ปรากฏการณ์ครั้งแรกแห่งอาเซียน ของการร่วมมือกันระหว่างกลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ ผู้พัฒนาธุรกิจค้าปลีก และอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย กับสื่อแฟชั่นยักษ์ใหญ่ระดับโลก Women's Wear Daily (WWD) 

จัดอิเวนต์ใหญ่แห่งปี ด้วยการเปลี่ยนรันเวย์ให้เป็นเวทีเสวนา WWD x SIAM PIWAT Global Fashion Spotlight ภายใต้คอนเซปต์ South East Asia - Luxury's New Future เปิดโลกอนาคตใหม่ของแฟชั่น ร่วมผลักดันประเทศไทยเป็นแฟชั่นฮับระดับโลก

โดยภายในงานมีทั้งหมด 3 Session ของเรื่องราวที่น่าสนใจ กับแนวทางในการสร้างแบรนด์, ตลาดลักชัวรีในยุคสมัยใหม่ และความสำคัญของแบรนด์แอมบาสเดอร์ 

ผ่านการสัมภาษณ์แนวคิดของสปีกเกอร์ที่มีชื่อเสียง และเป็นที่รู้จักระดับโลกถึง 10 ท่าน มีดีกรีเป็นทั้ง ผู้ก่อตั้งแบรนด์, ผู้นำในอุตสาหกรรมลักชัวรีแบรนด์ และอินฟลูเอนเซอร์ที่มีอิทธิพลต่อวงการแฟชั่น

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งงานใหญ่ของอุตสาหกรรมแฟชั่นแห่งปี ที่ผู้มีอิทธิพลในวงการแฟชั่น ได้มีโอกาสเผยแพร่แนวคิด และสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ที่สนใจ ได้นำไปต่อยอด 

วันนี้ลงทุนเกิร์ล สรุปไฮไลต์สำคัญของแต่ละ Session ที่อาจเป็นประโยชน์ และแนวทางสำหรับผู้ที่อยู่ในวงการแฟชั่น ดังนี้

Session 1 “Building Brands for a Global Consumer” สร้างแบรนด์อย่างไร ให้เป็นที่ยอมรับระดับโลก 

เรื่องราวผ่านประสบการณ์ของสปีกเกอร์ 3 คน 3 สัญชาติ ที่ปั้นแบรนด์แฟชั่นระดับประเทศ ให้มีชื่อเสียงไกลระดับโลก อย่างแบรนด์ BOYY จากไทย , LIE SANGBONG จากเกาหลีใต้ และ Shanghai Tang จากฮ่องกง 

เริ่มที่ประเด็นแรก การมีพื้นที่ร้านค้าของตัวเอง 

คุณวรรณศิริ คงมั่น ผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ BOYY มีจุดเริ่มต้นจากการจัดแสดงสินค้าในโชว์รูม ณ มหานครนิวยอร์ก แต่ข้อจำกัดคือ ต้องปล่อยสินค้าใหม่เกือบทุก 6 เดือน ตามข้อกำหนดของโชว์รูม

เมื่อเวลาผ่านไป BOYY เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น และมีโอกาสขยายสาขามายังกรุงเทพฯ ณ สยามพารากอน ทำให้คุณวรรณศิริ ตระหนักถึงการมีพื้นที่ให้เล่าเรื่องราวของแบรนด์ และมีอิสระในการกำหนดช่วงเวลาของการเปิดตัวสินค้าคอลเลกชันใหม่ด้วยตัวเอง 

หลังจากนั้น คุณวรรณศิริ ได้นำแนวคิดการมีพื้นที่ร้านของตัวเองนี้ ต่อยอดแบรนด์ BOYY สู่การบุกตลาดแฟชั่นในยุโรป 

แต่ความท้าทายคือ การตั้งร้านอยู่ท่ามกลางแบรนด์หรูที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน 

BOYY กลับกล้าเสนอเรื่องราวของตัวเองที่เป็นเอกลักษณ์ ในคอนเซปต์ Young Luxury Brand ผ่านการดิไซน์หน้าร้านที่ทำให้น่าสนใจ จนสามารถดึงดูดผู้คนได้เป็นอย่างมาก 

