รู้จัก MEDEZE Group ธุรกิจรับฝากเซลล์ต้นกำเนิด ที่กำลังจะ IPO
Uncategorized

รู้จัก MEDEZE Group ธุรกิจรับฝากเซลล์ต้นกำเนิด ที่กำลังจะ IPO

4 ต.ค. 2024
MEDEZE Group x ลงทุนเกิร์ล
“เวลา” คือ หนึ่งในสมบัติล้ำค่า ที่ต่อให้มีเงินมหาศาลก็ไม่สามารถซื้อกลับมาได้
แต่จะดีแค่ไหน ถ้าเราสามารถนำ “เงินที่เราเก็บออม” มาลงทุนให้ตัวเองหรือคนที่รัก มีสุขภาพที่ยืนยาว
ไอเดียการออม เพื่อคว้าโอกาสที่จะมีชีวิตที่ยืนยาวกว่าผ่านนวัตกรรม Biolongevity ไม่ใช่เรื่องเกินจริงอีกต่อไปด้วยบริการของ Medeze Group ในฐานะผู้นำด้าน Healthcare & Biotech ในประเทศไทย
Medeze Group คือ ใคร ?
แล้วทำไม การฝากเก็บเซลล์ต้นกําเนิดของชีวิต ถึงช่วยให้คนเรามีชีวิตที่ยืนยาวกว่าเดิม ?
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง

ก่อนอื่นไปทำความรู้จักเซลล์ต้นกำเนิด หรือ Stem Cells กันก่อน
Stem Cells คือ เซลล์ต้นแบบ ที่เป็นจุดเริ่มต้นของทุกเซลล์ในร่างกาย
โดยสามารถแบ่งตัวและเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์ในอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น เซลล์ผิวหนัง สมอง หัวใจ และกล้ามเนื้อ
Stem Cells จึงมีหน้าที่ในการทดแทนเซลล์ที่เสื่อมสภาพในร่างกาย เพิ่มอายุยืนยาว และต่อต้านความชรา
ซึ่งเมื่ออายุมากขึ้น เซลล์ต้นกำเนิดในร่างกายสร้างได้น้อยลง
ดังนั้น ด้วยความมุ่งมั่นของเมดีซ กรุ๊ปที่จะทำให้คนไทยสามารถจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิดที่มีคุณภาพได้ เพื่อนำไปรักษาโรคต่าง ๆ ในอนาคต
เมดีซ กรุ๊ป จึงได้ศึกษา คิดค้น และพัฒนาบริการ จนกลุ่มบริษัทฯ สามารถให้บริการจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิด 2 ชนิด ได้แก่
- เซลล์ต้นกำเนิดชนิดเม็ดโลหิต ที่พบในเลือดสายสะดือ สามารถพัฒนาไปเป็นเซลล์เม็ดเลือด
ปัจจุบันทางการแพทย์นำไปใช้เพื่อรักษาโรคเลือด และความผิดปกติของภูมิคุ้มกัน
- เซลล์ต้นกำเนิดชนิดเนื้อเยื่อมีเซนไคม์ ซึ่งมีอยู่ในเนื้อเยื่อสายสะดือ หรือในเนื้อเยื่อไขมัน (Adipose Tissue)
สามารถพัฒนาไปเป็นเซลล์ต่าง ๆ ได้หลากหลาย เช่น เซลล์ประสาท เซลล์กล้ามเนื้อหัวใจ เซลล์กระดูก และเซลล์ตับอ่อน เป็นต้น และใช้เพื่อรักษาความผิดปกติที่มาจากความเสื่อมต่าง ๆ ในร่างกาย
ทั้งนี้ การเก็บเซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cells) สามารถเก็บได้ทั้งจากเด็กแรกเกิด จากเลือดในสายสะดือและเนื้อเยื่อสายสะดือ และจากบุคคลทั่วไปทุกช่วงอายุ คือจากเนื้อเยื่อไขมัน
ขั้นตอนในการรับฝากเซลล์ต้นกำเนิดของเมดีซ กรุ๊ป เริ่มจากการจัดเก็บตัวอย่างเลือดหรือเนื้อเยื่อ การคัดแยกและเพาะเลี้ยงเซลล์ต้นกำเนิด และการแช่แข็งในถังไนโตรเจนเหลว
โดยเมดีซ กรุ๊ป จะรับประกันคุณภาพเซลล์ต้นกำเนิด 30 ปี ฝากเก็บแช่แข็งให้ 60 ปี
มาถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะมองว่า ด้วยบริการที่อาจจะดูเป็นเรื่องใหม่ อาจจะคิดว่าเมดีซ กรุ๊ป เป็นธุรกิจใหม่ที่ยังสั่งสมประสบการณ์มาไม่มากนัก
แต่จริง ๆ แล้ว เมดีซ กรุ๊ป ได้ดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่องมามากกว่า 14 ปี
ที่สำคัญ ยังมีบริการครอบคลุมการจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิดในระยะยาว ผ่านนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย ด้วยมาตรฐานการจัดเก็บแช่แข็งในระดับสากลจากสหรัฐอเมริกา
เท่านั้นยังไม่พอ เมดีซ กรุ๊ป ยังมีทีมงานที่เป็นนักวิทยาศาสตร์และบุคลากรชั้นนำในวงการเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology) จำนวนมาก
