Lifestyle
RAVIPA แบรนด์จิวเวลรีไทยสุดฮิต ที่เริ่มต้นจากเงินทุนเพียง 10,000 บาท
23 ก.พ. 2021
สำหรับการเริ่มต้นธุรกิจ หลายคนมักจะบอกว่า ยังไม่มีเงินทุน
จึงไม่สามารถเริ่มต้นทำได้ แต่ไม่ใช่กับคุณสา เจ้าของแบรนด์ RAVIPA
ที่เธอเริ่มต้นทำธุรกิจตั้งแต่ยังเรียนอยู่ปี 2 และเริ่มต้นด้วยเงินเพียง 10,000 บาทเท่านั้น
จึงไม่สามารถเริ่มต้นทำได้ แต่ไม่ใช่กับคุณสา เจ้าของแบรนด์ RAVIPA
ที่เธอเริ่มต้นทำธุรกิจตั้งแต่ยังเรียนอยู่ปี 2 และเริ่มต้นด้วยเงินเพียง 10,000 บาทเท่านั้น
แล้วแบรนด์ RAVIPA เริ่มต้นธุรกิจมาได้อย่างไร ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
แบรนด์ RAVIPA เริ่มต้นจาก คุณสา หรือ คุณธนิสา วีระศักดิ์ศรี
ที่ตอนแรกเริ่ม คุณสายังคงเป็นนักศึกษาอยู่ที่ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
โดยคุณสา มีพี่สาวซึ่งมีฝีมือในการออกแบบเครื่องประดับ
การันตีด้วยรางวัลการออกแบบทั้งในและต่างประเทศ
ที่ตอนแรกเริ่ม คุณสายังคงเป็นนักศึกษาอยู่ที่ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
โดยคุณสา มีพี่สาวซึ่งมีฝีมือในการออกแบบเครื่องประดับ
การันตีด้วยรางวัลการออกแบบทั้งในและต่างประเทศ
คุณสาซึ่งมองเห็นฝีมือของพี่สาว และเกิดเสียดาย ว่าทำไมเราถึงไม่ทำแบรนด์ตัวเอง
จากความคิดนั้นเองคุณสา จึงได้นำเงินเก็บส่วนตัวเพียง 10,000 บาท
มาเริ่มต้นทำแบรนด์ RAVIPA ตั้งแต่ตอนนั้น
จากความคิดนั้นเองคุณสา จึงได้นำเงินเก็บส่วนตัวเพียง 10,000 บาท
มาเริ่มต้นทำแบรนด์ RAVIPA ตั้งแต่ตอนนั้น
ในตอนแรกที่ทำแบรนด์ RAVIPA คุณสาเริ่มจากการขายในโซเชียลมีเดีย
ซึ่งสมัยนั้น RAVIPA นับว่าเป็นแบรนด์แรกๆในการบุกเบิกตลาดขายของใน Facebook และ Instagram และการออก Pop-up Store ตาม Event ต่างๆ
หากพูดถึงคอนเซ็ปต์ของแบรนด์ RAVIPA คุณสา มีความตั้งใจที่อยากจะสื่อความหมายถึง “ความรัก”
ที่ไม่ได้จำกัดเพียงแค่ความรักของหนุ่มสาว แต่รวมถึงเพื่อนๆ และครอบครัวอีกด้วย
แบรนด์ RAVIPA จึงเปรียบเสมือนกับสัญลักษณ์แห่งความรัก หรือ “Symbol of Love”
ทำให้ทุกๆคอลเลกชันที่เธอทำออกมานั้น มีความหมายซ้อนอยู่ในเครื่องประดับอยู่เสมอ
ซึ่งสมัยนั้น RAVIPA นับว่าเป็นแบรนด์แรกๆในการบุกเบิกตลาดขายของใน Facebook และ Instagram และการออก Pop-up Store ตาม Event ต่างๆ
หากพูดถึงคอนเซ็ปต์ของแบรนด์ RAVIPA คุณสา มีความตั้งใจที่อยากจะสื่อความหมายถึง “ความรัก”
ที่ไม่ได้จำกัดเพียงแค่ความรักของหนุ่มสาว แต่รวมถึงเพื่อนๆ และครอบครัวอีกด้วย
แบรนด์ RAVIPA จึงเปรียบเสมือนกับสัญลักษณ์แห่งความรัก หรือ “Symbol of Love”
