รู้จัก คุณหมิว Big One ทายาทรุ่น 2 ที่เปลี่ยนความชอบให้เป็นอาณาจักรขนม-ของเล่น พันล้าน
FoodBusiness

รู้จัก คุณหมิว Big One ทายาทรุ่น 2 ที่เปลี่ยนความชอบให้เป็นอาณาจักรขนม-ของเล่น พันล้าน

11 เม.ย. 2025
“ทำเพื่อความฟินของลูกค้าและตัวเรา ก่อนจะมองถึงกำไร” 
ประโยคนี้มาจากคุณหมิว-ปวิตรา ทัศวิชัย หรือคุณหมิว Big One ซีอีโอและทายาท Big One Group 
ถึงแม้คุณหมิวจะพูดอย่างนั้น แต่เธอก็สามารถพาอาณาจักรขนม-ของเล่นสุดคลาสสิกนี้ ไปสู่ยุคใหม่ที่สดใส จนในปีล่าสุดสามารถทำรายได้ทะลุ 1,300 ล้านบาทเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม การเป็นทายาทรุ่น 2 ที่เข้ามารับช่วงต่อธุรกิจของครอบครัว ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ยิ่งเมื่อธุรกิจที่รับไม้ต่อ มีทั้งช่วงรุ่งโรจน์และผ่านช่วงวิกฤติมาพอสมควร 
แล้วคุณหมิวผ่านความท้าทายนี้มาได้อย่างไร ? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
Big One Group เป็นบริษัทผลิตขนมชั้นนำของประเทศไทย เปิดตัวในปี 2532 หรือเมื่อ 36 ปีก่อน
โดยแบรนด์ในเครืออย่าง BIGGA, OK และ Biskio ถือเป็นแบรนด์ขนมในความทรงจำที่โตมาพร้อมกับเด็กยุค 90 เพราะขนมเหล่านี้ไม่เพียงแค่มีรสชาติอร่อย แต่ยังมาพร้อมกับของเล่น
ตัวอย่างเมื่อก่อน เช่น ขนมข้าวโพดอบกรอบ BIGGA ที่ซื้อขนมแล้วได้การ์ดตัวละครดิจิมอน หรือได้การ์ดแม่มดน้อยโดเรมี การ์ตูนยอดนิยมในช่วงนั้น
แต่มาตอนนี้ ในวันที่ตลาดขนมเต็มไปด้วยผลิตภัณฑ์ล่อตาล่อใจเด็ก ๆ 
คุณหมิว Big One ในฐานะรุ่นที่ 2 ของบริษัท จึงมาพร้อมแนวคิดใหม่ เลือกพัฒนา “ของพรีเมียม” อย่างที่หลายคนน่าจะเคยเห็นสินค้าไวรัลใน 7-Eleven ไม่ว่าจะเป็น
- กิ๊บติดผมลาย Hello Kitty ที่พ่วงมากับลูกอมตรา OK 
- พวงกุญแจ การ์ดโฮลเดอร์ลาย Esther Bunny ที่พ่วงมากับลูกอมตรา OK 
- กระเป๋าใส่บัตรลาย The Powerpuff Girls ที่พ่วงมากับขนมเวเฟอร์ตรา BIGGA 
- สายคล้องคอลาย Care Bears ที่พ่วงมากับข้าวโพดอบกรอบตรา BIGGA
ก็ล้วนมาจาก Big One Group ด้วยการที่คุณหมิวใช้การฟังเสียงจากลูกค้า (Social Listening) ว่าลูกค้าต้องการอะไร พร้อมกับใช้ Passion ส่วนตัวในการเลือกขอดีลกับบริษัทระดับโลก เพื่อนำของเล่นถูกลิขสิทธิ์มาเป็นของพรีเมียมในซองขนม ภายใต้แนวคิดที่ว่า “ชอบอะไรก็ทำอย่างนั้น” และต้องทำให้สุดทาง 
ยกตัวอย่าง Hello Kitty ที่คุณหมิวชอบมาตั้งแต่เด็ก เธอจึงดีลติดต่อขอลิขสิทธิ์จาก Sanrio เพื่อวางขายของพรีเมียมแบบถูกลิขสิทธิ์ เช่น กิ๊บ ยางรัดผม สติกเกอร์ หรือพวงกุญแจ 
ซึ่งลูกค้าสามารถใช้งานของพรีเมียมเหล่านี้ได้จริงในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่แค่ของเล่นสะสมที่อยู่บนชั้นเก็บฝุ่น หรือของเล่นหลอกเด็กอย่างที่ใครอาจจะมอง
ที่สำคัญ สินค้าของ Big One Group ก็ไม่ได้มีแค่ความน่ารัก แต่ยังมีคุณภาพดีเกินราคา
เนื่องจาก คุณหมิวเชื่อว่าโปรดักต์ที่ดีเป็นการให้เกียรติลูกค้า เมื่อของดีจริง ท้ายที่สุดคนจะตามหา และกลับมาซื้อสินค้าของเราเรื่อย ๆ 
เธอจึงใส่ใจในทุกกระบวนการ ตั้งแต่การเลือกวัสดุ การออกแบบสี อาร์ตเวิร์ก ความทนทานของสินค้า ถึงขั้นทดลองใช้ของพรีเมียมทุก ๆ โปรดักต์ด้วยตัวเอง เช่น  
- สายคล้องคอ ต้องซักมือได้ง่าย สะอาดเหมือนใหม่แม้ใช้ทุกวัน
