Business
Huda Kattan จากบิวตีบล็อกเกอร์ สู่ เศรษฐินีหมื่นล้าน
25 มิ.ย. 2021
Huda Kattan จากบิวตีบล็อกเกอร์ สู่ เศรษฐินีหมื่นล้าน /โดย ลงทุนเกิร์ล
จากเด็กผู้หญิงที่ไม่มั่นใจกับชาติกำเนิดของตัวเอง เพราะเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายอิรัก
เคยโดนเพื่อนล้อ จนอยากเปลี่ยนชื่อ และรูปลักษณ์ของตัวเอง จนต้องเริ่มแต่งหน้าตั้งแต่อายุ 12 ปี
เคยโดนเพื่อนล้อ จนอยากเปลี่ยนชื่อ และรูปลักษณ์ของตัวเอง จนต้องเริ่มแต่งหน้าตั้งแต่อายุ 12 ปี
เริ่มต้นงานแรก ก็จบลงด้วยการถูกไล่ออก เลยผันตัวมาเป็น บิวตีบล็อกเกอร์
แล้วไปยืมเงินจากพี่สาวมาเริ่มต้นธุรกิจแรก จนวันนี้กลายเป็นธุรกิจที่มียอดขายปีละ 7,800 ล้านบาท
แล้วไปยืมเงินจากพี่สาวมาเริ่มต้นธุรกิจแรก จนวันนี้กลายเป็นธุรกิจที่มียอดขายปีละ 7,800 ล้านบาท
นี่คือส่วนหนึ่งของเรื่องจริง ที่ยิ่งกว่านิยายของผู้หญิงที่ชื่อว่า Huda Kattan ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Huda Beauty
ซึ่งนิตยสารฟอร์บส์ จัดให้เธออยู่ในทำเนียบเศรษฐินีที่สร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นมาด้วยตัวเอง จนรวยที่สุดในอเมริกา ถึง 3 ปีซ้อน ตั้งแต่ปี 2018 ด้วยมูลค่าทรัพย์สินราว 16,000 ล้านบาท
ซึ่งนิตยสารฟอร์บส์ จัดให้เธออยู่ในทำเนียบเศรษฐินีที่สร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นมาด้วยตัวเอง จนรวยที่สุดในอเมริกา ถึง 3 ปีซ้อน ตั้งแต่ปี 2018 ด้วยมูลค่าทรัพย์สินราว 16,000 ล้านบาท
หลายคนอาจสงสัยว่า จากเด็กผู้หญิงที่มีปม
อะไรคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้กล้าลุกขึ้นมาเป็นบิวตีบล็อกเกอร์ไม่พอ ยังผันตัวมาสร้างธุรกิจ
และกลายเป็นเศรษฐีหมื่นล้านในเวลาเพียงไม่ถึง 10 ปี ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
อะไรคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้กล้าลุกขึ้นมาเป็นบิวตีบล็อกเกอร์ไม่พอ ยังผันตัวมาสร้างธุรกิจ
และกลายเป็นเศรษฐีหมื่นล้านในเวลาเพียงไม่ถึง 10 ปี ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
อย่างที่เกริ่นไว้ตอนต้นว่า คุณ Huda เป็นชาวอเมริกันก็จริง แต่มีเชื้อสายอิรัก
เพราะคุณพ่อคุณแม่ของเธอเป็นชาวอิรักที่อพยพมาอยู่ที่สหรัฐอเมริกา
เพราะคุณพ่อคุณแม่ของเธอเป็นชาวอิรักที่อพยพมาอยู่ที่สหรัฐอเมริกา
แม้ว่าในเวลานี้ เราจะเห็นเธอในภาพสาวสุดมั่น
แต่ใครจะไปคิดว่า สมัยเด็กเธอไม่มั่นใจในตัวเองเอาเสียเลย
