Health & BeautyBusiness
Glow Recipe สกินแคร์เกาหลี ที่เติบโตในสหรัฐอเมริกา
27 ต.ค. 2021
Glow Recipe สกินแคร์เกาหลี ที่เติบโตในสหรัฐอเมริกา /โดย ลงทุนเกิร์ล
“เกาหลีใต้” นับเป็นหนึ่งในประเทศที่สามารถเผยแพร่วัฒนธรรมไปได้ทั่วโลก
ไม่ว่าจะด้านความบันเทิง อย่าง เพลงเคป็อป, ซีรีส์ ไปจนถึงทีวีโชว์
และอีกเรื่องที่โด่งดัง ไม่แพ้กันก็คือ เทรนด์ความงามฉบับเกาหลี หรือที่รู้จักกันใน “K-Beauty” นั่นเอง
ไม่ว่าจะด้านความบันเทิง อย่าง เพลงเคป็อป, ซีรีส์ ไปจนถึงทีวีโชว์
และอีกเรื่องที่โด่งดัง ไม่แพ้กันก็คือ เทรนด์ความงามฉบับเกาหลี หรือที่รู้จักกันใน “K-Beauty” นั่นเอง
ถึงแม้ว่าเทรนด์ K-Beauty จะกำลังมาแรง
แต่สำหรับในประเทศฝั่งตะวันตก ก็ยังถือเป็นโจทย์หินสำหรับธุรกิจความงามเกาหลีอยู่
แต่สำหรับในประเทศฝั่งตะวันตก ก็ยังถือเป็นโจทย์หินสำหรับธุรกิจความงามเกาหลีอยู่
อย่างในกรณีของ Amorepacific บริษัทความงามรายใหญ่อันดับต้น ๆ ของเกาหลีใต้ ก็ยังมีสัดส่วนรายได้นอกเอเชียเพียงแค่ 2.2% จากรายได้ทั้งหมด
และยิ่งถ้าหากเป็นประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มีแบรนด์เจ้าตลาดหน้าเดิม ๆ อยู่แล้ว
ประกอบกับเรื่องของ “สไตล์” การแต่งหน้าที่คนนิยม ก็ยังดูแตกต่างจากฝั่งเกาหลีกันคนละขั้ว
ประกอบกับเรื่องของ “สไตล์” การแต่งหน้าที่คนนิยม ก็ยังดูแตกต่างจากฝั่งเกาหลีกันคนละขั้ว
ทั้งหมดนี้ทำให้การเข้าไปบุกตลาดในสหรัฐอเมริกา ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเครื่องสำอางเกาหลีเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม กลับมีแบรนด์สาย K-Beauty อย่าง “Glow Recipe” ที่ฝันใหญ่ และอยากจะทำให้สกินแคร์เกาหลี ไปเติบโตในประเทศฝั่งตะวันตกได้
และในวันนี้ Glow Recipe ก็ดูจะกำลังไปได้ดีกับเส้นทางที่เลือก
ที่สำคัญคือ แบรนด์นี้ไม่ได้เป็นผลงานของบริษัทยักษ์ใหญ่
แต่เกิดขึ้นโดยหญิงสาวชาวเกาหลี 2 คนที่อาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา..
แต่เกิดขึ้นโดยหญิงสาวชาวเกาหลี 2 คนที่อาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา..
เรื่องราวของ Glow Recipe น่าสนใจอย่างไร ? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
Glow Recipe ก่อตั้งโดยคุณ Christine Chang และคุณ Sarah Lee
ซึ่งทั้งคู่รู้จักกันตอนที่กำลังทำงานอยู่ในบริษัท L’Oréal ประเทศเกาหลีใต้
ก่อนที่จะได้ย้ายมาทำงานอยู่ใน L’Oréal ประเทศสหรัฐอเมริกาด้วยกัน
ซึ่งทั้งคู่รู้จักกันตอนที่กำลังทำงานอยู่ในบริษัท L’Oréal ประเทศเกาหลีใต้
ก่อนที่จะได้ย้ายมาทำงานอยู่ใน L’Oréal ประเทศสหรัฐอเมริกาด้วยกัน
