กรณีศึกษา น้ำเกลือล้างจมูก ฉลากสีเขียว เห็นใส ๆ แต่ยอดขาย 1,600 ล้าน
Business

กรณีศึกษา น้ำเกลือล้างจมูก ฉลากสีเขียว เห็นใส ๆ แต่ยอดขาย 1,600 ล้าน

6 ก.ค. 2023
กรณีศึกษา น้ำเกลือล้างจมูก ฉลากสีเขียว เห็นใส ๆ แต่ยอดขาย 1,600 ล้าน /โดย ลงทุนเกิร์ล
ถ้าพูดถึงแบรนด์ “Klean&Kare”
บางคนอาจจะไม่คุ้นชื่อแบรนด์นี้เท่าไรนัก
แต่ถ้าถามว่า ใครเคยใช้ “น้ำเกลือฉลากเขียว” บ้าง ?
หลายคนก็น่าจะเคยใช้สินค้าของเขาแบบไม่รู้ตัว
ซึ่งนี่ก็คือสินค้ายอดฮิต ที่อยู่คู่กับคนไทยมานานกว่า 35 ปี
ที่น่าสนใจคือ เห็นขวดน้ำเกลือใส ๆ แบบนี้
แต่บริษัทกลับมีรายได้ถึงหลักพันล้านบาทต่อปี
แล้วสงสัยกันไหมคะว่า แบรนด์ Klean&Kare นี้มีที่มาอย่างไร และใครเป็นเจ้าของ ? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
หากลองสังเกตข้างขวดน้ำเกลือของแบรนด์ Klean&Kare ดี ๆ จะเห็นฟอนต์ สีแดงและสีน้ำเงินเขียนว่า “ANB”
ซึ่งสังเกตได้ว่าทั้งฟอนต์และสี มีลักษณะคล้ายคลึงกับโลโกของ “BDMS” หรือเครือโรงพยาบาลกรุงเทพ ซึ่งเป็นเครือธุรกิจโรงพยาบาลเอกชน ที่ใหญ่สุดในตลาดหุ้นไทย
และแน่นอนว่า Klean&Kare ก็เป็นแบรนด์สินค้าที่อยู่ภายใต้เครือของ BDMS นั่นเอง
โดยแบรนด์ Klean&Kare ผลิตโดย โรงงานอำนวยเภสัช
ซึ่งต่อมา ได้เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท เอ.เอ็น.บี. ลาบอราตอรี่ (อำนวยเภสัช)
ดำเนินกิจการผลิตยาและเวชภัณฑ์เคมีภัณฑ์ เช่น น้ำยาล้างตา, น้ำกลั่นสเตอร์ไรด์, ผ้าเช็ดทำความสะอาดผิว, แอลกอฮอล์เจล, อุปกรณ์ล้างจมูก
รวมถึงสินค้าแชมเปียนอย่าง น้ำเกลือฉลากเขียว
โดยผลิตภัณฑ์ของบริษัท เป็นที่ยอมรับในด้านคุณภาพอย่างกว้างขวาง และมีการส่งออกไปหลายประเทศ เช่น กัมพูชา, ลาว, มาเลเซีย, พม่า, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, เอธิโอเปีย, ฮ่องกง, เนปาล, ศรีลังกา และเยเมน
หากเรามาดูผลประกอบการของ บริษัท เอ.เอ็น.บี.ลาบอราตอรี่ (อำนวยเภสัช) จำกัด
ปี 2563 รายได้ 1,452 ล้านบาท กำไร 211 ล้านบาท
ปี 2564 รายได้ 1,434 ล้านบาท กำไร 188 ล้านบาท
ปี 2565 รายได้ 1,664 ล้านบาท กำไร 202 ล้านบาท
จะเห็นได้ว่าในปี 2565 ที่ผ่านมา
รายได้และกำไรของบริษัทเติบโตขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 14% และ 7% ตามลำดับ
แล้วปัจจัยอะไร ที่ทำให้สินค้าของ Klean&Kare ขายดี ?
