สรุป “เกาะเชจู” ในมุมประวัติศาสตร์ธุรกิจ ผ่านซีรีส์ When Life Gives You Tangerines /โดย ลงทุนเกิร์ล

หากพูดถึงหนึ่งในซีรีส์ยอดนิยมของ Netflix ตอนนี้
คงหนีไม่พ้นเรื่อง When Life Gives You Tangerines หรือชื่อภาษาไทยว่า “ยิ้มไว้ ในวันที่ส้มไม่หวาน”

โดยซีรีส์เรื่องนี้มี “เกาะเชจู” สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของประเทศเกาหลีใต้ เป็นโลเคชันหลักในการถ่ายทำ

ซึ่งที่นี่มีความน่าสนใจหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องประวัติศาสตร์ธุรกิจ ที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน

แล้ว “เกาะเชจู” มีเรื่องราวน่าสนใจอย่างไร ?
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง

ย้อนกลับไปเมื่อ 1,000 ปีก่อน เกาะเชจูเป็นอาณาจักรที่ตั้งอยู่โดด ๆ ชื่อ แทมนา (Tamna) โดยชาวบ้านที่อาศัยอยู่บนเกาะนิยมทำประมง จับสัตว์ทะเลกินเป็นอาหาร

ว่ากันว่า ก่อนหน้านี้เกาะเชจูได้ผ่านสงครามต่าง ๆ มากมาย จึงทำให้ผู้ชายที่เป็นเสาหลักของบ้านต้องเสียชีวิตจากสงคราม

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องเล่าว่า ชนชั้นนำของเกาหลีในขณะนั้น ได้เรียกเก็บภาษีจำนวนมากจากรายได้ของผู้ชาย แต่ละเว้นแรงงานผู้หญิง

จึงเป็นเหตุให้เกิดตำนานของ “แฮนยอ” (อ่านว่า แฮ-นยอ) ที่มีความหมายว่า “ผู้หญิงแห่งท้องทะเล” ขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17

ซึ่งในซีรีส์เรื่อง When Life Gives You Tangerines ก็ได้พูดถึงแฮนยอในตอนแรก ๆ ว่าแม่ของโอแอซุนที่มีอาชีพแฮนยอ มักจะออกทะเลไปดำน้ำหากุ้ง หอย ปู ปลา เพื่อหารายได้เลี้ยงดูครอบครัว

โดยแฮนยอหรือนักดำน้ำหญิง จะถูกฝึกให้สามารถลงไปจับสัตว์น้ำใต้ทะเล เช่น ปลาน้ำเค็ม หมึกทะเล หอยเป๋าฮื้อ และเม่นทะเล โดยไม่ใช้เครื่องมือและอุปกรณ์พิเศษช่วยในการดำน้ำแต่อย่างใด ตั้งแต่อายุ 10 ขวบ หรืออาจจะน้อยกว่านั้น

ซึ่งแฮนยอจะได้รับการถ่ายทอดและฝึกฝนจากรุ่นสู่รุ่น จนกลายเป็นอีกวิถีชีวิตหนึ่งของชาวบ้านบนเกาะเชจู ว่าในหนึ่งครอบครัวหรือหนึ่งตระกูล จะต้องมีแฮนยอประจำตระกูลอย่างน้อยหนึ่งคน

ต่อมาในปี 1910 เป็นช่วงที่จักรวรรดิญี่ปุ่นเข้าโจมตีและบุกยึดเกาหลีให้เป็นหนึ่งในอาณานิคม ซึ่งการเข้ามาของทหารญี่ปุ่นตั้งแต่ช่วงนั้น ยิ่งทำให้ผู้หญิงบนเกาะเชจู อยากจะเป็นแฮนยอมากขึ้นไปอีก

เพราะการได้ไปดำน้ำหาหอยหาปลา ทำให้ผู้หญิงได้หลุดจากเงื้อมมือของทหารชายญี่ปุ่น ที่เข้ามาตั้งรกรากบนเกาะเชจูในยุคนั้น

นอกจากนี้ ในช่วงที่จักรวรรดิญี่ปุ่นเข้าไปยึดครองเกาหลี จักรวรรดิญี่ปุ่นก็ได้นำส้มสายพันธุ์ญี่ปุ่นเข้าไปปลูกบนเกาะเชจูด้วย

และเนื่องด้วยลักษณะภูมิประเทศของเกาะเชจูนั้น เป็นที่ราบสูงล้อมรอบด้วยภูเขาไฟชื่อ ฮัลลาซาน (Hallasan) ดังนั้น ดินบนเกาะเชจูเป็นดินที่เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟ จึงอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแร่ธาตุ

แถมดินจากภูเขาไฟนั้นยังมีรูพรุนสูง สามารถดูดซับออกซิเจนได้ดี ที่นี่จึงเป็นพื้นที่ที่เหมาะแก่การปลูกส้ม Tangerine ส้มสายพันธุ์หนึ่งของส้มแมนดาริน

และในช่วงนั้น จักรวรรดิญี่ปุ่นได้ริเริ่มนำส้มแมนดารินสายพันธุ์ญี่ปุ่น เข้ามาปลูกบนเกาะเชจู โดยมีการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างส้มญี่ปุ่น และส้มพื้นเมืองของเกาะเชจูที่ปลูกกันมาจากรุ่นสู่รุ่น

ทำให้เกิดส้ม Tangerine บนเกาะเชจูที่มีลักษณะเฉพาะ คือมีรสชาติหวานอมเปรี้ยว และมีเนื้อสัมผัสแน่น จนกลายเป็นของดีประจำเกาะเชจูนั่นเอง

และอีกช่วงเวลาสำคัญ ในปี 1945
ที่ญี่ปุ่นแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 เกาะเชจูก็กลับสู่อ้อมกอดของประเทศเกาหลีอีกครั้ง