เพราะมักโดนเพื่อนล้อเกี่ยวกับเชื้อชาติ จนถึงขั้นเคยแอบเปลี่ยนชื่อของเธอเป็น Heidi
และพยายามเปลี่ยนรูปลักษณ์ของตัวเอง ด้วยการแต่งหน้าให้หนา ๆ ตั้งแต่อายุ 12 ปี
หลังเรียนจบด้านการเงินจากมหาวิทยาลัย Michigan-Dearborn ในปี 2008
ซึ่งเป็นช่วงที่สหรัฐอเมริกาเกิดวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์พอดี
คู่หมั้นของคุณ Huda จึงชวนเธอย้ายไปอยู่ดูไบหลังจากแต่งงาน เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่
แต่ใครจะไปคิดว่า สมัยเด็กเธอไม่มั่นใจในตัวเองเอาเสียเลย
เพราะมักโดนเพื่อนล้อเกี่ยวกับเชื้อชาติ จนถึงขั้นเคยแอบเปลี่ยนชื่อของเธอเป็น Heidi
และพยายามเปลี่ยนรูปลักษณ์ของตัวเอง ด้วยการแต่งหน้าให้หนา ๆ ตั้งแต่อายุ 12 ปี
หลังเรียนจบด้านการเงินจากมหาวิทยาลัย Michigan-Dearborn ในปี 2008
ซึ่งเป็นช่วงที่สหรัฐอเมริกาเกิดวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์พอดี
คู่หมั้นของคุณ Huda จึงชวนเธอย้ายไปอยู่ดูไบหลังจากแต่งงาน เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่
ในตอนนั้นคุณ Huda ได้งานเป็นพนักงานด้านการเงินในบริษัทที่ปรึกษาแห่งหนึ่ง
แต่ทำงานได้ไม่กี่เดือน เธอก็ถูกให้ออกจากงาน เพราะเจ้านายมองว่าเธอไม่เหมาะกับงานนี้
แม้ว่าเธอจะทุ่มเทให้กับการทำงานอย่างมาก มาถึงออฟฟิศเป็นคนแรก และกลับเป็นคนสุดท้าย
แต่ทำงานได้ไม่กี่เดือน เธอก็ถูกให้ออกจากงาน เพราะเจ้านายมองว่าเธอไม่เหมาะกับงานนี้
แม้ว่าเธอจะทุ่มเทให้กับการทำงานอย่างมาก มาถึงออฟฟิศเป็นคนแรก และกลับเป็นคนสุดท้าย
หลังจากออกจากงาน เธอไปสมัครงานที่บริษัทประชาสัมพันธ์
แต่ทำได้แค่ 2 สัปดาห์ก็ตัดสินใจลาออก เพราะรู้สึกว่าไม่ใช่ทาง
แต่ทำได้แค่ 2 สัปดาห์ก็ตัดสินใจลาออก เพราะรู้สึกว่าไม่ใช่ทาง
ในจังหวะที่ชีวิตกำลังหลงทางนั้นเอง ก็เป็นช่วงที่มีข่าวการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของ Michael Jackson ราชาเพลงพ็อปพอดี
ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้น ได้สร้างจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในชีวิตของคุณ Huda
จนเธอต้องกลับมาถามตัวเองอีกครั้งว่า ในขณะนั้นที่ Michael Jackson ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักก่อนจะลาโลกนี้ไป แล้วเธอล่ะ กำลังทำอะไรอยู่ ?
จนเธอต้องกลับมาถามตัวเองอีกครั้งว่า ในขณะนั้นที่ Michael Jackson ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักก่อนจะลาโลกนี้ไป แล้วเธอล่ะ กำลังทำอะไรอยู่ ?
