Rebranding คืออะไร? พร้อมถอดรหัสการ Rebranding ของ BEARHOUSE ที่จะเกิดขึ้นว่าน่าทึ่งแค่ไหน
Marketing

Rebranding คืออะไร? พร้อมถอดรหัสการ Rebranding ของ BEARHOUSE ที่จะเกิดขึ้นว่าน่าทึ่งแค่ไหน

24 ก.ค. 2024
แบรนด์แต่ละแบรนด์ในโลกนี้นั้น ไม่ว่าจะอยู่มานานแค่ไหน หรือมีการเติบโตมากน้อยแค่ไหนก็ตาม เมื่อถึงจุดหนึ่งแล้ว แต่ละแบรนด์ย่อมมีการปรับภาพลักษณ์หรือพัฒนาแบรนด์ให้มีการเติบโตมากขึ้น ดังนั้น จึงเป็นที่มาของการ Rebranding หรือการรีแบรนด์ เพื่อพาแบรนด์ของตัวเองนั้นเติบโตไปอีกขั้นนั่นเอง และสำหรับ BEARHOUSE เอง แม้จะเป็นแบรนด์ที่มีอายุประมาณ 5 ปี แต่การ Rebranding ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทาง BEARHOUSE เองกำลังให้ความสนใจ และมองว่าจะเป็นการพัฒนาภาพลักษณ์แบรนด์โดยภาพรวมให้เติบโตไปมากยิ่งขึ้น บทความนี้จะพาทุกท่านไปเรียนรู้เกี่ยวกับการ Rebranding พร้อมเจาะลึกการ Rebranding ของ BEARHOUSE ที่จะเกิดขึ้น ว่ามีความน่าสนใจอย่างไร น่าทึ่งอย่างไร มีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง มาดูกันเลย
การ Rebranding คืออะไร
การ Rebranding นั้น ก็คือการปรับเปลี่ยนในส่วนต่างๆ ของธุรกิจเพื่อการสร้างภาพลักษณ์ที่สดใหม่และน่าสนใจมากกว่าเดิม เป็นการพัฒนาแบรนด์ให้มีความแปลกใหม่ หรือสร้างสรรค์อะไรใหม่ๆ ภายในแบรนด์หรือองค์กรเพื่อกระตุ้นให้คนทั่วไปรับรู้ภาพจำใหม่จากแบรนด์ โดยส่วนมากแล้ว การ Rebranding นั้นจะเกิดขึ้นเมื่อองค์กรรู้สึกว่าต้องมีการเปลี่ยนแปลง หรือการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ ที่จะช่วยให้แบรนด์หรือธุรกิจสามารถเติบโตได้เกินขีดจำกัดที่มีอยู่ ณ ปัจจุบัน โดยการรีแบรนด์นั้นก็มักจะมีการปรับอยู่เป็นระยะ เพื่อให้ธุรกิจนั้นก้าวทันโลก หรือตามทันกระแสสังคมที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน และสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างราบรื่นมากยิ่งขึ้น
Rebranding มีกี่รูปแบบ
การ Rebranding นั้น หลายคนมักจะมีภาพจำว่าเป็นการเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนโลโก้ หรือเปลี่ยน Product เท่านั้น แต่จริงๆ แล้ว การ Rebranding นั้นมีอยู่หลายรูปแบบ และสามารถแบ่งออกเป็นทั้งหมด 2 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่
