กรณีศึกษา Oho! แอปขายอาหารส่วนเกิน ร้านค้าได้ลดต้นทุน ส่วนคนซื้อได้กำไร
Business

กรณีศึกษา Oho! แอปขายอาหารส่วนเกิน ร้านค้าได้ลดต้นทุน ส่วนคนซื้อได้กำไร

28 ก.ย. 2023
กรณีศึกษา Oho! แอปขายอาหารส่วนเกิน ร้านค้าได้ลดต้นทุน ส่วนคนซื้อได้กำไร /โดย ลงทุนเกิร์ล
เชื่อว่าหนึ่งใน Pain Point ที่ธุรกิจร้านอาหาร ต้องเผชิญในแต่ละวัน ก็คือปัญหา “อาหารส่วนเกิน” (Food Surplus) หรืออาหารที่ยังมีคุณภาพดี แต่ขายไม่หมด
ซึ่งลองคิดดูว่า หากร้านค้าต้องทิ้งสินค้าเหล่านี้ ก็เท่ากับว่า ธุรกิจนั้นกำลังเกิด “ต้นทุนจม” ทันที เพราะไม่สามารถเรียกต้นทุนส่วนนั้นคืนมาได้ และเป็นค่าใช้จ่ายทางธุรกิจ ที่เกือบทุกร้านต้องเผชิญ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไร
พอเกิดช่องโหว่แบบนี้ จึงกลายเป็นโอกาสทางธุรกิจให้กับสตาร์ตอัปไทยรายหนึ่งที่ชื่อว่า “Oho!” ผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน Food Outlet แหล่งรวมอาหารส่วนเกินจากร้านค้าต่าง ๆ มาวางขายในราคาพิเศษ
เพื่อช่วยร้านค้าและร้านอาหารลดต้นทุนจม และเพิ่มโอกาสในการสร้างผลกำไร แทนการทิ้งอาหารให้เป็นขยะที่สูญเปล่า
เรื่องราวของ Oho! น่าสนใจอย่างไร ?
และแอป Oho! มีฟีเชอร์เด่น ๆ อะไรบ้าง ?
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
Oho! ก่อตั้งขึ้นในปี 2022 หรือเมื่อปีที่แล้ว โดยมีผู้ก่อตั้ง 3 คน ได้แก่
คุณวริทธิ์ธร มังกรทองสกุล คุณสมิทธ์ ชัยชาญชีพ และคุณริชาร์ด อาร์มสตรอง
ซึ่งแรงบันดาลใจในการก่อตั้ง Oho! นอกจากจะมีที่มาจากปัญหาที่เกริ่นไว้ตอนต้นแล้ว
อีกหนึ่งต้นตอก็คือ ปัญหาขยะอาหาร (Food Waste) หรืออาหารที่ยังไม่ถูกบริโภค ตัวการสำคัญของภาวะโลกร้อน
ทั้งนี้ แม้ว่าร้านค้าหรือซูเปอร์มาร์เก็ตจะใช้กลยุทธ์อาหารป้ายเหลือง ในช่วงดึกของแต่ละวัน มาช่วยระบายอาหารส่วนเกินแล้ว
แต่วิธีนี้ก็ยังไม่ตอบโจทย์ทั้งฝั่งร้านค้าและผู้บริโภคมากนัก เพราะไม่ใช่ผู้บริโภคทุกคน ที่จะสะดวกมานั่งรอเวลานาทีทอง เพื่อซื้ออาหารป้ายเหลืองได้ทุกวัน
สุดท้ายเมื่อจำหน่ายอาหารไม่หมด ฝั่งร้านค้าก็ต้องแบกรับ ต้นทุนการจัดการขยะอาหาร กลับไปอยู่ดี
ดังนั้น Oho! จึงสร้างโซลูชัน Win-Win-Win ขึ้นมา โดยใช้แอปพลิเคชัน Oho! เป็นตัวกลางเชื่อมต่อทุกฝ่ายเข้าไว้ด้วยกัน ทั้งฝั่งร้านอาหาร ผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม
โดย Win ที่ 1 คือ ช่วยให้ร้านอาหาร ได้มีพื้นที่นำอาหารส่วนเกินมาวางขาย แก้ปัญหาอาหารเหลือทิ้ง และลดต้นทุนในการจัดการขยะอาหาร
Win ที่ 2 คือ ช่วยให้ผู้บริโภคได้มีพื้นที่ เลือกซื้ออาหารที่อร่อยและคุณภาพดี ในราคาที่ประหยัด
Win ที่ 3 คือ การเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน เมื่อทั้งฝั่งร้านค้าและผู้บริโภค ได้หันมาช่วยลดปัญหาการเกิดขยะอาหาร
แล้วในแอปพลิเคชัน Oho! มีอะไรน่าสนใจบ้าง ?
