Business
James Leprino รวย 75,000 ล้าน เพราะขายชีสให้ Pizza Hut และ Domino's
1 ต.ค. 2024
James Leprino รวย 75,000 ล้าน เพราะขายชีสให้ Pizza Hut และ Domino's /โดย ลงทุนเกิร์ล
ใครจะไปคิดว่า จากธุรกิจเล็ก ๆ ในครอบครัว จะสามารถเติบโตจนสร้างมหาเศรษฐีหมื่นล้านได้ ภายในรุ่นเดียว
นี่คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงกับคุณ James Leprino
ผู้ก่อตั้ง Leprino Foods Company บริษัทที่เป็นซัปพลายเออร์ส่งชีสให้กับเชนร้านพิซซาระดับโลกอย่าง Pizza Hut และ Domino's
ผู้ก่อตั้ง Leprino Foods Company บริษัทที่เป็นซัปพลายเออร์ส่งชีสให้กับเชนร้านพิซซาระดับโลกอย่าง Pizza Hut และ Domino's
ซึ่งปัจจุบัน เขากลายเป็นเจ้าของบริษัทผู้ผลิตชีสพิซซา ที่ใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ของโลก และมีทรัพย์สินรวมกว่า 75,000 ล้านบาท
เรื่องราวของ คุณ Leprino และ Leprino Foods Company น่าสนใจอย่างไร ?
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
คุณ Leprino คือลูกชายคนเล็กในครอบครัวธรรมดา ๆ ที่อพยพมาจากประเทศอิตาลี และย้ายมาตั้งรกรากอยู่ที่รัฐโคโลราโด ประเทศสหรัฐอเมริกา
ซึ่งตอนที่คุณ Leprino ยังเด็ก เขาเป็นคนที่มีบุคลิกช่างสังเกต โดยวันหนึ่งที่เขายังเรียนอยู่ เขาสังเกตเห็นว่าเพื่อน ๆ ในชั้นเรียนชอบไปร้านพิซซาใกล้บ้าน และใช้เวลาอยู่ที่นั่นบ่อย ๆ
จนรู้มาว่าร้านพิซซาในฝั่งที่เขาอาศัยอยู่ สั่งซื้อชีสสำหรับทำพิซซาประมาณ 2 ตัน ต่อสัปดาห์
ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เขามองเห็นโอกาสทางธุรกิจ และจุดประกายให้เขาอยากทำธุรกิจเกี่ยวกับ “ชีส” ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
จนกระทั่ง 2 ปีต่อมา ธุรกิจร้านขายของชำของพ่อเขาก็ต้องปิดตัวลง เพราะการเข้ามาของเชนร้านค้าปลีกยักษ์ใหญ่
จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้คุณ Leprino และพ่อของเขา หันมาเริ่มธุรกิจชีส ภายใต้บริษัท Leprino Foods ในปี 1958 ด้วยเงินเพียง 615 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว ๆ 20,000 บาทในตอนนั้น ซึ่งถ้าปรับตามอัตราเงินเฟ้อ จะคิดเป็นเงินประมาณ 200,000 บาท ในปัจจุบัน
จะบอกว่า คุณ Leprino เปิดธุรกิจชีสได้ถูกที่ถูกเวลา ก็อาจจะไม่ผิดนัก เพราะในช่วงนั้น เป็นช่วงเวลาที่พิซซากำลังเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมอย่างมาก อีกทั้งยังมีเชนร้านพิซซาเกิดขึ้นใหม่มากมาย
ทำให้กิจการของ Leprino Foods Company มีออร์เดอร์หลั่งไหลเข้ามาเรื่อย ๆ
จากที่เริ่มส่งชีสให้กับร้านพิซซาละแวกบ้าน
คุณ Leprino ก็คิดจะขยายธุรกิจให้ใหญ่ขึ้น เพื่อผลิตได้มากขึ้น และจ้างคุณ Lester Kielsmeier คนที่มีประสบการณ์ทำงานที่โรงงานผลิตชีส มาช่วยเรื่องเทคโนโลยี
คุณ Leprino ก็คิดจะขยายธุรกิจให้ใหญ่ขึ้น เพื่อผลิตได้มากขึ้น และจ้างคุณ Lester Kielsmeier คนที่มีประสบการณ์ทำงานที่โรงงานผลิตชีส มาช่วยเรื่องเทคโนโลยี
และจุดพลิกผันของธุรกิจ Leprino Foods Company ก็เกิดขึ้นในปี 1968 ซึ่งเป็นช่วงที่ร้าน Pizza Hut กำลังเติบโต และเริ่มมองหาซัปพลายเออร์ ที่สามารถผลิตชีสให้ได้ตามมาตรฐานที่ต้องการ เพื่อช่วยลดต้นทุนการผลิต