- Internal Rebranding เป็นการปรับเปลี่ยนภายในองค์กร ที่มักจะเกิดขึ้นเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานในองค์กรหรือแบรนด์ เมื่อพบว่า Way of Work ในปัจจุบันอาจจะไม่ตอบโจทย์การทำงานอีกต่อไป การ Rebranding ประเภทนี้ มักจะเป็นการปรับวิธีการทำงานให้แตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง แก้ไขกฎเกณฑ์ต่างๆ ปรับปรุงวัฒนธรรมขององค์กร การรีแบรนด์ในลักษณะนี้ ส่วนมากแล้วจะไม่มีเป้าหมายเพื่อการรับรู้ของคนทั่วไป แต่จะเน้นไปที่การเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานภายในให้มากขึ้น
- External Rebranding เป็นการปรับเปลี่ยนภายนอกองค์กร โดยภายนอกในที่นี้คือสิ่งที่คนทั่วไปสามารถรับรู้เกี่ยวกับองค์กรหรือแบรนด์ เช่น โลโก้หรือสัญลักษณ์ต่างๆ ชื่อ สี ผลิตภัณฑ์ ภาพลักษณ์ กลุ่มลูกค้า ที่มักจะเป็นการเปลี่ยนแปลงเพื่อลบล้างภาพจำเดิม หรือเพิ่มภาพลักษณ์รูปแบบใหม่ให้กับองค์กร โดยการเปลี่ยนแปลงรูปแบบนี้จะเน้นไปที่การรับรู้ของคนทั่วไปเป็นหลัก และการสร้างภาพจำแบรนด์ในรูปโฉมใหม่ก็เป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักที่เกิดขึ้นสำหรับการ Rebranding ในลักษณะนี้
เป้าหมายของการ Rebranding มีอะไรบ้าง
การ Rebranding นั้นมีเป้าหมายอยู่มากมายที่แบรนด์แต่ละแบรนด์นั้นอยากให้การเปลี่ยนแปลงในแต่ละครั้งสามารถสร้าง Achievement ได้ตามที่กำหนดไว้ โดยส่วนมากแล้ว เป้าหมายของการ Rebranding จะมีด้วยกันดังนี้
- ขยายกลุ่มลูกค้าให้เพิ่มขึ้น เป็นหนึ่งใน Goal ที่หลายแบรนด์ให้ความสำคัญมากที่สุดในการ Rebranding เพราะการทำตลาดรูปแบบเดิม ก็จะทำให้ได้แต่ลูกค้ากลุ่มเดิม มีโอกาสเติบโตแต่จะเป็นไปแบบช้า ๆ ดังนั้นการ Rebranding โดยเฉพาะ External Rebranding ก็จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ใหม่ ๆ ให้แบรนด์ รวมถึงเพิ่มโอกาสในการขยายฐานลูกค้าให้มาจากหลากหลายกลุ่มอีกด้วย
- เพิ่มโอกาสการแข่งขันในตลาด บางครั้งการสร้างแบรนด์ด้วย Product เดิมตลอดไปอาจจะไม่ตอบโจทย์ เพราะถ้า Product เรานั้นประสบความสำเร็จ แน่นอนว่าก็จะมีคู่แข่งมากมายที่พร้อมเข้ามาลงตลาดด้วย ดังนั้นการ Rebranding ด้วยการเพิ่ม Product Line ใหม่ ๆ ก็จะช่วยให้แบรนด์เพิ่มโอกาสการแข่งขันในตลาดได้มากขึ้น
- ปรับแบรนด์ให้เท่าทันตลาดโลก บางครั้งสินค้าของแบรนด์นั้นอาจจะไม่ได้ตกยุคสมัย แต่เพียงแค่อาจจะมีแพ็กเกจรูปแบบเดิมและใช้มานานจนทำให้ภายนอกมองว่าแบรนด์ไม่พัฒนา การ Rebranding ก็จะช่วยปรับเปลี่ยน Pain Point ของแบรนด์ส่วนนี้ให้ลดลงหรือหายไป ด้วยการพัฒนารูปลักษณ์แบรนด์ให้มีความทันสมัย และเท่าทันตลาดโลก ที่จะช่วยให้แบรนด์ยังคงอยู่ในตลาดไปได้ยาว
- ฟื้นฟูชื่อเสียงขององค์กร บางครั้งอาจจะมีเหตุการณ์ที่สร้างผลกระทบต่อชื่อเสียงแบรนด์เกิดขึ้น ทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์อาจจะไม่ดีนัก การ Rebranding ก็ถือเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยกอบกู้ชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้กลับมาดีขึ้นได้
