Business
<อัปเดต> WEBTOON จะ IPO เข้าตลาดหุ้นสหรัฐฯ มูลค่า 140,000 ล้าน
20 ก.พ. 2024
<อัปเดต> WEBTOON จะ IPO เข้าตลาดหุ้นสหรัฐฯ มูลค่า 140,000 ล้าน
ล่าสุด มีรายงานว่า WEBTOON แพลตฟอร์มออนไลน์ยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้ ได้จัดจ้างที่ปรึกษา Goldman Sachs และ Morgan Stanley เพื่อที่จะ IPO ในตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา ช่วงเดือนมิถุนายนนี้
โดยมีมูลค่าคาดการณ์อยู่ที่ 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 140,000 ล้านบาท
สำหรับ WEBTOON คือ แพลตฟอร์มสำหรับอ่านการ์ตูนออนไลน์ สัญชาติเกาหลีใต้
เริ่มก่อตั้งในปี 2004 โดยอยู่ในเครือ Naver Corporation
เริ่มก่อตั้งในปี 2004 โดยอยู่ในเครือ Naver Corporation
ก่อนจะจัดตั้งขึ้นเป็นบริษัท Naver Webtoon Corp
รวมถึงเพิ่มแผนกที่ผลิตออริจินัลคอนเทนต์ มีชื่อว่า WEBTOON Studios ในปี 2020
รวมถึงเพิ่มแผนกที่ผลิตออริจินัลคอนเทนต์ มีชื่อว่า WEBTOON Studios ในปี 2020
ปัจจุบัน WEBTOON มีผู้ใช้งานทั่วโลกมากกว่า 85.6 ล้านรายต่อเดือน และมีคอนเทนต์บนแพลตฟอร์มให้เลือกอ่านมากกว่า 1.4 ล้านเรื่อง มีภาษาที่รองรับ 10 ภาษา และเผยแพร่ใน 100 ประเทศทั่วโลก
ส่วนการหารายได้ของ WEBTOON
โดยปกติแล้ว WEBTOON จะมีการอัปเดตเนื้อหาการ์ตูนสัปดาห์ละ 1 ตอนต่อ 1 เรื่อง
แต่ถ้าอยากอ่านเร็วกว่านั้น ผู้อ่านสามารถจ่ายเงิน เพื่อให้มีสิทธิ์ได้อ่านตอนต่อไปก่อนคนอื่น
แต่ถ้าอยากอ่านเร็วกว่านั้น ผู้อ่านสามารถจ่ายเงิน เพื่อให้มีสิทธิ์ได้อ่านตอนต่อไปก่อนคนอื่น
พอเติมเงินให้กับแพลตฟอร์มเหล่านี้ ก็ยากที่จะเลิกจ่าย
เพราะเมื่อเราเติมเงินเข้าไปเพื่ออ่านล่วงหน้าเพียง 1 ตอน
ระยะเวลาที่ต้องรอตอนต่อไปก็ต้องเพิ่มขึ้น
จากรอแค่ 7 วัน ก็ต้องกลายเป็น 14 วันสำหรับตอนใหม่
ทำให้นักอ่านบางคนอดใจรอไม่ไหว ก็ต้องซื้อต่อไปเรื่อย ๆ เพื่อให้ได้อ่านการ์ตูนก่อนใคร
เพราะเมื่อเราเติมเงินเข้าไปเพื่ออ่านล่วงหน้าเพียง 1 ตอน
ระยะเวลาที่ต้องรอตอนต่อไปก็ต้องเพิ่มขึ้น
จากรอแค่ 7 วัน ก็ต้องกลายเป็น 14 วันสำหรับตอนใหม่
ทำให้นักอ่านบางคนอดใจรอไม่ไหว ก็ต้องซื้อต่อไปเรื่อย ๆ เพื่อให้ได้อ่านการ์ตูนก่อนใคร
นอกจากรายได้จากนักอ่านแล้ว อีกหนึ่งช่องทางการหาเงินก็คือ “โฆษณา” ภายในเนื้อหาของการ์ตูน ซึ่งจะคล้าย ๆ กับการ Tie-in สินค้าในซีรีส์ หรือภาพยนตร์ที่เราเห็นอยู่บ่อย ๆ
ซึ่งราคาโฆษณาสินค้าแต่ละตัวก็ไม่ใช่น้อย ๆ มักจะขึ้นอยู่กับความดังของการ์ตูน
โดยเริ่มต้นตั้งแต่หลักหมื่นหรือมากกว่านั้น
โดยเริ่มต้นตั้งแต่หลักหมื่นหรือมากกว่านั้น
และความโด่งดังของการ์ตูนนี้เองที่ทำให้ “ผู้ผลิต” เริ่มหันมาหยิบเอาการ์ตูนออนไลน์ ที่ประสบความสำเร็จแล้ว มาทำเป็นภาพยนตร์ หรือซีรีส์
เพราะการ์ตูนเหล่านี้มีฐานแฟนคลับของตัวเองอยู่แล้ว ทำให้ผู้สร้างมั่นใจว่าซีรีส์จะมีผู้ชมรอดู และมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จกว่าการสร้างจากเรื่องที่ไม่มีคนรู้จัก
ซึ่งแพลตฟอร์มระดับโลกอย่าง Netflix ยังเลือกหยิบการ์ตูนหลาย ๆ เรื่องมาผลิต ยกตัวอย่างเรื่อง Sweet Home, Taxi Driver และ Nevertheless นั่นเอง..