นอกจากนี้ การเลือกนักลงทุน หรือพาร์ตเนอร์ ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้แบรนด์เพิ่มขีดศักยภาพของตัวเองได้

คุณลี ซาง บอง ผู้ก่อตั้งแบรนด์แฟชั่น LIE SANGBONG แม้จะมีความเห็นว่า ไม่ค่อยรับเงินสนับสนุนจากนักลงทุนเท่าไร แต่หากจำเป็นต้องรับเงินจริง ๆ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ความไว้วางใจซึ่งกันและกัน และมีจุดมุ่งหมายร่วมกัน

ซึ่งตรงกับกรณีของคุณ Octo Cheung Yan Yu ผู้อำนวยการแบรนด์แฟชั่น Shanghai Tang ที่เคยมีประสบการณ์การร่วมงานกับพาร์ตเนอร์ที่ใช่ จนช่วยให้แบรนด์เติบโตไกลระดับโลกได้

จากตัวอย่าง การร่วมมือระหว่าง Shanghai Tang แบรนด์ที่มีเรื่องราวประวัติศาสตร์จีนยาวนานร่วม 30 ปี จับมือร่วมกับสถาบันศิลปะร่วมสมัยชั้นนำของประเทศจีน ทำให้ Shanghai Tang ได้มีโอกาสร่วมมือกับดิไซเนอร์ที่มีความคิดสร้างสรรค์อีกมากมาย 

Session 2 “Adapting to the New Luxury Landscape” การปรับตัวของตลาดลักชัวรี

เรื่องราวการตีความตลาดลักชัวรีสมัยใหม่ ผ่านมุมมองสปีกเกอร์ที่เป็นตัวแทนของแบรนด์เครื่องประดับหรูอย่าง Piaget และ Bvlgari พร้อมกับ บริษัท พีพี กรุ๊ป ผู้นำเข้าแบรนด์แฟชั่นหรูชั้นนำในไทย 

ประเด็นแรกคือ ภาพรวมของตลาดลูกค้ากลุ่มลักชัวรีในปัจจุบัน 

โดยคุณสุวดี พึ่งบุญพระ ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท พีพี กรุ๊ป มองว่ากลุ่มลูกค้าตลาดลักชัวรี เปลี่ยนแปลงไปจากสมัยก่อน 

จากเดิมที่มีแค่คนกลุ่มเล็ก ๆ และมีรายได้สูงเท่านั้น ปัจจุบันผู้บริโภคสินค้าแบรนด์หรู ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าที่กว้างขึ้น อายุน้อยลง และฉลาดมากขึ้น 

สังเกตจาก กลุ่มลูกค้าส่วนมากในสมัยนี้ ให้ความสำคัญกับคุณภาพของวัสดุที่นำมาใช้ทำสินค้า มากกว่าการเชื่อโฆษณาการตลาดที่เกินจริง

ขณะเดียวกัน คุณ Emmanuelle Kouakou กรรมการผู้จัดการแบรนด์ Piaget ระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และโอเชียเนีย เห็นด้วยว่า กลุ่มลูกค้าแบรนด์หรูมีความรู้มากขึ้น ซึ่งกลุ่มลูกค้าอายุน้อย มักมีความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้งานฝีมือที่มีความประณีต

อีกหนึ่งประเด็นสำคัญคือ การสร้างสมดุลระหว่าง ประสบการณ์ช็อปปิงหน้าร้านแบบดั้งเดิม และช่องทางดิจิทัล 

ด้านคุณ Roberta Pellacci กรรมการผู้จัดการฝ่ายการสื่อสารทางการตลาด จากแบรนด์ Bvlgari ประเทศญี่ปุ่น มองว่า ประสบการณ์ช็อปปิงหน้าร้าน และแพลตฟอร์มดิจิทัลเชื่อมโยงกัน และไม่สามารถแยกขาดออกจากกันได้