ตัวอย่างแบรนด์ที่มีการ Rebranding ที่น่าสนใจ
เกริ่นกันมายาวพอสมควร มาถึงส่วนของตัวอย่างการ Rebranding ที่น่าสนใจในไทยกันบ้าง เช่น
- Srichand หรือ ศรีจันทร์ ที่ปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์ใหม่ทั้งหมด เช่น โลโก้ แพ็กเกจ CI Product Line ใหม่ ๆ ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก
- ชาตรามือ ที่มีการรีแบรนด์ครั้งใหญ่ เปิดร้านในห้าง ปรับแพ็กเกจให้ดูทันสมัย และสร้าง Product Line ใหม่ ๆ ที่ก็ประสบความสำเร็จมากเช่นกัน- ดอยคำ มีการรีแบรนด์ด้วยการปรับภาพลักษณ์ของแพ็กเกจให้ดูทันสมัย รวมไปถึงชูจุดเด่นของสินค้าในการช่วยดูแลสุขภาพ ทำให้เป็นกระแสฮิตน้ำมะเขือเทศดอยคำกันไปพักใหญ่ ๆ เลย
BEARHOUSE กับการ Rebranding
มาถึงส่วนสำคัญที่อยากจะแชร์กันบ้างแล้ว กับการ Rebranding ของ BEARHOUSE ที่เราได้มีโอกาสคุย และได้ข้อมูลอันน่าตื่นเต้นจากคุณซารต์และคุณกานต์ ว่าเมื่อไม่นานมานี้ BEARHOUSE มีการ Rebranding เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เริ่มสร้างแบรนด์ในปี 2019 เป็นต้นมา ที่ผ่านมาเราเชื่อว่า BEARHOUSE ได้สร้างความสดชื่นและความอร่อยผ่านเครื่องดื่มหลากหลายเมนู ทั้งชานม ชาผลไม้ ชาเย็น ชาเขียว รวมไปถึงกาแฟ และท็อปปิ้งสุดโปรดสำหรับใครหลายคนอย่าง “ไข่มุกโมจิ” ที่นุ่มอร่อยไม่เหมือนใคร ทำให้สามารถครอบครองใจของใครหลายๆ คนไปได้ และสร้างปรากฏการณ์คิวยาวจนต้องขยายสาขาเพิ่ม ที่ทำให้ล่าสุด BEARHOUSE ขยายสาขาไปจนถึง 36 สาขา และ Pop-up Store อีก 2 สาขา
และในปี 2024 พบกับปรากฏการณ์ “Light Up Unlock” ที่จะสร้างความสว่างไสวให้กับแบรนด์ พร้อมปลดล็อกข้อจำกัดต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นให้หมดไป สร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับการดื่มเครื่องดื่มในแบบที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน
สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตของ BEARHOUSE
การปรับเปลี่ยนจากทาง BEARHOUSE ในครั้งนี้ เน้นไปที่การสร้างความ Refresh โดยคุณซารต์และคุณกานต์ มีเป้าหมายให้ลูกค้านั้นได้รู้สึกถึงความสดใหม่จากแบรนด์ และความสดชื่นจาก Product ของ BEARHOUSE ที่จะสร้างประสบการณ์ที่ดียิ่งกว่าเดิมในทุกครั้งที่ดื่ม BEARHOUSE โดยสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น มีดังต่อไปนี้
- Logo Revise ด้วยการปรับให้กลมขึ้น และเส้นเข้มขึ้น สร้างความโดดเด่นและชัดเจนให้กับแบรนด์มากยิ่งขึ้น