- ยางรัดผม ต้องทน ไม่ยืด ใช้ซ้ำได้หลายครั้ง และที่สำคัญต้องไม่ทิ้งรอยรัดผมหลังถอด
- กิ๊บติดผม ต้องไม่หนีบหรือดึงผมให้เจ็บ และยาวพอจะรวบผมคนผมยาวได้
ซึ่งการที่เธอใส่ใจทุกรายละเอียด เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดนี้เอง ที่เป็น Key Success ของแบรนด์ โดยไม่ต้องซื้อโฆษณาแพง ๆ เลยสักบาท แต่กลับได้ผลตอบรับที่เกินคาด
นอกจากนี้ อีกหนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญของ Big One Group ก็คือ การได้เป็นพาร์ตเนอร์อย่างเป็นทางการในประเทศไทยของ Bandai Namco เจ้าของลิขสิทธิ์การ์ตูนดังมากมาย ภายใต้สินค้าแคนดี้ทอยส์ และกาชาปอง
ซึ่งทั้งสองบริษัท เป็นพาร์ตเนอร์กันช่วงปี 2543 โดย Bandai Namco เลือกจับมือกับ Big One Group เนื่องจากบริษัทมีความชำนาญในตลาดขนมสำหรับเด็ก และมีประสบการณ์การทำสินค้าลิขสิทธิ์เป็นอย่างดี 
จากความร่วมมือนี้ ทำให้ Big One Group กลายเป็นผู้นำเข้ากาชาปองเจ้าแรกในไทย ซึ่งปัจจุบันยังเป็นเจ้าของร้านกาชาปองที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย
ทีนี้ หากเรามาดูผลประกอบการในช่วงที่ผ่านมาของ Big One Group โดยแบ่งเป็น 2 ธุรกิจด้วยกัน
1. บริษัท บิ๊ก วัน ฟู้ดส์ จำกัด
ประกอบธุรกิจ ผลิตขนมขบเคี้ยวและขนมกรุบกรอบ
ปี 2564 รายได้ 165 ล้านบาท กำไร 14 ล้านบาท
ปี 2565 รายได้ 209 ล้านบาท กำไร 14 ล้านบาท
ปี 2566 รายได้ 303 ล้านบาท กำไร 26 ล้านบาท
2. บริษัท บิ๊ก วัน อินเตอร์เทรด จำกัด
ประกอบธุรกิจ จำหน่ายขนมของเล่น รวมถึงเป็นตัวแทนจำหน่ายของเล่นลิขสิทธิ์ เช่น Bandai
ปี 2564 รายได้ 694 ล้านบาท กำไร 21 ล้านบาท
ปี 2565 รายได้ 786 ล้านบาท กำไร 20 ล้านบาท
ปี 2566 รายได้ 1,003 ล้านบาท กำไร 31 ล้านบาท
จะเห็นได้ว่า ภายใต้การนำของคุณหมิว บริษัทสามารถเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะปีล่าสุดที่ทำยอดขายรวมทะลุ 1,300 ล้านบาท
ถ้ามองเพียงเท่านี้คงเรียกได้ว่าเส้นทางการทำงานของเธอ ก็น่าจะโรยไปด้วยกลีบกุหลาบ
แต่ใครจะรู้ว่าในช่วงที่เธอเพิ่งก้าวขึ้นมาเป็นซีอีโอ คุณหมิวต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมาย และหนึ่งในนั้นคือ การพยายามนำสินค้าเข้าไปในช่องทางขายที่สำคัญอย่าง 7-Eleven 
คุณหมิวทั้งส่งอีเมล โทรศัพท์ติดต่อ และถึงขั้นไปยืนรอหน้าตึกด้วยตัวเองเป็นประจำ เพื่อหาโอกาสฝากตัวอย่างสินค้าให้กับเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดซื้อ 
ด้วยความพยายามของเธอนี้เอง สุดท้ายสินค้าของ Big One Group ก็ได้เข้าไปวางขายใน 7-Eleven และกลายเป็นสินค้าไวรัล หลายผลิตภัณฑ์ขายหมดเกลี้ยงแทบทุกสาขา จนคนต้องขับรถตามหาไปตาม ๆ กัน
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ สิ่งที่เราสามารถเรียนรู้จากคุณหมิว Big One คือ การทำธุรกิจให้เติบโตไม่ใช่แค่การขายสินค้าดี ๆ แต่คือการสร้างประสบการณ์ที่มีคุณค่าให้กับลูกค้า 
และการที่คุณหมิวทำทุก ๆ สิ่งจากความมุมานะพยายามจริง ๆ นี่แหละคือจุดที่ทำให้ Big One Group ยังคงประสบความสำเร็จได้ในทุกยุคสมัย..
#BigOneGroup #Bigga #OkThinBiscuit #หมิวBigOne
References :
- เฟซบุ๊กเพจ Big One Snack
- กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
© 2025 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.