เนื่องจากลูกค้าบางกลุ่ม อาจเห็นสินค้าจากแพลตฟอร์มดิจิทัล แต่สุดท้ายก็อาจจะเลือกเข้ามาดูสินค้าจริงที่หน้าร้าน เพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนการสั่งซื้อ

ดังนั้น Bvlgari จึงยังคงให้ความสำคัญกับการสื่อสารกับลูกค้าผ่านทุกช่องทางอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะการใส่ใจในการดิไซน์หน้าร้าน 

เช่น Bvlgari ที่สาขา สยามพารากอน ที่เพิ่งรีโนเวตร้านใหม่ ด้วยธีมเรื่องราวของประวัติศาสตร์อิตาลี ซึ่งพื้นที่ต่าง ๆ ถูกออกแบบโดยคำนึงถึงการต้อนรับลูกค้าเป็นหลัก และมอบบรรยากาศที่ส่งเสริมประสบการณ์การ ประกอบการตัดสินใจซื้อสินค้า 

ที่น่าสนใจคือ สปีกเกอร์ทั้งสามท่านต่างให้ความเห็นตรงกันว่า การแต่งตั้งแบรนด์แอมบาสเดอร์ ถือเป็นปัจจัยสำคัญในยุคดิจิทัล ที่ไม่เพียงแค่เพิ่มการมองเห็นจากผู้คนทั่วโลก แต่ยังทำให้ลูกค้าสามารถเข้าใจภาพลักษณ์ของแบรนด์ได้ดียิ่งขึ้น 

Session 3 “South East Asia's Power of Global Influence” ความทรงอิทธิพลของอินฟลูเอนเซอร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เรื่องราวผ่านมุมมองของเซเลบริตีชาวฟิลิปปินส์ คุณ Heart Evangelista และ สองนักแสดงไทยมากความสามารถ คุณใหม่-ดาวิกา โฮร์เน่ และคุณ​อาโป-ณัฐวิญญ์ วัฒนกิติพัฒน์ 

ทุกวันนี้ อินฟลูเอนเซอร์ไทย และอาเซียนต่างมีบทบาทสำคัญมากขึ้นกับตลาดลักชัวรีแบรนด์ เราอาจเห็นได้จากงานแฟชั่นวีกที่ผ่านมา ในเมืองปารีส เช่น คุณอาโป นักแสดงไทยมากความสามารถ สร้างมูลค่าทางสื่อได้สูงถึง 200 ล้านบาท 

หลายคนอาจสงสัยว่า การเป็นผู้มีอิทธิพลระดับโลกเหล่านี้ เริ่มสร้างฐานแฟนคลับได้อย่างไร ? และจำนวนผู้ติดตามส่งผลกระทบต่อแบรนด์ที่ได้ร่วมทำงานในแง่ใดบ้าง ? 

โดยเริ่มจากคุณ Heart ที่เป็นทั้งเซเลบริตีและศิลปิน เธอสร้างความสัมพันธ์กับผู้ติดตามจากกลุ่มคนที่เข้ากันได้ และเข้าใจเธอดี ซึ่งการเลือกทำในสิ่งที่เธอชอบ และเป็นตัวของตัวเอง ส่งผลต่อจำนวนผู้ติดตามที่เพิ่มมากขึ้น 

ซึ่งความเป็นธรรมชาติของคุณ Heart สามารถดึงดูดคนที่ชื่นชอบในสิ่งเดียวกัน หรือแม้แต่แบรนด์ที่สนใจเข้ามาร่วมงาน โดยที่ไม่จำเป็นต้องสร้างภาพให้ตัวเองเลย  

เช่นเดียวกับ คุณอาโปที่มีรากฐานจากการเป็นคนนิสัยช่างเลือก เช่น การเลือกสไตล์การแต่งตัว สิ่งนี้ส่งผลให้คุณอาโป ได้มีโอกาสร่วมงานแฟชั่นกับลักชัวรีแบรนด์ระดับโลก ทั้ง House Ambassador ของแบรนด์ Dior และ Global Brand Ambassador ของ Piaget 

