Alina Vandenberghe ผู้นำคำของ Steve Jobs มาสร้างบริษัทที่ระดมทุนได้ 1,800 ล้าน
Business

Alina Vandenberghe ผู้นำคำของ Steve Jobs มาสร้างบริษัทที่ระดมทุนได้ 1,800 ล้าน

5 พ.ย. 2021
Alina Vandenberghe ผู้นำคำของ Steve Jobs มาสร้างบริษัทที่ระดมทุนได้ 1,800 ล้าน /โดย ลงทุนเกิร์ล
“ความเรียบง่าย อาจยากยิ่งกว่า ความซับซ้อน”
ประโยคนี้ Steve Jobs ได้พูดไว้ในปี 1998 ในขณะให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Bloomberg
และประโยคที่ดูเรียบง่ายนี้ ยังเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ Steve Jobs สามารถสร้างอาณาจักร Apple จนกลายเป็นตำนานที่ใครหลาย ๆ คนยังจดจำ แม้ว่าเขาจะจากไปแล้วก็ตาม..
และหนึ่งในผู้ที่ได้รับแรงผลักดันจากคำพูดของเขา ก็คือคุณ Alina Vandenberghe
ซึ่งนอกเหนือจากคำของ Steve Jobs จะช่วยให้งานของเธอสำเร็จราบรื่น และกลายมาเป็นแรงบันดาลใจในตอนก่อตั้งบริษัทของตัวเองที่ชื่อว่า Chili Piper จนปัจจุบันสามารถระดมทุนได้ถึง 1,800 ล้านบาท
แล้วคุณ Alina Vandenberghe นำคำของ Steve Jobs มาปรับใช้กับธุรกิจของตัวเองได้อย่างไร ? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
ก่อนที่คุณ Alina Vandenberghe จะมาเริ่มต้นทำธุรกิจเป็นของตัวเอง
เธอเคยเป็นเด็กฝึกงานให้กับบริษัทสื่อรายใหญ่อย่าง Thomson Reuters
ซึ่งเธอรับผิดชอบงานในส่วนของการผลิตแอปพลิเคชันของบริษัท สำหรับใช้งานบน iPad
ทั้ง ๆ ที่ในขณะนั้น Apple ยังไม่ได้เปิดตัว iPad ออกมาด้วยซ้ำ
แต่เนื่องจากในขณะนั้นบริษัท Apple ได้เลือกให้แอปพลิเคชันของบริษัท Thomson Reuters เป็นแอปพลิเคชันที่ใช้ในการเปิดตัวสินค้าใหม่อย่าง iPad ดังนั้น Steve Jobs จึงได้เข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างแอปพลิเคชันนี้ด้วยตัวเอง
โดย Steve Jobs ได้ให้คำแนะนำ ในขั้นตอนการสร้างแอปพลิเคชันนี้ว่า
“ทุกอย่างต้องเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน และต้องมอบประสบการณ์การใช้งานที่ง่ายอยู่เสมอ”
หลังจากที่โปรเจกต์แอปพลิเคชันนี้จบลง ก็ส่งผลให้จากเดิมที่ คุณ Alina Vandenberghe เป็นเพียงเด็กฝึกงาน ได้รับการบรรจุเข้าเป็นพนักงานประจำ และกลายมาเป็นผู้จัดการด้านผลิตภัณฑ์มือถือของบริษัท ก่อนจะเลื่อนขั้นอีกครั้ง
เป็นผู้อำนวยการฝ่ายอุปกรณ์เคลื่อนที่ หลังจาก iPad เปิดตัวในปี 2010
แต่สุดท้ายหลังจากที่ได้เลื่อนขั้นไม่นาน เธอก็ตัดสินใจลาออก โดยไม่เปิดเผยสาเหตุ
อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไปเกือบ 10 ปี คุณ Alina Vandenberghe ก็ตัดสินใจก่อตั้งบริษัทของตัวเอง โดยยังคงยึดในสิ่งที่เธอได้รับมาจาก Steve Jobs ซึ่งก็คือ การทำให้ทุกอย่างเรียบง่ายที่สุด
“Chili Piper” บริษัทซอฟต์แวร์ระบบ Customer Relationship Management
หรือ CRM ที่จะช่วยให้การเก็บข้อมูลลูกค้าเพื่อนำไปพัฒนากิจกรรมทางการตลาด
และกิจกรรมด้านการขายนั้นสะดวกสบายมากขึ้น จึงได้ถือกำเนิดขึ้น
แต่โลกตอนนี้เองก็มีซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมอื่น ๆ ที่มีลักษณะการทำงานคล้ายกับ Chili Piper อยู่เต็มไปหมด แล้วอะไรคือสิ่งที่ทำให้ Chili Piper แตกต่าง ?