ที่น่าสนใจคือ พวกเธอเป็นพนักงานเกาหลีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ที่ได้ทำงานอยู่ในตำแหน่งนักการตลาดระดับสูงของบริษัท
และด้วยความที่พวกเธอทำงานอยู่ในอุตสาหกรรมความงามในสหรัฐอเมริกา ผนวกกับพวกเธอเองก็เป็นชาวเกาหลี ทำให้พวกเธอมองเห็นโอกาสในตัวสินค้าความงามของเกาหลี
แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่ว่าทุกแบรนด์ของเกาหลีจะสามารถขยายไปสู่ระดับโลกได้
ทำให้ในปี 2014 พวกเธอตัดสินใจลาออกจากบริษัท L’Oréal และก่อตั้ง Glow Recipe ขึ้น
ทำให้ในปี 2014 พวกเธอตัดสินใจลาออกจากบริษัท L’Oréal และก่อตั้ง Glow Recipe ขึ้น
ซึ่งในตอนนั้น Glow Recipe ยังไม่ได้มีสถานะเป็นแบรนด์สกินแคร์อย่างในปัจจุบัน
แต่จะอยู่ในรูปแบบของ แพลตฟอร์มที่เป็นตัวกลางให้กับแบรนด์ความงามเกาหลีรายย่อย สามารถมาวางขายสินค้าในสหรัฐอเมริกา เพื่อเป็นการลดช่องว่างให้กับแบรนด์เกาหลีในตลาดสหรัฐฯ
แต่จะอยู่ในรูปแบบของ แพลตฟอร์มที่เป็นตัวกลางให้กับแบรนด์ความงามเกาหลีรายย่อย สามารถมาวางขายสินค้าในสหรัฐอเมริกา เพื่อเป็นการลดช่องว่างให้กับแบรนด์เกาหลีในตลาดสหรัฐฯ
แต่ด้วยความที่ทั้งคู่ได้ใช้ชีวิตแบบ 2 วัฒนธรรมระหว่างเอเชียและตะวันตก
ทำให้พวกเธอมองเห็นศักยภาพของธุรกิจความงามแบบเกาหลี
ทำให้พวกเธอมองเห็นศักยภาพของธุรกิจความงามแบบเกาหลี
ทั้งคู่จึงเปลี่ยนเส้นทางจากการเป็นตัวกลาง มาเป็นการสร้างแบรนด์ของตัวเองแทน และสกินแคร์แบรนด์ Glow Recipe ก็ถือกำเนิดขึ้น..
โดยในตอนแรกที่คุณ Christine Chang และคุณ Sarah Lee เริ่มหันมาทำแบรนด์สกินแคร์ของตัวเอง
ทั้งคู่ก็เคยมีโอกาสได้ไปออกรายการ Shark Tank ในปี 2015 เพื่อหาเงินในการลงทุนสำหรับธุรกิจ
ทั้งคู่ก็เคยมีโอกาสได้ไปออกรายการ Shark Tank ในปี 2015 เพื่อหาเงินในการลงทุนสำหรับธุรกิจ
ซึ่งแม้ว่า Glow Recipe จะผ่านการคัดเลือกในรายการแล้ว แต่สุดท้ายพวกเธอก็ไม่ได้ร่วมลงทุนกับกรรมการอยู่ดี
อย่างไรก็ตาม การไปออกรายการในครั้งนั้นก็ช่วยให้พวกเธอทั้งคู่ได้รับคำแนะนำดี ๆ จากเหล่ากรรมการ และนำมาพัฒนาแบรนด์ของตัวเองต่อในภายหลัง
จนในปี 2017 สกินแคร์ของ Glow Recipe ก็เปิดตัวออกมาให้ทุกคนได้ประจักษ์
โดยสินค้าตัวแรกของ Glow Recipe คือ “มาสก์หน้าแตงโม” ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากคุณยาย
ที่เคยเอาไวน์จากแตงโมมาพอกหน้า เพื่อลดอาการแสบร้อนผิวในช่วงหน้าร้อนที่เกาหลีใต้นั่นเอง
ที่เคยเอาไวน์จากแตงโมมาพอกหน้า เพื่อลดอาการแสบร้อนผิวในช่วงหน้าร้อนที่เกาหลีใต้นั่นเอง
แล้วสกินแคร์ของ Glow Recipe มีจุดเด่นตรงไหน ทำไมจึงกลายเป็นที่โด่งดังในตลาดสหรัฐฯ ?