- New Color Tone มีการปรับเพิ่มสีน้ำตาลในโทนเข้มเข้ามา (จากเดิมที่ใช้โทนสีน้ำตาลครีม) เพิ่มลุคให้แบรนด์ดูโตยิ่งขึ้น
- Explicitly mission ด้วยความตั้งใจของคุณซารต์เเละคุณกานต์ ที่มุ่งมั่นอยากจะทำของอร่อย จึงทำให้ถือกำเนิดประโยคสั้นๆที่ทั้งเข้าใจง่าย ไม่อ้อมค้อม เเละชัดเจน นั่นก็คือ "เราเกิดมาเพื่อปิดมื้อให้ลูกค้าพึงพอใจที่สุด" เเม้จะเป็นประโยคธรรมดา ๆ เเต่ก็เเฝงไปด้วยความมุ่งมั่นเเละตั้งใจที่ทั้งสองท่านอยากจะมอบประสบการณ์แสนอร่อยในทุกมื้อให้กับทุกคน
- New Packaging มีการเพิ่มแพ็กเกจรูปแบบใหม่ให้เข้ากับการ Rebranding โดยปรับจากแก้วพลาสติกมาใช้แก้วกระดาษบนความตั้งใจที่อยากลดการใช้พลาสติกให้ได้มากขึ้น พอได้เห็นเเนวคิดนี้เเล้ว ก็อดสงสัยไม่ได้ถึงความใส่ใจในการพัฒนาเเก้วกระดาษที่มีความหนาพิเศษ นอกจากจะไม่ยุ่ย ไม่ขาดเเล้ว ตัวแก้วนั้นยังมีความทนทาน สามารถล้างและใช้ต่อได้โดยไม่ต้องทิ้ง สายสะสมแก้วจะต้องชอบแน่นอน และส่วนของถุงนั้นปรับจากถุงกระดาษ เป็น “ถุงเก็บความเย็น” ที่จะช่วยให้ลูกค้าทั้งที่สั่ง Delivery และ Take Home นั้นสามารถสัมผัสประสบการณ์เหมือนได้นั่งดื่มอยู่ที่ร้าน
- New Price and Size หลายคนก่อนหน้านี้อาจจะพบปัญหาว่าร้านไม่มีไซส์ใหญ่ ทำให้บางเมนูนั้นอาจจะดื่มได้ไม่จุใจ BEARHOUSE รับรู้และพัฒนาเพื่อลูกค้า จนมีการปรับเปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่ โดยยกเลิกเครื่องดื่มไซส์ S ขนาด 14oz เดิม และเพิ่มไซส์ L ขนาดใหญ่จุใจ 22oz ให้สัมผัสประสบการณ์การดื่ม BEARHOUSE ได้แบบเต็มที่มากขึ้น และเมื่อปรับไซส์แล้ว ราคานั้นก็มีการเปลี่ยนแปลงด้วยเช่นกัน โดยราคาเมนูใหม่นี้ ก็สามารถเรียกได้ว่าเป็นราคาที่เข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น รวมถึงความคุ้มค่าที่ลูกค้าจะได้รับปริมาณความอร่อยที่มากขึ้นเช่นกัน
- New Way to Customize Toppings ก่อนหน้านี้ หลายเมนูจะมีการเลือกท็อปปิ้งให้แล้วจากทาง BEARHOUSE เพื่อให้ลูกค้าได้ดื่มด่ำรสชาติเครื่องดื่มที่ดีที่สุด แต่ในปีนี้ BEARHOUSE ให้สัมผัสประสบการณ์ที่ดีขึ้น ด้วยการสามารถเลือก Topping ในทุกเมนูได้ด้วยตัวเอง โดยที่ BEARHOUSE จะให้ทุกเมนูเครื่องดื่มเริ่มต้นแบบไม่มี Topping หากลูกค้าอยากกินนุ่มชีสกับเมนูไหนก็ใส่ได้ ไม่มีจำกัดอีกต่อไป หรือจะเพิ่มไข่มุกโมจิเข้าไปอีกก็ทำได้แบบชิล ๆ ได้เลย
- New Straw BEARHOUSE ได้เฟ้นหาหลอดเครื่องดื่มรูปแบบใหม่ ที่สามารถให้ลูกค้าได้ดื่มด่ำกับความหอมของชาและความละมุนของเครื่องดื่มโดยเฉพาะ ที่ช่วยให้ฝั่งลูกค้าดื่มชาได้หอมขึ้น 300%