พร้อมกันนี้ยังมีเครือข่ายแพทย์ในสถานพยาบาลชั้นนำในประเทศ ไปจนถึงการมีห้องปฏิบัติการปลอดเชื้อระดับคลีนรูม คลาส 100 ที่สะอาด พร้อมด้วยอุปกรณ์และเทคโนโลยีที่มีความทันสมัยในวงการธนาคารจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cell Banking)
อาทิ ระบบการแช่แข็งในถังไนโตรเจนเหลว เครื่องคัดแยกเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตอัตโนมัติ (AutoXpress) และเครื่องเพาะเลี้ยงเพิ่มจำนวนเซลล์ต้นกำเนิดชนิดเนื้อเยื่อมีเซนไคม์แบบอัตโนมัติ (Quantum) เป็นต้น
และในอนาคต ยังมุ่งเน้นการใช้นวัตกรรมที่เป็นระบบอัตโนมัติมากขึ้นในขั้นตอนการปฏิบัติงานของกลุ่มบริษัทฯ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลให้อยู่ในระดับสูงสุดเพื่อความปลอดภัยของเซลล์ต้นกำเนิดที่รับฝาก
แล้วถ้าถามว่า มีบริการที่ครบวงจร แถมได้มาตรฐานระดับนี้
ที่ผ่านมา ผลประกอบการของเมดีซ กรุ๊ปเป็นอย่างไร ?
ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ. 2564 – 2566) ถ้าไปดูโครงสร้างรายได้ของเมดีซ กรุ๊ป
พบว่า รายได้จากการขายและให้บริการของกลุ่มบริษัทฯ แบ่งเป็น 4 ประเภทหลัก ประกอบไปด้วย
51% มาจากบริการจัดเก็บเซลล์ต้นกําเนิดที่เก็บจากเนื้อเยื่อสายสะดือ
18% มาจากบริการจัดเก็บเซลล์ต้นกําเนิดที่เก็บจากเนื้อเยื่อไขมัน
19% มาจากบริการทดสอบศักยภาพเซลล์ภูมิคุ้มกัน
10% มาจากบริการจัดเก็บเซลล์ต้นกําเนิดที่เก็บจากเลือดสายสะดือ
ส่วนที่เหลือเป็นรายได้จากการขายและให้บริการอื่น ๆ เช่น ธุรกิจจัดเก็บเซลล์ต้นกําเนิดที่เก็บจากเซลล์รากผม และรายได้จากการขายสินค้าเครื่องสำอางและอาหารเสริมคิดเป็นสัดส่วน 2%
ทั้งนี้ ถ้าไปดูผลประกอบการในช่วงปี 2564 – 2566 จะพบว่า

ปี 2564 รายได้ 446.41 ล้านบาท กำไรสุทธิ 112.06 ล้านบาท
ปี 2565 รายได้ 595.70 ล้านบาท กำไรสุทธิ 147.19 ล้านบาท
ปี 2566 รายได้ 701.81 ล้านบาท กำไรสุทธิ 239.57 ล้านบาท
จะเห็นว่ารายได้จากการขายและบริการของเมดีซ กรุ๊ป เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
และมีการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) อยู่ที่ราว 25.38%
เหตุผลหลัก ๆ ที่ทำให้รายได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง มาจาก
- ชื่อเสียงของแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักมากขึ้น จากการใช้สื่อออนไลน์และอินฟลูเอนเซอร์
ตอกย้ำการเป็นผู้ริเริ่มทั้งบริการการจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิดและบริการทดสอบศักยภาพเซลล์ภูมิคุ้มกันในประเทศไทย
และยังเป็นผู้ให้บริการแห่งแรกที่สามารถให้บริการการจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิดจากไขมันในประเทศไทย
- คู่แข่งทางธุรกิจน้อยรายในประเทศไทย
โดยเมดีซ กรุ๊ปเป็นหนึ่งในผู้นำอุตสาหกรรมของกลุ่มบริษัทที่ให้บริการจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cells) ทั้งในด้านฐานะการเงิน ความมั่นคง และนวัตกรรมการจัดเก็บเซลล์
- เมดีซ กรุ๊ป ได้รับมาตรฐานระดับสากลและรางวัลการันตีคุณภาพจากสถาบันที่มีชื่อเสียงจำนวนมาก
ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าในด้านมาตรฐานการให้บริการ ซึ่งเป็นสิ่งที่ลูกค้าได้ให้ความสำคัญ
- การมีเครือข่ายโรงพยาบาลพันธมิตรที่แข็งแกร่ง และเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในแต่ละปีที่ได้ให้บริการ ทำให้การบริการของกลุ่มบริษัทฯ เข้าถึงลูกค้าและเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ช่วยเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขัน
- การมีเครือข่ายตัวแทนการให้บริการทั้ง Dealer และ Agent ที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปี
ทำให้กลุ่มบริษัทฯ มีช่องทางการขายมากขึ้น
- การจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิดในประเทศไทย มีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านมูลค่าตลาดอุตสาหกรรม งานวิจัยต่าง ๆ รวมถึงอัตราความสำเร็จในการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด
ส่งผลให้ฐานกลุ่มลูกค้าของกลุ่มบริษัทฯ มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น
- กลุ่มลูกค้าหลักของกลุ่มบริษัทฯ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลางถึงสูง มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นทั้งในประเทศไทย เวียดนาม และอินโดนีเซีย
ส่วนกำไรที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องนั้น สาเหตุหลักมาจาก รายได้เติบโตขึ้น ทำให้เกิดการประหยัดต่อขนาด (Economies of scale) บวกกับกลยุทธ์การขาย และความนิยมในการจัดเก็บเซลล์ต้นกําเนิดที่เก็บจากเนื้อเยื่อสายสะดือ
เพื่อเป็นการประกันทางสุขภาพสำหรับบุตร และคนในครอบครัวในอนาคต รวมทั้งการเพาะเลี้ยงเซลล์เนื้อเยื่อไขมันที่ได้รับความนิยมมากขึ้นจากกลุ่มประชาชนทั่วไป
จากรากฐานของบริษัทที่ดี บวกกับกลยุทธ์ที่มาถูกทาง และเทรนด์โลกที่เอื้อต่อธุรกิจ
ทำให้ เมดีซ กรุ๊ป มุ่งมั่นเดินหน้าต่อยอดธุรกิจ เพื่อรองรับโอกาสการเติบโต
ด้วยการเสนอขายหลักทรัพย์ครั้งแรกต่อประชาชน (IPO) จำนวนไม่เกิน 268,000,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 25.09 ของทั้งหมด
โดยตั้งเป้าในการนำเงินไปใช้ ใน 3 ส่วนหลัก ๆ ดังนี้
1. เพื่อใช้ในการขยายธุรกิจเซลล์รากผม (Hair Follicle Cell Bank)
หลัก ๆ เพื่อตอบโจทย์ดีมานด์ในการบรรเทาปัญหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเส้นผมและหนังศีรษะ
เช่น ปัญหาผมร่วง อาการผมบาง ศีรษะล้าน ที่มีแนวโน้มจะพบเจอมากขึ้นในกลุ่มผู้สูงวัย จากการที่ประเทศไทยและหลายประเทศในโลกกำลังเข้าสู่ช่วงยุคประชากรสูงวัย (Aging population)
โดยบริษัทตั้งใจนำเงินทุนที่ได้ไปลงทุนเพื่อ เพิ่มความสามารถในการให้บริการ (Capacity) ทั้ง สถานที่ บุคลากร อุปกรณ์ และสิ่งอำนวยความสะดวก เพื่อรองรับธุรกิจและลูกค้าที่คาดว่าจะมีจำนวนเพิ่มขึ้น
รวมไปถึง การต่อยอดงานวิจัย เพื่อให้สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่มีศักยภาพเพิ่มขึ้นให้กับลูกค้าในอนาคต
2. ลงทุนระบบการจัดเก็บเซลล์ด้วยหุ่นยนต์ (Robotic Cell Culture System)
ซึ่งเป็นนวัตกรรมขั้นสูงและล้ำสมัยที่ได้รับการยอมรับจากสถาบันและองค์กรในหลากหลายประเทศ
เพื่อให้กระบวนการจัดเก็บมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ลดความเสี่ยงจากการผิดพลาดของพนักงาน และลดความเสี่ยงจากตัวแปรที่มาจากสภาพแวดล้อมต่าง ๆ
และช่วยให้สถานบริการธนาคารเซลล์ของกลุ่มบริษัทฯ มีความน่าเชื่อถือทัดเทียมกับผู้ประกอบการชั้นนำทั่วโลก สามารถดึงดูดลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศได้มากขึ้น
3. เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ
อ่านมาถึงตรงนี้ คงเรียกได้ว่า Medeze Group เป็นอีกหนึ่งธุรกิจ ที่น่าจะตอบโจทย์เทรนด์โลกไม่น้อยเลย
ซึ่งหลังจากนี้ คงต้องติดตามว่าการเติบโตของธุรกิจ MEDEZE จะเป็นอย่างไร..
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.