อันดับแรกคือ แนวโน้มผู้บริโภคเริ่มหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น
โดยเฉพาะยุคที่ต้องเผชิญกับโรคระบาด รวมถึงค่าฝุ่น PM2.5 ที่ทวีความรุนแรงขึ้น
ผู้คนจึงหันมาหาตัวช่วยดูแลร่างกายกันมากขึ้น อย่างเช่น การใช้น้ำเกลือล้างจมูก เพื่อชำระล้างสิ่งสกปรก, เชื้อโรค และสารก่อภูมิแพ้ต่าง ๆ โดยในช่วงที่ผ่านมา หลายคนก็เริ่มทำกันจนเป็นกิจวัตรประจำวัน
อีกทั้งน้ำเกลือ Klean&Kare ยังสามารถนำมาใช้ล้างแผล, ล้างคอนแท็กต์เลนส์, เช็ดทำความสะอาดผิวหน้า และบ้วนปาก เพื่อทำความสะอาดภายในช่องปาก ได้อีกด้วย
ต่อมา ก็คือ เป็นแบรนด์ Top of Mind ของผู้บริโภค
ด้วยภาพลักษณ์ คุณภาพสินค้า และความคุ้นเคยในตัวแบรนด์กับภาพจำ “น้ำเกลือฉลากเขียว” ที่ใครหลายคนเรียกติดปากกัน
ส่งผลให้น้ำเกลือของ Klean&Kare กลายมาเป็นตัวเลือกเบอร์ต้น ๆ ที่ผู้บริโภคตัดสินใจ หยิบซื้อกลับบ้านไปได้ไม่ยาก
นอกจากนี้ ช่องทางการกระจายสินค้า ก็เป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน
โดยสินค้าของ Klean&Kare วางจำหน่ายอยู่ในหลากหลายช่องทาง เช่น โรงพยาบาล, ร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven, ร้านค้าปลีก Watsons, Boots, Big C, Lotus’s
ไปจนถึงร้านขายยาชั้นนำทั่วประเทศ และช่องทางออนไลน์อย่าง Shopee และ Lazada
ซึ่งแน่นอนว่า ยิ่งสินค้ามีโอกาสเข้าถึงลูกค้าจำนวนมากเท่าไร ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสที่สินค้า จะถูกซื้อและเป็นที่รู้จักในวงกว้างได้มากขึ้นเท่านั้น
อ่านมาถึงตรงนี้ ต้องบอกว่าเรื่องราวของน้ำเกลือฉลากเขียว Klean&Kare ถือเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจ
เพราะตลอด 35 ปีที่ผ่านมา สิ่งที่บริษัททำ คือการรักษามาตรฐานทั้งขวด โลโก และคุณภาพที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
ซึ่งก็มากพอที่จะทำให้สินค้าธรรมดา ๆ อย่าง “น้ำเกลือ” สร้างยอดขายมหาศาล ถึงหลักพันล้านบาท..
--------------------------------------------------
Presented by กลุ่มบริษัทธนจิรากรุ๊ป (TANACHIRA) เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์ แฟชั่นแบรนด์ชั้นนำจากต่างประเทศได้แก่ Pandora (แพนดอร่า), Marimekko (มารีเมกโกะ), Cath Kidston (แคท คิดสตัน) และเจ้าของผลิตภัณฑ์เพื่อดูแลผิวพรรณ สปาแบบองค์รวมรายแรกในไทยภายใต้แบรนด์ HARNN (หาญ), VUUDH (วุฒิ), HARNN Heritage Spa (หาญ เฮอริเทจสปา) และ SCape by HARNN (เอสเคป บาย หาญ) มีสาขาอยู่ทั่วประเทศและในภูมิภาคกว่า 165 สาขา ภายใต้แนวคิด “Bring the Best of the Brand to the Best of Thailand”
https://www.facebook.com/TANACHIRA-GROUP-174055739828807/
#TANACHIRA
--------------------------------------------------
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.