จากคำถามธรรมดา แต่ตอบไม่ง่ายนี้
พอบวกกับแรงยุของพี่สาวที่เห็นว่าเธอชื่นชอบเรื่องการแต่งหน้ามาตั้งแต่เด็ก
เลยเชียร์ให้เธอเดินตามแพสชัน ด้วยการไปเรียนในสิ่งที่ชอบ
พอบวกกับแรงยุของพี่สาวที่เห็นว่าเธอชื่นชอบเรื่องการแต่งหน้ามาตั้งแต่เด็ก
เลยเชียร์ให้เธอเดินตามแพสชัน ด้วยการไปเรียนในสิ่งที่ชอบ
ในที่สุด คุณ Huda ก็ตัดสินใจเดินทางไปลาสเวกัส เพื่อสมัครเข้าเรียนในโรงเรียนสอนแต่งหน้าชื่อดัง
ซึ่งเป็นใบเบิกทางที่ทำให้ เธอได้เข้าสู่โลกแห่งความงามอย่างเต็มตัว
ซึ่งเป็นใบเบิกทางที่ทำให้ เธอได้เข้าสู่โลกแห่งความงามอย่างเต็มตัว
เริ่มจากการเป็นเมกอัปอาร์ติสต์ ซึ่งฝีมือของเธอก็ไม่ธรรมดา
มีลูกค้าเป็นคนดังอย่าง Eva Longoria และ Nicole Richie สองนักแสดงชื่อดัง
มีลูกค้าเป็นคนดังอย่าง Eva Longoria และ Nicole Richie สองนักแสดงชื่อดัง
เธอสั่งสมการทำงานเป็นเมกอัปอาร์ติสต์อยู่ที่สหรัฐอเมริกาไม่นาน ก็เดินทางกลับมาที่ดูไบ
และได้ร่วมงานกับแบรนด์เครื่องสำอางชื่อดังอย่าง Revlon
ก่อนจะผันตัวมาเป็นบิวตีบล็อกเกอร์ ในปี 2010
และได้ร่วมงานกับแบรนด์เครื่องสำอางชื่อดังอย่าง Revlon
ก่อนจะผันตัวมาเป็นบิวตีบล็อกเกอร์ ในปี 2010
ซึ่งนอกจากที่ คุณ Huda จะนำความรู้ด้านการแต่งหน้ามาเผยแพร่แล้ว
เธอยังนำประสบการณ์จากการเป็นช่างแต่งหน้า ที่ได้มีโอกาสเจอเมกอัปอาร์ติสต์, คนดัง ไปจนถึงช่างภาพมาแบ่งปันด้วย โดยตั้งชื่อบล็อกว่า Huda Beauty
เธอยังนำประสบการณ์จากการเป็นช่างแต่งหน้า ที่ได้มีโอกาสเจอเมกอัปอาร์ติสต์, คนดัง ไปจนถึงช่างภาพมาแบ่งปันด้วย โดยตั้งชื่อบล็อกว่า Huda Beauty
แรก ๆ กระแสตอบรับ ก็ยังไม่มากเท่าที่ควร
แต่ด้วยเลือดนักสู้ในตัว เธอก็ให้กำลังใจตัวเอง ด้วยการตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ
เริ่มจากการเป็นบิวตีบล็อกเกอร์ที่โด่งดังในแถบตะวันออกกลาง
ก่อนจะอัปเลเวลไปเป็นบล็อกเกอร์ชื่อดังที่คนทั้งโลกรู้จัก
แต่ด้วยเลือดนักสู้ในตัว เธอก็ให้กำลังใจตัวเอง ด้วยการตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ
เริ่มจากการเป็นบิวตีบล็อกเกอร์ที่โด่งดังในแถบตะวันออกกลาง
ก่อนจะอัปเลเวลไปเป็นบล็อกเกอร์ชื่อดังที่คนทั้งโลกรู้จัก
ผ่านไป 1 ปี ฝันก็ค่อย ๆ กลายเป็นจริง เธอเริ่มมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น
จนปัจจุบันเธอมีผู้ติดตามในอินสตาแกรมมากถึง 48.6 ล้านบัญชี
ในเมื่ออาชีพบิวตีบล็อกเกอร์ก็ไปได้สวย แล้วคุณ Huda ผันตัวมาเป็นนักธุรกิจได้อย่างไร ?
จนปัจจุบันเธอมีผู้ติดตามในอินสตาแกรมมากถึง 48.6 ล้านบัญชี
ในเมื่ออาชีพบิวตีบล็อกเกอร์ก็ไปได้สวย แล้วคุณ Huda ผันตัวมาเป็นนักธุรกิจได้อย่างไร ?
