น้ำมันกุหลาบบัลแกเรีย ของล้ำค่า ที่ Louis Vuitton และ Tom Ford ยอมจ่าย กิโลกรัมละ 540,000 บาท
Business

น้ำมันกุหลาบบัลแกเรีย ของล้ำค่า ที่ Louis Vuitton และ Tom Ford ยอมจ่าย กิโลกรัมละ 540,000 บาท

13 ส.ค. 2024
น้ำมันกุหลาบบัลแกเรีย ของล้ำค่า ที่ Louis Vuitton และ Tom Ford ยอมจ่าย กิโลกรัมละ 540,000 บาท /โดย ลงทุนเกิร์ล
“บัลแกเรีย” ประเทศในแถบตะวันออกเฉียงใต้ของทวีปยุโรป นอกจากจะมีโยเกิร์ตบัลแกเรีย ที่ขึ้นชื่อแล้ว
อีกภาพหนึ่งที่คนทั่วโลกจะจดจำประเทศนี้ได้
ก็คือ “อุตสาหกรรมน้ำมันกุหลาบ”
ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าน้ำมันหอมระเหยที่สกัดจากกุหลาบบัลแกเรีย มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว และมีคุณภาพสูงสุดในบรรดาน้ำมันดอกกุหลาบ
จนกลายเป็นที่ต้องการของแบรนด์น้ำหอมชื่อดังหลายราย เช่น Louis Vuitton, Tom Ford, Christian Dior, Givenchy, Lancôme, Bvlgari, Chanel และ Kenzo
อย่างไรก็ตาม ราคาของมันก็เป็นที่เลื่องลือไม่แพ้กัน
โดยน้ำมันกุหลาบบัลแกเรีย น้ำหนักเพียงแค่ 1 กิโลกรัม สามารถมีราคาสูงถึง 540,000 บาท เลยทีเดียว
พูดมาถึงตรงนี้ หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมน้ำมันหอมระเหยจากกุหลาบบัลแกเรีย ถึงมีราคาสูงขนาดนั้น ?
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
น้ำมันกุหลาบบัลแกเรีย คือ น้ำมันหอมระเหยที่สกัดจากกลีบของดอกกุหลาบสายพันธุ์ดี
สำหรับสายพันธุ์กุหลาบ ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในบัลแกเรีย ก็คือ “กุหลาบดามัสก์” หรือกุหลาบสายพันธ์ุโบราณที่ปลูกยากและมีเฉพาะถิ่น
มีแหล่งเพาะปลูกหลักอยู่ในแถบที่มีเทือกเขา Balkan และ Sredna Gora พาดผ่าน จนมีลักษณะเป็นหุบเขา ด้วยเนื้อที่รวมกว่า 3,300 ตารางกิโลเมตร
โดยมีอุณหภูมิในตอนเช้าอยู่ที่ 5-10 องศาเซลเซียส และสูงที่สุดในช่วงเที่ยงที่ 25-30 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่กระตุ้นให้ดอกกุหลาบ ผลิตน้ำมันออกมาได้ในปริมาณมากและมีคุณภาพดีที่สุด
และด้วยปัจจัยสภาพภูมิประเทศ และสภาพภูมิอากาศที่เหมาะสม จึงทำให้หุบเขาแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในโลก ในการปลูกดอกกุหลาบดามัสก์ และถูกเรียกว่า The Rose Valley หรือหุบเขาแห่งกุหลาบ
โดยในฤดูกาลเก็บเกี่ยวประจำปี หุบเขานี้จะถูกปกคลุมไปด้วยดอกกุหลาบนับสิบล้านดอก และสามารถสร้างอาชีพให้คนงาน ได้มากกว่า 40,000 คน เลยทีเดียว
ซึ่งผลผลิตน้ำมันหอมระเหยจากกุหลาบบัลแกเรีย เกือบ 100% จะถูกส่งออกกระจายไปยังตลาดในต่างประเทศ เช่น ฝรั่งเศส, สหรัฐฯ, ญี่ปุ่น, เยอรมนี และสวิตเซอร์แลนด์
รวมถึงผู้ผลิตแบรนด์น้ำหอมชื่อดังหลายราย ต่างก็นิยมมาซื้อน้ำมันหอมระเหยจากกุหลาบบัลแกเรีย เพื่อนำไปสกัดเป็นหัวเชื้อน้ำหอม ยกตัวอย่างเช่น
น้ำหอม Tom Ford กลิ่น Rose Prickน้ำหอม Louis Vuitton กลิ่น Rose des Ventsน้ำหอม CREED กลิ่น Love in whiteน้ำหอม Bvlgari กลิ่น Bvlgari Omnia Amethyste EDT
สำหรับราคาซื้อขาย จะขึ้นอยู่กับคุณภาพของน้ำมันหอมระเหย เริ่มตั้งแต่ 360,000 บาทต่อกิโลกรัม
ซึ่งเคยมีรายงานว่า แบรนด์หรูอย่าง Louis Vuitton และ Tom Ford ยอมจ่ายเงินสูงถึง 540,000 บาทต่อกิโลกรัม
และด้วยราคาอันสูงลิ่วนี้เอง ทำให้มันถูกขนานนามว่าเป็น “ทองคำเหลว”
ส่วนสาเหตุหลัก ๆ ที่น้ำมันหอมระเหยจากกุหลาบบัลแกเรีย มีราคาที่สูงแตะหลักแสนบาท เนื่องจาก..