ทำให้ทุกๆคอลเลกชันที่เธอทำออกมานั้น มีความหมายซ้อนอยู่ในเครื่องประดับอยู่เสมอ
คอลเลกชันแรกที่ชื่อว่า Infinity (ไม่มีที่สิ้นสุด) ซึ่งเป็น Signature ของแบรนด์ RAVIPA
เกิดจากแนวคิดของคุณสา ที่อยากจะทำจิวเวลรีที่เรียบหรู ดูดี และใส่ได้ทุกวัน และ มีความหมาย
เกิดจากแนวคิดของคุณสา ที่อยากจะทำจิวเวลรีที่เรียบหรู ดูดี และใส่ได้ทุกวัน และ มีความหมาย
สินค้าแหวนคู่ Infinity ของ RAVIPA ประสบความสำเร็จและตอบโจทย์ลูกค้าเป็นอย่างมาก
นับตั้งแต่วันที่วางจำหน่าย เพราะในตอนนั้นยังไม่มีใครเลือกทำแหวนคู่สำหรับวัยรุ่น
และวัยทำงาน
นับตั้งแต่วันที่วางจำหน่าย เพราะในตอนนั้นยังไม่มีใครเลือกทำแหวนคู่สำหรับวัยรุ่น
และวัยทำงาน
และในปี 2014 RAVIPA ก็ได้เข้าสู่วงการแฟชั่นอย่างเต็มตัว
โดยคุณสาได้เข้าแข่งขันในรายการ VOGUE Who's On Next, The VOGUE Fashion Fund และคุณสาเป็นผู้เข้าแข่งขันที่อายุน้อยที่สุดที่ได้เข้ารอบ Top 10 Finalist
โดยคุณสาได้เข้าแข่งขันในรายการ VOGUE Who's On Next, The VOGUE Fashion Fund และคุณสาเป็นผู้เข้าแข่งขันที่อายุน้อยที่สุดที่ได้เข้ารอบ Top 10 Finalist
นอกจากนี้ด้วยผลงานการออกแบบเครื่องประดับอันโดดเด่น คุณสาได้รับเกียรติให้ออกแบบเครื่องประดับชิ้น พิเศษให้กับรถยนต์ Rolls-Royce Silver Dawn ของ เจ้าพระยารามราฆพสมุหราชองครักษ์ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยรถยนต์หรูคันนี้ครั้งหนึ่งเคยเป็นรถยนต์พระที่นั่งในการรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช (รัชกาลที่ 9) อีกทั้ง ยังเคยเป็นรถยนต์พระที่นั่งรับรอง สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักรอีกด้วย
RAVIPA เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเปิดหน้าร้าน 9 สาขาภายใน 1 ปี ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
เช่น เซ็นทรัลชิดลม, เซ็นทรัลเวิลด์, เอ็มโพเรียม, เซ็นทรัลลาดพร้าว
เซ็นทรัลอีสต์วิลล์, แฟชั่น ไอส์แลนด์ และ ที่สนามบินชางงี ประเทศสิงคโปร์ เป็นต้น
เช่น เซ็นทรัลชิดลม, เซ็นทรัลเวิลด์, เอ็มโพเรียม, เซ็นทรัลลาดพร้าว
เซ็นทรัลอีสต์วิลล์, แฟชั่น ไอส์แลนด์ และ ที่สนามบินชางงี ประเทศสิงคโปร์ เป็นต้น
คุณสายังไม่หยุดเพียงแค่นั้น แบรนด์ RAVIPA ได้ออกคอลเลกชันใหม่
ซึ่งนับว่าเป็นรุ่นสุดฮิต ติดตลาดถึงปัจจุบัน นั้นก็คือ
“สร้อยข้อมือศักดิ์สิทธิ์-RAVIPA Reminder”
ที่ปลุกเสกจากพระพุทธคุณสายขาว ซึ่งเป็นสินค้าที่เกิดขึ้นจาก Pain Point ของคุณสา