โดยก่อนหน้านี้ ร้านพิซซาจะนำชีสก้อนใหญ่มาขูดทีละก้อน ซึ่งใช้เวลานาน และได้ปริมาณชีสที่ไม่เท่ากันในแต่ครั้ง ทำให้รสชาติของพิซซาไม่คงที่
คุณ Leprino จึงแก้โจทย์นี้ โดยการนำชีสก้อนมาแยกเป็นชิ้นเล็ก ๆ บาง ๆ ทำให้ร้านสามารถวางชีสบนพิซซาได้เลย โดยไม่ต้องเสียเวลาขูด อีกทั้งสามารถทำพิซซาได้เร็วขึ้น และปริมาณชีสในแต่ละถาดจะได้เท่ากัน
จากการแก้ Pain Point นี้ได้สำเร็จ ทำให้หลังจากนั้น Pizza Hut กลายมาเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของ Leprino Foods Company โดยคิดเป็นสัดส่วนยอดขายกว่า 90% ของบริษัท
นอกจากนี้ คุณ Leprino ยังให้ความสำคัญกับเรื่องการพัฒนานวัตกรรมมากขึ้น เพื่อให้ชีสของเขามีรสชาติแปลกใหม่ เช่น รส Salted Caramel หรือรส Jalapeño และเริ่มส่งชีสให้กับเจ้าอื่น ๆ อย่าง Domino's, Papa John's และ Little Caesars
อย่างในช่วงที่ Domino's พยายามจะขยายตลาด และหันไปโฟกัสกับการส่งพิซซาตามบ้าน คุณ Leprino ก็ปรับปรุงสูตรชีสเพื่อให้คงความสดใหม่และอร่อยได้นานขึ้น แม้ว่าพิซซาจะถูกส่งไปไกล ๆ ก็ตาม
นอกจากนี้ เขายังนำเงินที่ได้ไปขยายธุรกิจต่อ ตั้งแต่ไปตั้งโรงงานใหม่ในพื้นที่แหล่งผลิตนม เพื่อให้เกษตรกรสามารถส่งวัตถุดิบได้ไวขึ้น และทำสัญญาระยะยาวกับฟาร์มนมในแคลิฟอร์เนีย เพื่อคุมราคาให้ได้ต่ำกว่าตลาด
ทั้งคุณภาพการผลิต และนวัตกรรมที่โดดเด่น ทำให้ปัจจุบัน Leprino Foods Company กลายเป็นซัปพลายเออร์เจ้าเดียว ที่ส่งชีสให้กับเชนร้านพิซซาชื่อดังหลายร้าน
เรื่องราวทั้งหมดนี้ เป็นเหตุผลที่ทำให้ Leprino Foods Company เติบโตจนสามารถครองตลาดชีสพิซซาในสหรัฐอเมริกา และกลายเป็นหนึ่งในผู้ผลิตมอซซาเรลลาชีสรายใหญ่ที่สุดของโลกได้
แถมคุณ Leprino ก็ได้รับการขนานนามว่า “Willy Wonka of Cheese” ไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความยิ่งใหญ่นี้ ปัจจุบัน Leprino Foods Company ก็ยังคงเป็นธุรกิจครอบครัว ที่คุณ Leprino ลูก ๆ และญาติ ๆ ของเขาร่วมกันถือหุ้นบริษัทอยู่
ปิดท้ายด้วยคำพูดของคุณ Leprino
ที่เคยให้สัมภาษณ์กับ Forbes ว่า
ที่เคยให้สัมภาษณ์กับ Forbes ว่า
“ธุรกิจของเขาเหมือนกับความฝัน แต่ในโลกความจริง ไม่มีโชคอะไรจะช่วยได้มากกว่า การคิดและลงมือทำ”
References:
-https://www.forbes.com/sites/chloesorvino/2017/05/23/james-leprino-exclusive-mozzarella-billionaire-cheese-pizza-hut-dominos-papa-johns/ -https://www.yahoo.com/lifestyle/meet-cheese-billionaire-apos-secretly-151958113.html
-https://www.mensxp.com/culture/people/37128-the-man-behind-the-cheese-on-most-of-your-pizzas-is-a-billionaire-named-james-leprino.html
-https://www.forbes.com/sites/chloesorvino/2017/05/23/james-leprino-exclusive-mozzarella-billionaire-cheese-pizza-hut-dominos-papa-johns/ -https://www.yahoo.com/lifestyle/meet-cheese-billionaire-apos-secretly-151958113.html
-https://www.mensxp.com/culture/people/37128-the-man-behind-the-cheese-on-most-of-your-pizzas-is-a-billionaire-named-james-leprino.html