สรุปโมเดล Tasiting ขายเบอร์เกอร์อย่างไร ? ให้โตแซง Burger King และ McDonald's ในประเทศจีน
Business

สรุปโมเดล Tasiting ขายเบอร์เกอร์อย่างไร ? ให้โตแซง Burger King และ McDonald's ในประเทศจีน

16 ก.ย. 2024
สรุปโมเดล Tasiting ขายเบอร์เกอร์อย่างไร ? ให้โตแซง Burger King และ McDonald's ในประเทศจีน /โดย ลงทุนเกิร์ล
“แบรนด์จีน กำลังไล่ต้อนแบรนด์อื่นในโลก”
เรื่องนี้อาจไม่เกินจริง เมื่อหลาย ๆ แบรนด์ที่เคยเป็นผู้นำตลาดกำลังตกที่นั่งลำบากมากขึ้น หลังถูกแบรนด์จีนแย่งชิงส่วนแบ่ง และค่อย ๆ ขยับเข้ามาแทนที่
หนึ่งในนั้นก็คือ ตลาดฟาสต์ฟูดแดนมังกร ที่กำลังถูก “Tasiting” แบรนด์เบอร์เกอร์ของคนจีน ไล่ต้อนเจ้าตลาดเดิมอย่าง KFC และ McDonald's
เรื่องราวของ Tasiting น่าสนใจอย่างไร ?
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
Tasiting (ถาซื่อถิง) หรือ Tastien
คือ แบรนด์เบอร์เกอร์สัญชาติจีน ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2012
ปัจจุบัน เป็นแบรนด์ฟาสต์ฟูดที่ได้รับความนิยมอย่างมาก จากคอนเซปต์ “เบอร์เกอร์สไตล์ตะวันตก ที่ผสมผสานกับรสชาติจีนแบบดั้งเดิม”
โดยไฮไลต์ของ Tasiting คือการนำเมนูสไตล์จีน มารังสรรค์ในรูปแบบเบอร์เกอร์ เช่น เบอร์เกอร์ไส้เป็ดปักกิ่ง, ไส้เต้าหู้สไตล์เสฉวน, ไส้เนื้อพะโล้ แต่ก็มีเมนูเบอร์เกอร์ทั่วไปอย่างไส้ไก่ทอด หรือเนื้อแบบดั้งเดิม
ที่สำคัญคือ วัตถุดิบสำคัญอย่าง ขนมปังเบอร์เกอร์ ก็ไม่ใช่ขนมปังเบอร์เกอร์ธรรมดา ๆ เพราะทำมาจากแป้งที่นวดด้วยมือ ตามวิธีการทำขนมปังดั้งเดิมของจีน
นอกจากนี้ ยังมีการดัดแปลงเมนูของทานเล่นให้เหมาะกับคนจีน เช่น เมนูรากบัวทอดกรอบ ที่พัฒนามาจากเฟรนช์ฟรายส์อีกด้วย
ความแตกต่างนี้เอง ทำให้ Tasiting ที่เปิดให้บริการมาเพียง 12 ปี มีสาขามากถึง 7,200 แห่งในประเทศจีน
ขณะที่แบรนด์ฟาสต์ฟูดเจ้าดังระดับโลก ที่อยู่ภายใต้เครือ Yum China Holdings กลับมีจำนวนสาขาในประเทศจีนน้อยกว่า Tasiting เสียอีก
Burger King ประมาณ 1,600 สาขาPizza Hut ประมาณ 3,500 สาขาMcDonald's ประมาณ 5,900 สาขา
ที่น่าสนใจก็คือ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา Tasiting ขยายสาขาใหม่เร็วมาก ซึ่งกำลังไล่ตาม KFC แบรนด์ฟาสต์ฟูดที่มีจำนวนสาขามากที่สุดในจีน มาติด ๆ
แล้วอะไร ที่ทำให้ Tasiting ก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นที่น่าจับตามอง ที่เข้ามาเขย่าวงการฟาสต์ฟูดในจีน ?
ภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่ชัดเจน
Tasiting ชูจุดขายการเป็นแบรนด์ฟาสต์ฟูดของจีน
โดยเน้นการสื่อสาร ผ่านเทรนด์ที่ชื่อว่า “Guochao” ซึ่งเป็นเทรนด์ที่กำลังครองใจวัยรุ่นจีน เน้นไปที่ความเป็นพื้นเมือง หรือการบ่งบอกถึงความเป็นจีน
ทำให้ทั้งเมนูและคอนเซปต์ของแบรนด์ ออกแบบมาเพื่อเอาใจชาวจีนโดยเฉพาะ พร้อมทั้งสื่อสารถึงเอกลักษณ์ความเป็นจีน ผ่านการตกแต่งร้าน โลโก และแพ็กเกจจิงที่มีความสวยงามด้วยลวดลายแบบจีน
แถมล่าสุด Tasiting ยังเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์จีนให้แข็งแกร่งขึ้น ด้วยการใช้ดารา และเซเลบริตีชื่อดังของจีน มาเป็นพรีเซนเตอร์
รวมไปถึงสื่อสารผ่านสโลแกน เช่น “แฮมเบอร์เกอร์จีนมาแล้ว!” “เบอร์เกอร์จีน ผลิตในจีน” “Tastien ผู้สร้างเบอร์เกอร์ในจีน” และ “คนจีนชอบเบอร์เกอร์จีน”
Value for Money หรือความคุ้มค่าของเงินที่จ่ายไป
Tasiting เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ จึงชูจุดขายเบอร์เกอร์ในราคาที่ถูกกว่าร้านฟาสต์ฟูดอื่น ๆ
ข้อมูลจาก Dianping แอปพลิเคชันรีวิวอาหารของจีน พบว่าราคาเฉลี่ยต่อมื้อของร้านฟาสต์ฟูด 3 ร้าน
Tasiting อยู่ที่ 90 บาทMcDonald's อยู่ที่ 125 บาทKFC อยู่ที่ 160 บาท
หรือก็คือ Tasiting มีราคาถูกกว่าฟาสต์ฟูดร้านดัง ประมาณ 30-40% เลยทีเดียว
ซึ่งกลยุทธ์นี้ก็สัมพันธ์กับเทรนด์การใช้เงินของคนจีนในปัจจุบัน ที่ต้องการความคุ้มค่า และหันมาใช้จ่ายกันอย่างประหยัดมากขึ้น
เรียกได้ว่า Tasiting ตอบโจทย์ผู้บริโภคทั้งเรื่องรสชาติที่ถูกปาก, การเติบโตของกระแสชาตินิยมและความต้องการสินค้าและบริการที่สอดคล้องกับวัฒนธรรมของผู้บริโภคชาวจีน และราคาที่ถูกกว่าร้านฟาสต์ฟูดทั่ว ๆ ไป
จากเรื่องราวทั้งหมดนี้ จึงไม่แปลกใจเลยว่า ทำไม Tasiting ถึงกลายเป็นผู้ท้าชิงคนสำคัญ ในตลาดบ้านเกิด
และเป็นแบรนด์ฟาสต์ฟูดที่เติบโตเร็ว เกินกว่าที่ใครจะจินตนาการถึง..
สำหรับใครที่อยากเรียนรู้เรื่องเชนฟาสต์ฟูดในจีนต่อ
ร่วมเดินทางไปหาคำตอบด้วยกัน ในซีรีส์ INSIGHTS ที่ YouTube ช่องลงทุนแมน หรือกดดูลิงก์ https://www.facebook.com/longtunman/videos/1048351712801055/
ยังมีเรื่องราวธุรกิจ เศรษฐกิจจีน ที่น่าสนใจอีกเพียบ
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.