ที่อยากจะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองติดตัว แต่ด้วยสไตล์การแต่งตัว ทำให้ไม่เหมาะกับการห้อยพระ
ซึ่งนับว่าเป็นรุ่นสุดฮิต ติดตลาดถึงปัจจุบัน นั้นก็คือ
“สร้อยข้อมือศักดิ์สิทธิ์-RAVIPA Reminder”
ที่ปลุกเสกจากพระพุทธคุณสายขาว ซึ่งเป็นสินค้าที่เกิดขึ้นจาก Pain Point ของคุณสา
ที่อยากจะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองติดตัว แต่ด้วยสไตล์การแต่งตัว ทำให้ไม่เหมาะกับการห้อยพระ
คุณสาจึงเลือกทำ สร้อยข้อมือ ที่ยังสวย และคงยึดหลักการของแบรนด์ RAVIPA
คือ เครื่องประดับที่สามารถใส่ได้ทุกวัน แบบ Minimal Luxury
คือ เครื่องประดับที่สามารถใส่ได้ทุกวัน แบบ Minimal Luxury
นอกจากนี้คอลเลกชันสร้อยข้อมือศักดิ์สิทธิ์นี้ ยังได้รับรางวัลการออกแบบยอดเยี่ยม
รางวัล Design Excellence Award (DEmark) ประจำปี 2019
ซึ่งเป็นรางวัลออกแบบระดับประเทศ นับว่าเป็นว่าเป็นหนึ่งในคอลเลกชันที่คุณสาภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก
เพราะไม่เพียงแต่ถูกใจคณะกรรมการ แต่ยังได้รับกระแสตอบรับอย่างท่วมท้นจากลูกค้าอีกด้วย
รางวัล Design Excellence Award (DEmark) ประจำปี 2019
ซึ่งเป็นรางวัลออกแบบระดับประเทศ นับว่าเป็นว่าเป็นหนึ่งในคอลเลกชันที่คุณสาภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก
เพราะไม่เพียงแต่ถูกใจคณะกรรมการ แต่ยังได้รับกระแสตอบรับอย่างท่วมท้นจากลูกค้าอีกด้วย
คุณสาเล่าว่าความนิยมที่เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งเกิดจากการบอกปากต่อปากของลูกค้า
ที่ซื้อไปแล้วถูกใจ จนกลับมาซื้อซ้ำ จนสินค้าหมดสต็อก และ ทำให้ลูกค้าต้องสั่งจองข้ามเดือน
ที่ซื้อไปแล้วถูกใจ จนกลับมาซื้อซ้ำ จนสินค้าหมดสต็อก และ ทำให้ลูกค้าต้องสั่งจองข้ามเดือน
และอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้สร้อยข้อมือนี้ได้รับความนิยม ก็มาจากการที่มีดารา
นักแสดงชื่อดัง และบล็อกเกอร์
ที่เป็นลูกค้าของแบรนด์ ใส่ติดตัวและเห็นผล ช่วยเป็นกระบอกเสียง
ทำให้แบรนด์ยิ่งเป็นที่รู้จักมากขึ้น
นักแสดงชื่อดัง และบล็อกเกอร์
ที่เป็นลูกค้าของแบรนด์ ใส่ติดตัวและเห็นผล ช่วยเป็นกระบอกเสียง
ทำให้แบรนด์ยิ่งเป็นที่รู้จักมากขึ้น
ด้วยดีไซน์ของสร้อยข้อมือศักดิ์สิทธิ์ RAVIPA ที่สามารถใส่ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง
จึงทำให้สร้อยข้อมือนี้ กลายเป็นของที่ลูกค้านิยมซื้อไปเป็นของขวัญให้กับคนอื่นได้ด้วย
จึงทำให้สร้อยข้อมือนี้ กลายเป็นของที่ลูกค้านิยมซื้อไปเป็นของขวัญให้กับคนอื่นได้ด้วย
แล้วนอกจากการบอกปากต่อปากแล้ว อะไรที่ส่งผลให้แบรนด์ RAVIPA ประสบความสำเร็จ?