อย่างแรกคือ นวัตกรรมแบบเกาหลี ที่ยังไม่ค่อยมีให้พบเห็นในสกินแคร์ฝั่งตะวันตก
เช่น เนื้อสัมผัสแบบเจลลีเด้งดึ๋ง ที่สามารถคืนตัวได้หลังใช้งาน หรือกลิ่นของสกินแคร์
ที่คล้ายกับผลไม้จริงมาก ๆ รวมถึงเอฟเฟกต์ผลลัพธ์ที่สามารถมองเห็นได้ในข้ามคืน
เช่น เนื้อสัมผัสแบบเจลลีเด้งดึ๋ง ที่สามารถคืนตัวได้หลังใช้งาน หรือกลิ่นของสกินแคร์
ที่คล้ายกับผลไม้จริงมาก ๆ รวมถึงเอฟเฟกต์ผลลัพธ์ที่สามารถมองเห็นได้ในข้ามคืน
อย่างต่อมาคือ ความสดใหม่ของแบรนด์ ที่มีการนำเอาบรรจุภัณฑ์ที่สีสันสดใสมานำเสนอ
ซึ่งแตกต่างจากแบรนด์อื่น ๆ ที่มีอยู่ในท้องตลาดที่มักจะมีดีไซน์แบบเรียบ ๆ หรู ๆ ทำให้ความแตกต่างนี้ ช่วยดึงดูดสายตาของคนที่ผ่านไปมาได้อย่างดี
ซึ่งแตกต่างจากแบรนด์อื่น ๆ ที่มีอยู่ในท้องตลาดที่มักจะมีดีไซน์แบบเรียบ ๆ หรู ๆ ทำให้ความแตกต่างนี้ ช่วยดึงดูดสายตาของคนที่ผ่านไปมาได้อย่างดี
อีกด้านหนึ่งคือ สิ่งที่แบรนด์ Glow Recipe อยากจะสื่อสารออกมา ก็คือ “ความสุนทรีย์”
หลายคนที่ไม่ชอบทาสกินแคร์บนหน้า อาจจะเป็นเพราะภาพจำเดิม ๆ ที่เคยมีในอดีต
เช่น ครีมที่ไม่มีสารเคมีต้องไม่มีกลิ่น หรือมีกลิ่นยา ในขณะเดียวกันก็อาจมีสัมผัส
แบบเหนียวหนึบหน้า ตื่นมาแล้วหน้ามันเป็นเงา
เช่น ครีมที่ไม่มีสารเคมีต้องไม่มีกลิ่น หรือมีกลิ่นยา ในขณะเดียวกันก็อาจมีสัมผัส
แบบเหนียวหนึบหน้า ตื่นมาแล้วหน้ามันเป็นเงา
ซึ่งทำให้บางคนก็มองว่า ช่วงเวลาของการทาสกินแคร์เป็นเรื่อง “น่าเบื่อ”
และเรื่องนี้เองที่ Glow Recipe เข้ามาเปลี่ยนแปลงความ “น่าเบื่อ” ให้กลายเป็น “ความสนุก”
สำหรับคนที่เคยไม่ชอบสกินแคร์เพียงแค่เพราะกลิ่นหรือสัมผัส เมื่อมาเจอกับ Glow Recipe
ก็อาจจะทำให้มุมมองต่อสกินแคร์เปลี่ยนไป และตรงจุดนี้ก็อาจจะเป็นจุดหนึ่ง
ที่ทำให้ Glow Recipe ประสบความสำเร็จ
ก็อาจจะทำให้มุมมองต่อสกินแคร์เปลี่ยนไป และตรงจุดนี้ก็อาจจะเป็นจุดหนึ่ง
ที่ทำให้ Glow Recipe ประสบความสำเร็จ
จนทำให้ตั้งแต่ก่อตั้งแบรนด์ขึ้นมา ก็สามารถสร้างรายได้ไปได้ถึง 1,900 ล้านบาท
ซึ่งเรื่องราวของ Glow Recipe ก็ถือเป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาที่น่าสนใจ เพราะเป็นการทำสินค้าออกมาได้เหมาะสมกับจังหวะเวลาเป็นอย่างมาก
เนื่องจากผู้ก่อตั้งทั้งสองที่มองเห็นว่าเทรนด์ความงามของเกาหลีกำลังเติบโต
ดังนั้นการทำสินค้ามารองรับเทรนด์ในสถานที่ที่ยังไม่ค่อยมีสินค้ามาตอบโจทย์ หรือมีการเข้าถึงของสินค้ายาก จึงส่งผลให้เมื่อเปิดตัว แบรนด์ก็กลายเป็นที่ยอมรับได้ไม่ยาก
และจากเรื่องนี้จึงอาจพูดได้ว่าความสำเร็จไม่ใช่แค่สินค้าที่ดี นวัตกรรมที่เจ๋ง
แต่การมาถึงของสินค้า และเทรนด์ที่ถูกที่ถูกเวลาก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน..
แต่การมาถึงของสินค้า และเทรนด์ที่ถูกที่ถูกเวลาก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน..
References:
-https://www.fastcompany.com/90594134/how-glow-recipes-co-ceos-turned-skincare-into-entertainment
-https://www.inc.com/magazine/202104/brit-morse/glow-recipe-korean-skincare-brand-watermelon-mask.html
-https://katiecouric.com/health/glow-recipe-cofounders-share-beauty-secrets/
-https://www.sharktankblog.com/business/glow-recipe/
-https://www.youtube.com/watch?v=e7CJxiQBtg0
-https://www.fastcompany.com/90594134/how-glow-recipes-co-ceos-turned-skincare-into-entertainment
-https://www.inc.com/magazine/202104/brit-morse/glow-recipe-korean-skincare-brand-watermelon-mask.html
-https://katiecouric.com/health/glow-recipe-cofounders-share-beauty-secrets/
-https://www.sharktankblog.com/business/glow-recipe/
-https://www.youtube.com/watch?v=e7CJxiQBtg0