อย่างที่กล่าวไปว่าระบบการทำงานของ Chili Piper ถูกเน้นให้ เรียบง่ายที่สุด
โดย Chili Piper ค้นหา Pain Point ของลูกค้าที่มีต่อระบบ CRM ของหลาย ๆ เจ้าที่มีฟังก์ชันการใช้งานที่สลับซับซ้อน และนำมาพัฒนาต่อให้ระบบของตัวเอง สามารถลดขั้นตอนภายในองค์กรให้เหลือน้อย และง่ายที่สุด
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าหากว่ามีลูกค้าที่สนใจสินค้าของเรามาลงทะเบียนเพื่อขอรับข้อมูล
ระบบ Chili Piper จะช่วยประสานงานจากการลงชื่อในส่วนนั้นของลูกค้าให้ทีมขายทันที
โดยไม่จำเป็นต้องผ่านทีมอื่น ๆ เพราะตัวระบบจะช่วยคัดกรองคนให้แล้วระดับหนึ่ง
ซึ่งการช่วยลดขั้นตอนในการทำงานแบบนี้ ก็จะช่วยให้ทั้งลูกค้าได้ติดต่อกับคนที่เหมาะกับงานนั้น ๆ
รวมถึงพนักงานในองค์กรเอง ก็ไม่จำเป็นต้องทำงานซ้ำซ้อน และส่งงานกันไปมา
นอกจากนี้ ระบบ Chili Piper ยังช่วยให้การจัดการการประชุมภายในองค์กรเป็นเรื่องง่าย ทำให้เมื่อต้องมีการรายงาน หรือส่งเอกสารต่าง ๆ ระหว่างทีม ก็ไม่ต้องกังวลว่า จะมีเอกสารไหนตกหล่นไป เพราะระบบช่วยจัดการส่งเอกสารให้หลังการประชุม
ในขณะเดียวกัน การใช้งานที่ง่าย ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลงได้
และยังช่วยให้ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานดีขึ้นอีกด้วย
เพราะระบบจะช่วยลดความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติของมนุษย์ อย่างการทำเอกสารตกหล่น และไม่ต้องหงุดหงิดกับระบบที่ใช้งานยาก จนหมดอารมณ์ทำงาน
แต่แค่ความเรียบง่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ ของระบบ Chili Piper จะทำให้บริษัทประสบความสำเร็จขนาดไหน ?
ถ้านับจากการระดมทุนทั้งหมด ตั้งแต่บริษัท Chili Piper ก่อตั้งมา
พวกเขาจะสามารถระดมทุนไปได้แล้วกว่า 1,800 ล้านบาท
และในส่วนของผลประกอบการที่ทางบริษัทได้มีการเปิดเผยออกมาว่า ทุก ๆ ปี Chili Piper จะมีรายได้
กว่า 300 ล้านบาท และมีแนวโน้มที่เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ
โดยในปีนี้คุณ Alina Vandenberghe ยังคาดการณ์ว่า บริษัทจะมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว จนแตะ 600 ล้านบาทเลยทีเดียว..
และด้วยสถานการณ์โลกที่ในตอนนี้ทุกคนไม่จำเป็นต้องทำงานที่ออฟฟิศ แต่จะทำที่ไหนก็ได้
ก็ยิ่งทำให้การทำงานแบบออนไลน์เป็นเทรนด์ที่หลาย ๆ บริษัทต้องปรับตัวและหาแนวทางที่จะช่วยให้การทำงานในองค์กรราบรื่นที่สุด
ซึ่งบริษัท Chili Piper ก็ได้เปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ชื่อ Chili Events
เพื่อมาตอบโจทย์การทำงานในยุคออนไลน์อีกด้วย
นอกจากนี้ จากข้อมูลของบริษัทวิจัยการตลาดชื่อ Gartner ยังได้ระบุอีกว่า มูลค่าตลาดซอฟต์แวร์ด้าน CRM จะมีมูลค่าสูงถึง 590,000 ล้านบาท และจะเติบโตมากขึ้นในอีก 4 ปีข้างหน้า
ซึ่งนี่ได้สะท้อนให้เห็นว่า Chili Piper ยังมีโอกาสในการเติบโตอีกมาก
สุดท้ายนี้แม้ว่าจุดเริ่มต้นของ Chili Piper จะไม่ได้มีที่มาชัดเจนเท่าไรนัก
แต่การยึดหลักง่าย ๆ อย่างความเรียบง่าย ก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้บริษัทสามารถเติบโต
และสร้างจุดเด่นที่ทำให้ Chili Piper เป็นตัวเลือกที่แม้แต่บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Spotify และ Shopify ก็ยังต้องเลือกใช้ซอฟต์แวร์นี้..
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.