตะ
ซึ่งแม้ว่าจะทำให้ราคาสูงขึ้น แต่ก็ทำให้รสชาติอาหารอร่อยขึ้นเช่นกัน
เช่น เนื้อวัว จากเดิมใช้เนื้อวัวธรรมดา ก็เพิ่มเป็นเนื้อโคขุนออสเตรเลีย
หรือเนื้อหมูที่เคยใช้แบบธรรมดา ก็เปลี่ยนเป็นหมูคุโรบูตะ
ซึ่งแม้ว่าจะทำให้ราคาสูงขึ้น แต่ก็ทำให้รสชาติอาหารอร่อยขึ้นเช่นกัน
ที่น่าสนใจคือ แม้ว่าต้นทุนจะสูงขึ้น แต่ตลอด 15 ปีที่ผ่านมา
ทางร้านปรับราคาเพียง 2 ครั้งเท่านั้น
ซึ่งวิธีแก้ปัญหาของคุณสุรเวช คือ การบริหารจัดการต้นทุนวัตถุดิบ
แทนการผลักภาระไปให้ฝั่งลูกค้า
ทางร้านปรับราคาเพียง 2 ครั้งเท่านั้น
ซึ่งวิธีแก้ปัญหาของคุณสุรเวช คือ การบริหารจัดการต้นทุนวัตถุดิบ
แทนการผลักภาระไปให้ฝั่งลูกค้า
เช่น ปวยเล้ง มีราคาสูง ถ้าจัดเก็บไม่ดี จะทำให้ปลายของผักเหี่ยว
ทางร้านจึงเกิดความคิดที่จะตัดผักชนิดนี้ออกจากเมนูดีหรือไม่
สุดท้ายตัดสินใจไม่เอาออก เพราะลูกค้าชอบ
แต่ทางร้านได้หันมาเน้นเรื่องการทำระบบและบริหารจัดการ
เพื่อควบคุมการสูญเสีย และได้ของที่มีคุณภาพขึ้น
ทางร้านจึงเกิดความคิดที่จะตัดผักชนิดนี้ออกจากเมนูดีหรือไม่
สุดท้ายตัดสินใจไม่เอาออก เพราะลูกค้าชอบ
แต่ทางร้านได้หันมาเน้นเรื่องการทำระบบและบริหารจัดการ
เพื่อควบคุมการสูญเสีย และได้ของที่มีคุณภาพขึ้น
“ด้านคุณภาพการบริการ”
คุณสุรเวช ยังให้ความสำคัญกับเรื่องการบริการ
โดยเขามักบอกกับทีมงานเสมอว่า ร้านอาหารไม่ได้ขายอาหารอย่างเดียว แต่เราขายการบริการด้วย
ลูกค้าจ่ายเงินเท่าไร เราต้องบริการให้ดีที่สุด ให้เกินความคาดหมายของเขา
โดยเขามักบอกกับทีมงานเสมอว่า ร้านอาหารไม่ได้ขายอาหารอย่างเดียว แต่เราขายการบริการด้วย
ลูกค้าจ่ายเงินเท่าไร เราต้องบริการให้ดีที่สุด ให้เกินความคาดหมายของเขา
“ด้านคุณภาพทำเล”
ถ้าสังเกตดูดีๆ จะพบว่า Mo-Mo-Paradise
จะเน้นการขยายสาขาภายในห้างสรรพสินค้าเป็นหลัก
เพราะคุณสุรเวช มองว่า ในห้างฯ สามารถรองรับที่จอดรถของลูกค้าได้
เป็นการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า
จะเน้นการขยายสาขาภายในห้างสรรพสินค้าเป็นหลัก
เพราะคุณสุรเวช มองว่า ในห้างฯ สามารถรองรับที่จอดรถของลูกค้าได้
เป็นการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า
และยังมีการคำนึงถึงความพร้อมของทีมงานเป็นหลัก
โดยจะต้องสร้างคนที่เป็นตัวแทนผู้บริหารให้ได้ก่อน ถึงกล้าที่จะตัดสินใจขยายสาขา
โดยจะต้องสร้างคนที่เป็นตัวแทนผู้บริหารให้ได้ก่อน ถึงกล้าที่จะตัดสินใจขยายสาขา
สรุปแล้ว หลักสำคัญในการดำเนินธุรกิจของ คุณสุรเวช ก็จำง่ายๆ ค่ะ
คุณภาพอาหาร คุณภาพการบริการ และ คุณภาพทำเล เท่านี้เอง
คุณภาพอาหาร คุณภาพการบริการ และ คุณภาพทำเล เท่านี้เอง
และด้วยคุณภาพ และการใส่ใจในรายละเอียดที่แม้จะเล็กน้อยนี้เอง
ทำให้เราหลงรัก Mo-Mo-Paradise มากขึ้นเรื่อยๆ..
ทำให้เราหลงรัก Mo-Mo-Paradise มากขึ้นเรื่อยๆ..