Business
<อัปเดต> L'Oreal ปิดดีลยักษ์ใหญ่ ซื้อแบรนด์เครื่องสำอาง Aesop 86,000 ล้านบาท
4 เม.ย. 2023
<อัปเดต> L'Oreal ปิดดีลยักษ์ใหญ่ ซื้อแบรนด์เครื่องสำอาง Aesop 86,000 ล้านบาท
เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา L'Oreal บริษัทเครื่องสำอาง ที่มีมูลค่าบริษัทมากที่สุดในโลก
ได้เข้าซื้อกิจการ Aesop แบรนด์เครื่องสำอางระดับไฮเอนด์ ของออสเตรเลีย
เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา L'Oreal บริษัทเครื่องสำอาง ที่มีมูลค่าบริษัทมากที่สุดในโลก
ได้เข้าซื้อกิจการ Aesop แบรนด์เครื่องสำอางระดับไฮเอนด์ ของออสเตรเลีย
จากบริษัทแม่สัญชาติบราซิลอย่าง Natura &Co ในมูลค่า 86,700 ล้านบาท
ถือเป็นดีลซื้อกิจการที่ใหญ่ที่สุดสำหรับบริษัทฝรั่งเศส ในรอบหลายทศวรรษ
และคาดว่าดีลนี้ จะแล้วเสร็จในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้
และคาดว่าดีลนี้ จะแล้วเสร็จในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้
โดยคุณ Nicolas Hieronimus ที่เป็น CEO ของ L'Oreal ได้บอกว่า
การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ ทาง L'Oreal จะช่วยปลดล็อกศักยภาพการเติบโตของ Aesop โดยเฉพาะตลาดในจีน และค้าปลีกเชิงท่องเที่ยว (Travel Retail)
การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ ทาง L'Oreal จะช่วยปลดล็อกศักยภาพการเติบโตของ Aesop โดยเฉพาะตลาดในจีน และค้าปลีกเชิงท่องเที่ยว (Travel Retail)
ทั้งนี้ แบรนด์ Aesop ยังเป็นแบรนด์มาแรง ที่น่าจับตามอง
จนบรรดาบริษัทระดับโลกหลายราย ทั้ง-Puig บริษัทแฟชั่นและเครื่องหอม จากสเปน ผู้ถือหุ้นใหญ่ของแบรนด์ Charlotte Tilbury
จนบรรดาบริษัทระดับโลกหลายราย ทั้ง-Puig บริษัทแฟชั่นและเครื่องหอม จากสเปน ผู้ถือหุ้นใหญ่ของแบรนด์ Charlotte Tilbury
-LVMH บริษัทเจ้าของแบรนด์ Louis Vuitton, Dior, Celine และ Sephora
-Famille C หน่วยงานด้านการลงทุนของ Clarins
ต่างเคยมีข่าวว่าให้ความสนใจที่จะซื้อกิจการนี้
ต่างเคยมีข่าวว่าให้ความสนใจที่จะซื้อกิจการนี้
หากย้อนมาดูความน่าสนใจของ Aesop ว่าทำไมถึงเข้าตา L'Oreal ?
Aesop ก่อตั้งขึ้นในปี 1987 ที่ออสเตรเลีย
โดยถือเป็นแบรนด์แรก ๆ ที่ชูเรื่องการนำสารสกัดจากพืช มาใช้เป็นส่วนผสมหลัก
โดยถือเป็นแบรนด์แรก ๆ ที่ชูเรื่องการนำสารสกัดจากพืช มาใช้เป็นส่วนผสมหลัก
อีกทั้งเอกลักษณ์ของแบรนด์อย่าง บรรจุภัณฑ์ที่มีลักษณะเหมือนขวดยา
เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเพียงคอนเซปต์ในการออกแบบของแบรนด์เท่านั้น
แต่ขวดสีชา มีส่วนช่วยในการป้องกันแสง UV
ทำให้ผลิตภัณฑ์ของ Aesop ยังรักษาคุณสมบัติและกักเก็บวิตามินเอาไว้ได้
แต่ขวดสีชา มีส่วนช่วยในการป้องกันแสง UV
ทำให้ผลิตภัณฑ์ของ Aesop ยังรักษาคุณสมบัติและกักเก็บวิตามินเอาไว้ได้
รวมถึงการตกแต่งหน้าร้านที่ไม่ซ้ำกันในแต่ละสาขา
เพราะในแต่ละสาขา จะถูกดิไซน์ โดยดิไซเนอร์ท้องถิ่น เพื่อคงเอกลักษณ์ของพื้นที่นั้น ๆ เอาไว้
เพราะในแต่ละสาขา จะถูกดิไซน์ โดยดิไซเนอร์ท้องถิ่น เพื่อคงเอกลักษณ์ของพื้นที่นั้น ๆ เอาไว้
โดยแบรนด์ให้ความสำคัญกับการออกแบบหน้าร้านเป็นอย่างมาก ซึ่งแต่ละสาขา จะต้องมีอ่างล้างมือตั้งไว้อยู่ใจกลางของร้านเสมอ เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์จริงในการใช้ผลิตภัณฑ์
และสร้างประสบการณ์ร่วมกับแบรนด์ ผ่านการอธิบายและการสาธิตจากพนักงานภายในร้าน ที่ได้รับการอบรมมาเป็นอย่างดี เพื่อให้ประสบการณ์ของลูกค้าออกมาดีที่สุด
ปัจจัยเหล่านี้เอง ที่กลายเป็นจุดขายของแบรนด์
และทำให้ Aesop กลายเป็นที่กล่าวถึง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการออกแบบผลิตภัณฑ์ การตกแต่งร้านที่เป็นเอกลักษณ์ รวมถึงประสบการณ์ที่ได้จากการใช้ผลิตภัณฑ์
และทำให้ Aesop กลายเป็นที่กล่าวถึง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการออกแบบผลิตภัณฑ์ การตกแต่งร้านที่เป็นเอกลักษณ์ รวมถึงประสบการณ์ที่ได้จากการใช้ผลิตภัณฑ์
หรือก็คือ แบรนด์ไม่จำเป็นต้องเน้นการโฆษณารูปแบบเดิม ๆ หรือการลด แลก แจก แถม เพื่อทำให้แบรนด์กลายเป็นที่รู้จัก
แต่ใช้จุดแข็งเรื่อง คุณภาพสินค้า, เอกลักษณ์ของแบรนด์ และประสบการณ์ มาเป็นกระบอกเสียงให้แบรนด์แทน
แต่ใช้จุดแข็งเรื่อง คุณภาพสินค้า, เอกลักษณ์ของแบรนด์ และประสบการณ์ มาเป็นกระบอกเสียงให้แบรนด์แทน
ทำให้ไม่นานหลังจากวางจำหน่าย Aesop ก็กลายเป็นแบรนด์ความงามที่มียอดขายและยอดส่งออกอันดับต้น ๆ ของออสเตรเลีย
ปัจจุบัน Aesop มีหน้าร้านเกือบ 400 แห่ง และมียอดขายสูงถึง 18,400 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมา
ถือเป็นแบรนด์ที่ทำกำไรได้มากที่สุดของ Natura &Co อีกด้วย..
ถือเป็นแบรนด์ที่ทำกำไรได้มากที่สุดของ Natura &Co อีกด้วย..