กุหลาบบัลแกเรียจะออกดอก ให้ผลผลิตเพียงครั้งเดียวต่อปี คือในช่วงเดือนพ.ค.-มิ.ย. และมีช่วงระยะเวลาให้เก็บเกี่ยว ประมาณ 1-2 สัปดาห์ หลังผลิดอกเท่านั้น
แถมยังต้องเก็บเกี่ยวในช่วงเช้าตรู่หลังจากที่ดอกบานเต็มที่ เพราะดอกจะยังคงความสด และเป็นช่วงที่น้ำมันหอมระเหยในกลีบดอกมีปริมาณความเข้มข้นสูงสุด
มากไปกว่านั้น ด้วยลักษณะกลีบดอกที่บอบบางและช้ำง่าย การเก็บเกี่ยวทั้งหมด จึงต้องทำด้วยมืออย่างระมัดระวัง ซึ่งต้องใช้แรงงานคนจำนวนมาก เพื่อแข่งกับเวลาที่มีจำกัด
รวมถึงต้องนำกลีบดอกมาเข้าโรงกลั่นทันที ภายในวันเดียวกัน เพื่อคงคุณภาพของน้ำมันหอมระเหยไว้มากที่สุด และในขั้นตอนการสกัดน้ำมันนั้น จำเป็นต้องใช้กลีบกุหลาบถึง 5,000 กิโลกรัม จึงจะได้น้ำมันหอมระเหยน้ำหนัก 1 กิโลกรัม
หลังจากสกัดได้น้ำมันหอมระเหยออกมาแล้ว ยังต้องใช้เวลาบ่มกลิ่นอย่างน้อยอีก 3 เดือน ก่อนที่จะสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้ ซึ่งยิ่งใช้เวลาบ่มนานเท่าไร กลิ่นที่ได้ก็จะยิ่งหอม คล้ายกับการบ่มไวน์ ที่ยิ่งบ่มนานเท่าไร รสชาติของไวน์ก็จะยิ่งดีขึ้นเรื่อย ๆ
ไม่เพียงเท่านี้ น้ำมันหอมระเหยจากกุหลาบบัลแกเรีย ยังมีประโยชน์มากมาย เช่น ให้ความชุ่มชื้น ต่อต้านวัย ลดอาการระคายเคือง และการอักเสบของผิวหนัง
อีกทั้งกลิ่นที่หอมอะโรมาเทอราพี จะช่วยเรื่องการผ่อนคลายทางอารมณ์ ทำให้การนอนหลับมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ซึ่งจากคุณสมบัติที่ช่วยบรรเทา ทั้งทางร่างกายและจิตใจ ทำให้น้ำมันหอมระเหยจากกุหลาบบัลแกเรีย ถูกนำไปประยุกต์ใช้ในหลายผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องสำอาง ยารักษาโรค ครีมบำรุงผิว และน้ำหอม
แน่นอนว่า ด้วย “ความต้องการของตลาด” ที่มีมากกว่า “ผลผลิตที่ผลิตได้”
ย่อมเป็นไปตามหลักอุปสงค์และอุปทาน ที่หากสินค้านั้นผลิตได้ในปริมาณที่จำกัด หรือขาดแคลนในตลาด ก็ย่อมทำให้ราคาสินค้านั้น ๆ มีราคาที่สูง นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม แม้น้ำมันหอมระเหยจากกุหลาบบัลแกเรียจะมีราคาสูง แต่ความต้องการของมันกลับไม่เคยเลือนหายไปเลย
โดยข้อมูลจาก Business Insider ระบุว่า ความต้องการน้ำมันกุหลาบบัลแกเรียทั่วโลก มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะขยายตัวที่อัตราการเติบโตต่อปีที่ 6.8% ระหว่างปี 2019 ถึงปี 2025
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ เราอาจจะมองว่า บัลแกเรียโชคดีที่ธรรมชาติได้มอบของขวัญพิเศษให้ อย่างสภาพภูมิประเทศที่เหมาะสมกับการปลูกกุหลาบ ซึ่งให้น้ำมันหอมระเหยที่มีกลิ่นหอมชวนหลงใหล
แต่ถึงอย่างนั้น ความโชคดีจะกลายเป็นของล้ำค่า เมื่อมันถูกหยิบมาต่อยอดสร้างประโยชน์
อย่างที่บัลแกเรียนำผลผลิตจากธรรมชาติ
มาสกัดเป็นน้ำมันกุหลาบบัลแกเรียคุณภาพสูง
จนกลายเป็นของ “แรร์ไอเทม” ที่ถึงแม้ต้องใช้เงินจำนวนมาก แต่ด้วยคุณค่า จึงทำให้ผู้คนยอมที่จะจ่ายนั่นเอง..
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.