คุณสาบอกว่า ตั้งแต่ที่เริ่มทำแบรนด์ RAVIPA คุณสาชอบพูดคุยกับลูกค้าอยู่เสมอ
เพราะการฟังเสียงของลูกค้า ทำให้รู้ความต้องการของลูกค้าคืออะไร
ซึ่งหน้าที่ของ RAVIPA คือผลิตสินค้าให้ตอบโจทย์ความต้องการนั้นให้ได้มากที่สุด
เพราะการฟังเสียงของลูกค้า ทำให้รู้ความต้องการของลูกค้าคืออะไร
ซึ่งหน้าที่ของ RAVIPA คือผลิตสินค้าให้ตอบโจทย์ความต้องการนั้นให้ได้มากที่สุด
โดยเฉพาะสถานการณ์ในปัจจุบันจากโรคระบาดที่เข้ามาโดยที่ไม่มีใครได้ตั้งตัว
ทำให้คุณสาต้องคอยพัฒนาและปรับตัวอยู่เสมอ โดยการปรับตัวเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
เพราะหากเธอไม่ปรับตัว และยังคงยึดติดกับความสำเร็จในอดีต
เธอก็อาจจะไม่ประสบความสำเร็จเหมือนทุกวันนี้ก็เป็นได้
ทำให้คุณสาต้องคอยพัฒนาและปรับตัวอยู่เสมอ โดยการปรับตัวเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
เพราะหากเธอไม่ปรับตัว และยังคงยึดติดกับความสำเร็จในอดีต
เธอก็อาจจะไม่ประสบความสำเร็จเหมือนทุกวันนี้ก็เป็นได้
ปัจจุบันแบรนด์ RAVIPA มีฐานลูกค้าทั้งไทยและต่างประเทศ
ทำให้มีหน้าร้านกว่า 12 สาขาทั้งในประเทศไทย และ ประเทศสิงคโปร์
รวมถึงช่องทางโซเชียลมีเดีย Facebook, Instagram และ www.ravipa.com
ที่ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าของ RAVIPA ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม
ทำให้มีหน้าร้านกว่า 12 สาขาทั้งในประเทศไทย และ ประเทศสิงคโปร์
รวมถึงช่องทางโซเชียลมีเดีย Facebook, Instagram และ www.ravipa.com
ที่ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าของ RAVIPA ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม
กรณีของคุณสาเป็นกรณีที่น่าสนใจ เพราะเธอเริ่มต้นจากเงินเพียง 10,000 บาทเท่านั้น
ซึ่งเงินจำนวนนี้เรียกว่า เป็นจำนวนที่ไม่เยอะเท่าไรนัก สำหรับการเริ่มต้นธุรกิจ
แต่ในวันนี้คุณสาทำให้เราเห็นว่าหากเรามีใจที่สู้ไม่ถอย
จำนวนเงิน ไม่ใช่ปัญหาสำหรับการเริ่มต้นธุรกิจ และปั้นให้ไปไกลดั่งฝัน...
ซึ่งเงินจำนวนนี้เรียกว่า เป็นจำนวนที่ไม่เยอะเท่าไรนัก สำหรับการเริ่มต้นธุรกิจ
แต่ในวันนี้คุณสาทำให้เราเห็นว่าหากเรามีใจที่สู้ไม่ถอย
จำนวนเงิน ไม่ใช่ปัญหาสำหรับการเริ่มต้นธุรกิจ และปั้นให้ไปไกลดั่งฝัน...