อีกทั้ง คุณอาโปเผยว่า การได้ทำงานกับแบรนด์ใหญ่ระดับโลก คือการทำลายขอบเขตข้อจำกัดของผู้คนที่แตกต่างกันหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น ชาติ ภาษา หรือความไกลของระยะทาง ซึ่งความสนใจในแฟชั่นที่มีร่วมกันนี้ ทำให้คนทั่วโลกได้รู้จักคุณอาโปมากขึ้น 

สำหรับคุณใหม่ การสร้างฐานแฟนคลับมีจุดเริ่มต้นมาจากการเลือกบทบาทในการแสดงภาพยนตร์ ซึ่งคุณใหม่จะเลือกบทที่มีคาแรกเตอร์ของตัวละครที่ชัดเจน และมีความเชื่อที่จะใช้ตัวละครเพื่อสร้างแรงผลักดันให้กับสังคมได้ 

ทั้งนี้คุณใหม่ ได้นำแนวคิดความเชื่อมั่นนี้ เลือกทำงานร่วมกับแบรนด์ที่มีเรื่องราวน่าสนใจ และมีอิทธิพลในวงกว้าง ซึ่งทำให้คุณใหม่ได้รับโอกาสเป็น Brand Ambassador ของแบรนด์ Gucci และ Friend of the House ของแบรนด์ Bvlgari 

ตรงนี้ เราจะเห็นความเชื่อมโยงของแบรนด์ และอินฟลูเอนเซอร์ ที่ในบางครั้งเรื่องของจำนวนผู้ติดตามอาจไม่ใช่ปัจจัยหลัก แต่คือแนวคิดที่มีทิศทางเดียวกันกับแบรนด์  ซึ่งสิ่งนี้ทำให้ผู้คนเข้าใจตัวตนของแบรนด์ ผ่านบุคคล หรือแบรนด์แอมบาสเดอร์ได้มากขึ้น

โดยสรุปแล้ว หนึ่งในปัจจัยหลักที่จะเสริมขีดความสามารถของแบรนด์ไทย ให้เติบโตสู่เวทีระดับโลกได้ 

คือ การมีพื้นที่ในการจัดแสดงสินค้า หรือเวทีที่แบรนด์ได้โชว์ศักยภาพอย่างเต็มที่

ซึ่งกลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ ถือเป็นหนึ่งในผู้นำอันดับต้น ๆ ของไทย ที่เป็นเสมือนผู้ขับเคลื่อนศักยภาพของอุตสาหกรรมแฟชั่นไทย และพลังของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ให้มีอิทธิพลต่อวงการแฟชั่นระดับโลก

นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ ยังเป็นผู้จัดงานแฟชั่นวีกอันดับหนึ่งของไทย Siam Paragon Bangkok International Fashion Week 2024 ซึ่งจัดเป็นประจำทุกปี ในพื้นที่ของ ONESIAM อย่าง สยามพารากอน, สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ 

ซึ่งในงานปีนี้ เป็นการรวบรวมงานแฟชั่นมากกว่า 15 แบรนด์ อีกทั้งมีเวทีแห่งแรงบันดาลใจ Visionary Stage ที่เปิดโอกาสให้ดิไซเนอร์รุ่นใหม่ และนักศึกษาจากทั่วประเทศไทย ร่วมแสดงผลงานผ่านเวทีระดับประเทศ เพื่อต่อยอดสู่ระดับสากล

เรียกได้ว่านอกจากจะเป็นผู้นำทางธุรกิจค้าปลีก และอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทยแล้ว กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ ยังคำนึงถึงการเป็นผู้สร้างแรงบันดาลใจ สร้างแนวคิด เพื่อผลักดันให้อุตสาหกรรมแฟชั่นไทย ได้มีโอกาสเติบโตไปยังเวทีโลกได้อย่างไม่หยุดนิ่ง 

#WWDXSIAMPIWAT #SiamPiwat #SiamParagon #ICONSIAM #GlobalFashionSpotlight #LuxuryFashion #FashionIcon