- New CRM Type ก่อนหน้านี้ ระบบสมาชิกของ BEARHOUSE จะให้ลูกค้าสะสมแต้มเพื่อแลกเป็นขนม เครื่องดื่ม หรือของพรีเมี่ยมเท่านั้น แต่ในรูปแบบฉบับใหม่ปี 2024 นี้ BEARHOUSE เพิ่มสิทธิพิเศษด้วยการมี “Student Type” ที่เป็นส่วนลดสำหรับนักเรียน นักศึกษาเเละยังสามารถใช้ที่หน้าร้านได้ทันที รวมไปถึงสิทธิพิเศษใหม่อย่าง Birthday Gift และ Welcome Drink พร้อมโปรโมชั่นใหม่ๆ ให้เเก่ลูกค้าสมาชิก รวมถึงสมาชิกใหม่อีกด้วย
- New Production Line จากเท่าที่ได้ข้อมูลมาจากคุณซารต์เเละคุณกานต์เป็นส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ ที่มีการเล่าถึงความพยายามในการปรับเปลี่ยนในส่วนของ Production line ใหม่ทั้งหมดไม่เพียงแต่เตรียมพร้อมสำหรับอนาคต เเต่มาในรูปแบบของการนำนวัตกรรมต่างๆมาใช้เเละพัฒนา Production line ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบเมนูใหม่ การจัดวางบาร์ใหม่ การเทรนนิ่งต่างๆ โดยมีการคำนึงถึงคุณภาพเเละความอร่อยมาเป็นอันดับเเรก เเละก็หวังว่าจะได้เเบ่งปันความอร่อยบทใหม่กับทุกๆคนในเร็วๆนี้
- New Product Expansion อย่างที่มีการเกริ่นไปก่อนหน้าว่า BEARHOUSE อยากให้เมื่อใครนึกถึงของอร่อย ก็ต้องมาที่ BEARHOUSE ดังนั้นการจะโตไปในทิศทางนี้ BEARHOUSE อาจจะมีการ Collaboration ที่น่าใจหรือการขยับขยายในเรื่องของสินค้าที่มากขึ้นในอนาคต เพราะเมื่อลองสังเกตดีๆจากการตั้งชื่อ Rebranding campaign อย่าง "Light up unlock" อาจจะมีนัยยะที่สำคัญที่เป็นเส้นทางเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ สินค้าใหม่ หรือกลยุทธ์ธุรกิจใหม่ๆ ให้ได้ลองสังเกตกัน
Born to Complete the Meal คงจะเป็นคำกล่าวที่ไม่เกินจริงเมื่อไล่ดูการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของ BEARHOUSE ในครั้งนี้ เพราะเราจะเห็นได้ว่ามีการปรับในหลายด้านมาก ทั้งตัวผลิตภัณฑ์และตัวแบรนด์ ที่เรียกได้ว่าแม้จะไม่ได้ยกเครื่องแบบใหม่ทั้งหมด เเต่สิ่งที่เปลี่ยนไป นั่นก็คือการตั้ง Mission ใหม่ในครั้งนี้ ทำให้ภาพเเละความรู้สึกที่มอง BEARHOUSE ดูเปลี่ยนไป ดูมีความจริงจังเเละจริงใจในสร้างของอร่อยที่สามารถทานปิดมื้อได้ เเต่ก็ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า ในอนาคตจะมีความอร่อยรูปเเบบไหนมาเพิ่มเติม หรือทำให้เราประหลาดใจกันอีก แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมาของแบรนด์ที่สามารถออกเมนูต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลายและน่ากินมาก ๆ พร้อมประสบการณ์ที่ผ่านมาของแบรนด์นั้น ก็อาจจะเป็นสิ่งที่ช่วยให้ BEARHOUSE สามารถเป็นของอร่อยที่ "อร่อยไลท์ปิดมื้อ" ได้จริง ๆ 
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.