หลายคนอาจคิดว่า เป็นธรรมดาที่บิวตีบล็อกเกอร์ส่วนใหญ่ มักต่อยอดชื่อเสียงและฐานแฟนคลับด้วยการทำแบรนด์ความงาม
แต่สำหรับคุณ Huda เธอกลับไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่า วันหนึ่งจะมาทำธุรกิจ
แต่สำหรับคุณ Huda เธอกลับไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่า วันหนึ่งจะมาทำธุรกิจ
จนกระทั่งวันหนึ่ง เธอเจอ Pain Point กับตัวเองว่า ไม่สามารถหาขนตาปลอมที่มีคุณภาพที่พอใจได้
และที่ผ่านมา เวลาไปรับจ้างแต่งหน้า เธอต้องแก้ปัญหาด้วยการดัดแปลงขนตาปลอมที่มี เพื่อให้เข้ากับรูปตาของลูกค้าอยู่เสมอ
และที่ผ่านมา เวลาไปรับจ้างแต่งหน้า เธอต้องแก้ปัญหาด้วยการดัดแปลงขนตาปลอมที่มี เพื่อให้เข้ากับรูปตาของลูกค้าอยู่เสมอ
ซึ่งผลปรากฏว่า ลูกค้าที่ไม่รู้ว่า เบื้องหลังขนตาปลอมที่เข้ากับรูปตานั้น เป็นฝีมือของคุณ Huda จึงมีคนติดต่อมาขอซื้อ
พอเป็นแบบนี้ พี่สาวของคุณ Huda เลยยุให้ทำแบรนด์ขนตาปลอมของตัวเองเสียเลย
ด้วยความที่ตอนนั้น เธอก็ยังไม่ได้มีเงินเก็บมากพอ จึงต้องหยิบยืมเงินจากพี่สาวและน้องสาว
จนได้เงินทุนตั้งต้น 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ ราว 3 แสนบาท
พร้อมนำประสบการณ์ทั้งหมดที่มี ทั้งในฐานะเมกอัปอาร์ติสต์ บิวตีบล็อกเกอร์ และฟีดแบ็กจากผู้ชม มาพัฒนาสินค้า
จนได้เงินทุนตั้งต้น 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ ราว 3 แสนบาท
พร้อมนำประสบการณ์ทั้งหมดที่มี ทั้งในฐานะเมกอัปอาร์ติสต์ บิวตีบล็อกเกอร์ และฟีดแบ็กจากผู้ชม มาพัฒนาสินค้า
จนในปี 2013 Huda Beauty จึงได้กลายร่างมาสู่แบรนด์ความงามเต็มตัว
โดยมีสินค้าตัวแรก คือ ขนตาปลอม นั่นเอง
โดยมีสินค้าตัวแรก คือ ขนตาปลอม นั่นเอง
และก็เป็นไปตามคาด ขนตาปลอมที่พัฒนามาอย่างไร้ที่ติ ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
ขายหมดตั้งแต่วันแรกไม่พอ ยังมีลูกค้าคนดังอย่าง Kim Kardashian
ซึ่งเป็นเหมือนสปริงบอร์ดที่ทำให้แบรนด์ปังตั้งแต่เริ่มต้น
ขายหมดตั้งแต่วันแรกไม่พอ ยังมีลูกค้าคนดังอย่าง Kim Kardashian
ซึ่งเป็นเหมือนสปริงบอร์ดที่ทำให้แบรนด์ปังตั้งแต่เริ่มต้น
เพียงแค่ปีแรกที่เปิดตัว Huda Beauty สามารถทำยอดขายได้ 47 ล้านบาท
และทะยานเป็น 312 ล้านบาทในปีถัดมา
ซึ่งล่าสุด นิตยสารฟอร์บส์ ก็ได้คาดการณ์ว่า ปี 2020 Huda Beauty จะมียอดขายไม่ต่ำกว่า 7,800 ล้านบาท
และทะยานเป็น 312 ล้านบาทในปีถัดมา
ซึ่งล่าสุด นิตยสารฟอร์บส์ ก็ได้คาดการณ์ว่า ปี 2020 Huda Beauty จะมียอดขายไม่ต่ำกว่า 7,800 ล้านบาท
เหตุผลที่ใช้เวลาไม่ถึง 10 ปี Huda Beauty ก็สามารถโตระเบิด
เพราะปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของ Huda Beauty มีหลากหลายมากกว่า 140 ไอเทม ตั้งแต่รองพื้น คอนซีลเลอร์ ลิปสติก บลัชออน และอีกมากมาย
นอกจากนี้ยังมีการแตกไลน์ไปสู่ผลิตภัณฑ์กลุ่มสกินแคร์ ภายใต้ชื่อ WISHFUL อีกด้วย
เพราะปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของ Huda Beauty มีหลากหลายมากกว่า 140 ไอเทม ตั้งแต่รองพื้น คอนซีลเลอร์ ลิปสติก บลัชออน และอีกมากมาย
นอกจากนี้ยังมีการแตกไลน์ไปสู่ผลิตภัณฑ์กลุ่มสกินแคร์ ภายใต้ชื่อ WISHFUL อีกด้วย
นอกจากนี้ด้วยแต้มต่อจากการที่คุณ Huda มีฐานแฟนติดตามอยู่ทั่วโลก ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว
แต่ก็อย่าลืมว่า ต่อให้จะมีแต้มต่อที่ดี แต่ถ้าสินค้าไม่ได้มีคุณภาพดี น่าใช้ ก็ยากที่จะรักษาฐานลูกค้าไว้ได้เช่นกัน
โดยเฉพาะถ้าหวังจะให้แบรนด์ไม่ได้เป็นแค่กระแส ที่จุดพลุแล้วดูสวยงามเพียงชั่วพริบตา ก็หายวับ
โดยเฉพาะถ้าหวังจะให้แบรนด์ไม่ได้เป็นแค่กระแส ที่จุดพลุแล้วดูสวยงามเพียงชั่วพริบตา ก็หายวับ
เพราะถ้าถามว่า อะไรคือเป้าหมายของ Huda Beauty จากนี้
แน่นอนว่า คำตอบ ไม่ใช่แค่ยอดขายที่เพิ่มขึ้น หรือการขยายช่องทาง แตกไลน์ผลิตภัณฑ์ไปจับกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ
แน่นอนว่า คำตอบ ไม่ใช่แค่ยอดขายที่เพิ่มขึ้น หรือการขยายช่องทาง แตกไลน์ผลิตภัณฑ์ไปจับกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ
แต่คุณ Huda ฝันใหญ่ ถึงขั้นอยากจะสร้างอาณาจักรความงามเทียบชั้นกับแบรนด์ยักษ์ใหญ่ อย่าง L'Oréal, Estee Lauder และ Coty เลยทีเดียว
จากนี้คงต้องติดตามว่า แล้วเส้นทางปั้นแบรนด์สู่อาณาจักร Huda Beauty จะเป็นอย่างไรต่อไป
แต่คนเรา ขอแค่หัวใจไม่ยอมแพ้ ไม่ว่าเป้าหมายจะยากหรือลำบากแค่ไหนก็ไปถึงได้
เหมือนอย่างที่คุณ Huda บอกว่า “เราไม่มีทางรู้ความสามารถของตัวเองได้เลย จนกว่าจะได้ลองพยายาม”
แต่คนเรา ขอแค่หัวใจไม่ยอมแพ้ ไม่ว่าเป้าหมายจะยากหรือลำบากแค่ไหนก็ไปถึงได้
เหมือนอย่างที่คุณ Huda บอกว่า “เราไม่มีทางรู้ความสามารถของตัวเองได้เลย จนกว่าจะได้ลองพยายาม”
และด้วยความเชื่อนี้เอง เลยเป็นเหตุผลที่ทำให้เธออยากจุดประกายให้คนตัวเล็กกล้าที่จะฝัน
ที่น่าสนใจคือ เธอไม่ได้เลือกที่จะเดินตามความฝันเพียงคนเดียว
โดยในปี 2017 คุณ Huda ยังได้ตัดสินใจตั้งกองทุนที่ชื่อ HB Angels
เพื่อสนับสนุนคนที่อยากสร้างธุรกิจ ได้ทำความฝันให้เป็นจริงด้วย..
ที่น่าสนใจคือ เธอไม่ได้เลือกที่จะเดินตามความฝันเพียงคนเดียว
โดยในปี 2017 คุณ Huda ยังได้ตัดสินใจตั้งกองทุนที่ชื่อ HB Angels
เพื่อสนับสนุนคนที่อยากสร้างธุรกิจ ได้ทำความฝันให้เป็นจริงด้วย..