เริ่มที่ฝั่งของร้านอาหาร โดย Oho! จะเปิดโอกาสให้ร้านอาหาร สามารถเคลียร์สินค้าส่วนเกิน ได้ทุกช่วงเวลา ไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงช่วงเวลาเย็น-ดึก เท่านั้น
อีกทั้งยังสามารถกำหนด จำนวนสินค้าส่วนเกิน ที่จะวางขายในแต่ละรอบได้เช่นกัน เพื่อเป็นการค่อย ๆ ระบายสินค้า
มากไปกว่านั้น เพื่อเป็นการจัดสรรเมนูให้หลากหลาย และสร้างลูกเล่นให้ดึงดูดใจลูกค้ามากยิ่งขึ้น
ร้านค้ายังสามารถออกแบบ “กล่องโอ้โหเซอร์ไพรส์” พูดง่าย ๆ คือร้านค้าจะ DIY เลือกอาหารมาให้ลูกค้า ในรูปแบบกล่องสุ่ม
ซึ่งวิธีนี้จะช่วยร้านอาหารลดโอกาสเกิด Food Waste และเพิ่มโอกาสในการขายบางสินค้าได้มากขึ้น แถมลูกค้าก็ยังได้ร่วมลุ้นเมนูอาหารสนุก ๆ ในราคาสบายกระเป๋า
นอกจากนี้ หากร้านอาหารที่ทำการทดลองตลาด ออกเมนูใหม่มาขาย ซึ่งสินค้าประเภทนี้ มีโอกาสสูงที่จะขายไม่หมด ทาง Oho! ก็ยังเป็นพื้นที่ให้กับสินค้าประเภทนี้ ให้สามารถนำมาวางขายในราคาที่ถูกลงได้ แทนที่จะทิ้งให้กลายเป็นขยะอาหาร
อย่างไรก็ตาม เมื่อ Oho! เป็นตัวกลางที่ผลักดันให้ร้านอาหาร สามารถเคลียร์สินค้าเหล่านี้ออกไปได้ จึงมีการเรียกเก็บค่า GP หรือค่าคอมมิชชัน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน และอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้กับร้านอาหาร นั่นเอง
ส่วนฝั่งผู้บริโภค ภายในแอปพลิเคชัน จะมีฟีเชอร์เด่น ๆ อย่าง ช่วงเวลานาทีทอง 3 ช่วง ได้แก่ เช้า กลางวัน และเย็น จากร้านอาหาร ที่จะนำอาหารป้ายเหลืองคุณภาพดี มาขายในราคาส่วนลดตั้งแต่ 25-70%
อีกทั้งผู้บริโภคยังสามารถสั่งจองอาหารไว้ล่วงหน้าได้ และยังเลือกการจัดส่งสินค้าได้เอง ว่าจะไปรับเองที่ร้าน นั่งรับประทานที่ร้าน หรือแบบดิลิเวอรี
และเพื่อให้สอดคล้องกับการเป็นแอปอาหารทางเลือก ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม Oho! ยังมีระบบ “Carbon Tracker” ที่คอยนับว่าแต่ละออร์เดอร์นั้น ช่วยลดปริมาณคาร์บอนให้กับโลกไปเท่าไรแล้ว
มากไปกว่านั้น Oho! ยังมีโครงการพาร์ตเนอร์ ที่จะรวบรวมวัตถุดิบที่มีปริมาณมากเกินไป จากโรงงาน และฟาร์ม มาปรุงอาหารที่ Cloud Kitchen หรือครัวกลางของ Oho! เพื่อแจกจ่ายและจำหน่ายอาหารให้กับชุมชนในราคา 7-15 บาท เพื่อแก้ปัญหาอาหารส่วนเกิน และลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับสังคมโดยรวม
ปัจจุบัน มีร้านอาหารและร้านเบเกอรี รวมถึงเครือโรงแรมใหญ่ ๆ มาร่วมโครงการกับ Oho! กว่า 600 สาขา และ 300 บริษัท เช่น โรงแรมในเครือ Centara และ Marriott, Gourmet Market, ข้าวมันไก่ บุญตงกี่, TrueCoffee, Paris Mikki, Farmfactory และอีกมากมาย
เรียกได้ว่า Oho! ถือเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจ เพราะอาหารก็คือหนึ่งในปัจจัย 4 ของมนุษย์ที่ต้องบริโภคทุกวัน และแน่นอนว่าปัญหาขยะอาหาร ก็ย่อมเกิดขึ้นทุกวันเช่นกัน
Oho! จึงถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือก ช่วยลดปัญหาขยะอาหาร และช่วยโลกไปพร้อม ๆ กันแบบง่าย ๆ ด้วยปลายนิ้วของผู้บริโภค..
-------------------------------------------
Presented by กลุ่มบริษัทธนจิรากรุ๊ป เดินหน้าขยายธุรกิจหาญ เวลเนสแอนด์ฮอสพิทอลลิตี้ (HARNN Wellness & Hospitality) ครอบคลุมทั้งเวลเนสและสปาภายในประเทศและต่างประเทศในระดับ Regional สร้างให้แบรนด์ไทยเป็นที่รู้จักและสร้างความภูมิใจในระดับสากลรวมกว่า 16 สาขาทั่วภูมิภาค
https://www.facebook.com/TANACHIRA-GROUP-174055739828807/
#TANACHIRA #HARNN #SCapebyHARNN
-------------------------------------------
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.