แต่หลังจากนั้น เกาะเชจูก็เจอวิกฤติต่าง ๆ อีกมากมาย

เหตุการณ์ Jeju Uprising ในปี 1948-1949 เหตุการณ์ประท้วงรัฐบาลเกาหลีบนเกาะเชจู จนชาวเกาะเชจูเสียชีวิตจำนวนมากเหตุการณ์สงครามเกาหลี ในช่วงปี 1950-1953

โดยผลจากสงครามเกาหลี ทำให้ทั้งประเทศเกาหลีถูกแยกเป็น 2 ส่วน คือ เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ ซึ่งเกาะเชจูที่อยู่ทางใต้สุด กลายเป็นส่วนหนึ่งของเกาหลีใต้

หลังจากผ่านสงครามเกาหลีมาจนถึงปัจจุบัน เกาะเชจูก็ได้รับการพัฒนาจากรัฐบาลและเอกชนหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น

ผลักดันสินค้าประจำเกาะเชจู ให้เป็นสินค้าส่งออกสำคัญของประเทศ เช่น

ส้ม Tangerine ที่มีทั้งสายพันธุ์พื้นเมือง และสายพันธุ์ผสมระหว่างสายพันธุ์ญี่ปุ่นอาหารทะเลอย่าง หอยเป๋าฮื้อ เม่นทะเล และโอบุนจาคิ ซึ่งเป็นหอยชนิดที่ไม่มีกระดูกผลิตภัณฑ์จากส้ม อย่างเช่น ช็อกโกแลตส้ม ยาสีฟันส้ม และเหล้าส้ม

การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ เช่น พัฒนาถนน สนามบิน และระบบขนส่งสาธารณะต่าง ๆ เพื่อผลักดันให้เกาะเชจู กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญของเกาหลีใต้ โดยรัฐบาลได้ผลักดันให้มีการก่อสร้าง ท่าอากาศยานนานาชาติเชจูขึ้นในปี 1968

ซึ่งปัจจุบัน สนามบินนานาชาติเชจู กลายเป็นสนามบินที่มีขนาดใหญ่ติดท็อป 3 ของเกาหลีใต้

ด้วยจุดเด่นของเกาะเชจูที่เป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยม และมีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ จึงทำให้มีหลายธุรกิจ อยากมาลงทุนที่เกาะเชจู เช่น

Innisfree แบรนด์เครื่องสำอางยอดนิยมจากเกาหลีใต้ ที่ผู้ก่อตั้งได้รับแรงบันดาลใจในการปั้นแบรนด์จากการเดินทางไปที่เกาะเชจู และนำวัตถุดิบจากแหล่งธรรมชาติที่สำคัญบนเกาะเชจู มาใช้ผลิตเครื่องสำอางสายการบิน Jeju Air สายการบินราคาประหยัดแห่งแรกของเกาหลีใต้ ที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่บนเกาะเชจู และใช้สนามบินนานาชาติเชจู เป็บฮับการบินหลัก

โดยสายการบิน Jeju Air เป็นสายการบินที่เกิดจากความร่วมมือกันระหว่าง Aekyung Group บริษัทเครื่องสำอางและเคมีภัณฑ์ของเกาหลีใต้ และรัฐบาลท้องถิ่นของเกาะเชจู เพื่อผลักดันการท่องเที่ยวของเกาะเชจู ให้เป็นจุดหมายปลายทางระดับโลก

แน่นอนว่า ทุกวันนี้เกาะเชจูก็เป็นที่รู้จักในฐานะเมืองท่องเที่ยว และเมืองพักผ่อนตากอากาศยอดฮิตของชาวเกาหลีใต้ และผู้คนจากต่างประเทศทั่วโลก

โดยในปี 2023 ท่าอากาศยานนานาชาติเชจู มีผู้โดยสารรวมถึงนักท่องเที่ยวกว่า 14 ล้านคน ซึ่งถือว่ามากเป็นอันดับ 2 ของเกาหลีใต้ รองจาก ท่าอากาศยานนานาชาติอินชอน

ทั้งหมดนี้ ก็คือเรื่องราวของเกาะเชจู จากในอดีตที่เคยผ่านสงครามต่าง ๆ และประชาชนที่อยู่บนเกาะ มีชีวิตความเป็นอยู่ค่อนข้างลำบาก

แต่ในตอนนี้ เกาะเชจูได้กลายเป็นสถานที่เนื้อหอม ที่สร้างรายได้จากการท่องเที่ยว สินค้าเกษตร อาหารทะเล และแบรนด์ต่าง ๆ หลั่งไหลเข้ามา

แม้ปัจจุบัน แฮนยอ หรือนักดำน้ำหญิงผู้แข็งแกร่งจะเริ่มน้อยลงไปเรื่อย ๆ เนื่องจากการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนบนเกาะ ผู้คนมีรายได้จากการท่องเที่ยวและการขายสินค้าประจำเกาะมากขึ้น

แต่เรื่องราวของพวกเธอ ยังเป็นสัญลักษณ์ของความเข้มแข็ง และความรักครอบครัว ที่ฝังรากลึกในวัฒนธรรมของเกาะแห่งนี้

เหมือนที่เราได้เห็นจากแม่ของโอแอซุน ที่ดิ้นรนเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว แม้ในวันที่ส้มไม่หวาน..

References :
-https://specialtyproduce.com/produce/Jeju_Mandarins_18544
-https://ijto.or.kr/thai/index.php
-https://en.trippose.com/restaurant/jeju-ttukbaegi
-https://us.innisfree.com/pages/our-story
-https://www.worlddata.info/asia/south-korea/airports.php
-https://www.creativethailand.org/article-read?article_id=34056