สรุป 3 เทรนด์หลัก ในตลาดความงาม-สกินแคร์ไทย ปี 2024 และสิ่งที่แบรนด์ควรให้ความสำคัญ
Business

สรุป 3 เทรนด์หลัก ในตลาดความงาม-สกินแคร์ไทย ปี 2024 และสิ่งที่แบรนด์ควรให้ความสำคัญ

21 พ.ค. 2024
สรุป 3 เทรนด์หลัก ในตลาดความงาม-สกินแคร์ไทย ปี 2024 และสิ่งที่แบรนด์ควรให้ความสำคัญ /โดย ลงทุนเกิร์ล
เทรนด์ในตลาดความงามและสกินแคร์มีการเปลี่ยนแปลงแทบจะทุกปี ตามพฤติกรรมและยุคสมัยของผู้คนในช่วงเวลานั้น ๆ
โดย Kantar บริษัทวิจัยการตลาดชั้นนำระดับโลก ได้เผยถึง 3 เทรนด์หลักของตลาดความงามและสกินแคร์ในไทย รวมถึงวิธีใช้ประโยชน์จากทั้งสามเทรนด์ ดังนี้
เทรนด์แรก “การกลับมาทำกิจกรรมนอกบ้าน”
คนไทยส่วนใหญ่กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ และทำกิจกรรมนอกบ้านมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเข้าสังคม กินข้าวนอกบ้าน กลับไปทำงานที่ออฟฟิศ หรือไปเจอลูกค้า
ซึ่งการพบปะผู้คนในชีวิตจริง เป็นตัวกระตุ้นให้ผู้บริโภคชาวไทยหันมาใส่ใจกับภาพลักษณ์และอยากเพิ่มความมั่นใจให้ตนเองดูดีมากขึ้น
ดังนั้นสิ่งที่แบรนด์ความงามและสกินแคร์ควรให้ความสำคัญกับการเติบโตในระยะยาวคือ ไม่เพียงโฟกัสแต่ความงามบนใบหน้าเท่านั้น เพราะยังมีโอกาสสำหรับผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ที่ผู้บริโภคให้ความสนใจไม่แพ้กัน
จากการสำรวจของ Kantar พบว่าประเภทสกินแคร์ที่เติบโตในตลาด 3 อันดับแรก คือ น้ำยาบ้วนปาก, ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย และทรีตเมนต์ผม ตามลำดับ
ที่น่าสนใจคือ กลุ่มผลิตภัณฑ์มอยส์เชอไรเซอร์สำหรับมือและผิวกาย กำลังมาแรงพุ่งขึ้นมาติดอันดับที่ 7 จาก 10 อันดับในปีนี้
เทรนด์ที่สอง “การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ”
อย่างที่รู้กันดีว่า อากาศประเทศไทยร้อนขึ้นแทบทุกปี บวกกับมลพิษทางอากาศในหลากหลายพื้นที่
ผู้คนจึงให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเองเป็นพิเศษ โดยเฉพาะการปกป้องผิว จากสภาพอากาศที่ร้อนจัด และระดับมลพิษที่กำลังทวีความรุนแรง
ประเด็นนี้ แบรนด์ความงามและสกินแคร์ จึงควรหานวัตกรรมใหม่ ๆ และสื่อสารให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่ผู้บริโภค ว่าผลิตภัณฑ์ของแบรนด์สามารถตอบโจทย์ปัญหาในชีวิตประจำวันของผู้บริโภคชาวไทยได้อย่างไร
อีกทั้งแบรนด์ต้องทำความเข้าใจถึงปัญหา, ความเชื่อ และความคาดหวังของผู้บริโภค
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพเช่น คนไทยส่วนหนึ่งเชื่อว่าการทาโลชันในสภาพอากาศร้อน ๆ ไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก เพราะจะไม่สบายผิว
ดังนั้นแบรนด์สกินแคร์จึงควรเน้นพัฒนาเนื้อครีมให้บางเบาและซึมไว พร้อมการสื่อสารกับผู้บริโภคว่าแม้อากาศจะร้อนมาก แต่การบำรุงผิวเพื่อให้มีเกราะป้องกันต่อสภาพอากาศนั้นก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน
เทรนด์ที่สาม “ความต้องการไลฟ์สไตล์ที่ยั่งยืนมากขึ้น”
จากผลสำรวจของ Alibaba พบว่าชาวไทย 88% มีความต้องการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ให้มีความยั่งยืนมากขึ้น
การส่งเสริมผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม, แพ็กเกจจิงที่มีความยั่งยืน และไม่มีส่วนผสมของสารเคมีที่ทำลายสิ่งแวดล้อม
เป็นสามสิ่งที่ผู้บริโภคชาวไทยรวมถึงประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตระหนักถึงและให้ความสำคัญมากกว่าค่าเฉลี่ยของผู้คนทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่เป็นกำแพงระหว่างแบรนด์และผู้บริโภคคือ หลายคนเชื่อว่าการส่งเสริมความยั่งยืนระหว่างสิ่งแวดล้อมพร้อมกับไลฟ์สไตล์เป็นเรื่องที่ปฏิบัติได้ยาก
จากการสำรวจพบว่า มากกว่า 38% ของผู้บริโภคไม่เชื่อว่าแบรนด์ความงามและสกินแคร์ที่อ้างถึงความยั่งยืน จะไม่หวังผลประโยชน์แอบแฝง และมีเพียง 15% เท่านั้น ที่เชื่อคำกล่าวอ้างของแบรนด์
ซึ่งสาเหตุหลักมาจาก การขาดข้อมูลเกี่ยวกับข้อปฏิบัติที่สามารถทำได้จริงและเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงด้านความยั่งยืน, ต้นทุนที่สูง และมีสินค้าที่ให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมในตลาดยังไม่เยอะ
ดังนั้นแบรนด์จึงควรสร้างความไว้วางใจให้กับผู้บริโภค โดยให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์, การเล่าเรื่องราวของแบรนด์ หรือเหตุผลที่ทำให้สินค้ามีราคาสูง ซึ่งช่วยให้ผู้บริโภคเข้าใจมูลค่าและมีส่วนร่วมกับแบรนด์มากยิ่งขึ้น
รวมถึงสื่อสารถึงผลกระทบจากการใช้ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ ที่ไม่ได้ส่งผลดีแต่เพียงแค่ร่างกายของพวกเขาเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงโลกของเราด้วย
สิ่งเหล่านี้ทำให้ผู้บริโภคมั่นใจว่าพวกเขากำลังทำสิ่งที่เป็นบวก ซึ่งการสร้างความรู้สึกที่ดีในการใช้ผลิตภัณฑ์ ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ชนะใจผู้บริโภค นั่นเอง..
Reference:
-https://kantar.turtl.co/story/thailand-beauty-pulse-2024-beauty-outlook/page/1
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.