Business
Pharrell Williams ศิลปิน แฟชั่นไอคอน และนักธุรกิจ ที่รวย 9 พันล้าน
15 พ.ย. 2024
Pharrell Williams ศิลปิน แฟชั่นไอคอน และนักธุรกิจ ที่รวย 9 พันล้าน /โดย ลงทุนเกิร์ล
“Because I'm happy
Clap along if you feel like a room without a roof”
หลายคนอาจรู้จักคุณ Pharrell Williams จากเพลงดังอย่าง Happy
“Because I'm happy
Clap along if you feel like a room without a roof”
หลายคนอาจรู้จักคุณ Pharrell Williams จากเพลงดังอย่าง Happy
หรือจำเขาได้ในฐานะแฟชั่นไอคอน จากสไตล์การแต่งตัวอันโดดเด่น ถึงขั้นที่นิตยสาร Esquire เคยยกย่องว่าเขาเป็น “ชายที่แต่งตัวดีที่สุดในโลก”
แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า นอกจากความสำเร็จในวงการเพลงและวงการแฟชั่นแล้ว เขายังเป็นเจ้าของแบรนด์และได้เข้าไปลงทุนในอีกหลายธุรกิจ
เรื่องราวของคุณ Pharrell Williams น่าสนใจอย่างไร ?
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
คุณ Pharrell Williams เป็นนักร้อง นักดนตรี นักแต่งเพลง โปรดิวเซอร์ ชาวอเมริกัน ปัจจุบันอายุ 51 ปี
เส้นทางอาชีพของคุณ Williams เริ่มมาจากความหลงใหลด้านดนตรี ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลาย โดยเขาเป็นมือกลองของวงดนตรีโรงเรียนที่ชื่อว่า “The Neptunes”
ขณะที่วง The Neptunes ทำการแสดงบนเวที ก็บังเอิญกับที่คุณ Teddy Riley เจ้าของค่ายเพลงที่เพิ่งเปิดสตูดิโอใกล้ ๆ กับโรงเรียน รับชมการแสดงอยู่ด้วย
ทำให้คุณ Williams และวง The Neptunes ได้รับโอกาสเซ็นสัญญากับคุณ Riley เข้ามาทำงานเป็นโปรดิวเซอร์ผลิตผลงานเพลงให้กับศิลปินดังหลายคน
เช่น เพลง I’m a Slave 4 U ของ Britney Spears
เพลง Drop It Like It's Hot ของ Snoop Dogg
เพลง Rock Your Body ของ Justin Timberlake
เพลง Drop It Like It's Hot ของ Snoop Dogg
เพลง Rock Your Body ของ Justin Timberlake
ไม่เพียงเท่านั้น คุณ Williams กับเพื่อนยังได้ร่วมกันก่อตั้งวงดนตรีในชื่อ “N.E.R.D” และออกผลงานถึง 5 อัลบั้ม
ต่อมาในปี 2006 เขาก็ออกอัลบั้มเดี่ยวชุดแรก และนับแต่นั้นมา เขาก็ได้สร้างผลงานเพลงฮิตติดชาร์ตอีกมากมาย เช่น เพลง “Happy” ผลงานที่ทำให้เขาได้รางวัลแกรมมี และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์
และเขายังเคยเป็นหนึ่งในโคชรายการประกวดร้องเพลง The Voice สหรัฐฯ อีกด้วย
แต่ความสำเร็จของคุณ Williams ไม่ได้หยุดแค่สายงานดนตรีเท่านั้น เพราะสายงานด้านแฟชั่นของเขาก็เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จไม่แพ้กัน
เพราะเขาถือเป็นผู้นำเทรนด์แฟชั่น มาตั้งแต่ปี 2002 ด้วยการแต่งตัวแนวสตรีต มิกซ์แอนด์แมตช์กับแบรนด์ระดับไฮเอนด์ และเครื่องประดับที่ไม่ซ้ำใคร
ในปี 2003 เขาก็ได้ก่อตั้งแบรนด์สตรีตแวร์ Billionaire Boys Club ร่วมกับคุณ Nigo ดิไซเนอร์ชาวญี่ปุ่น ผู้ก่อตั้งแบรนด์ A Bathing Ape และในปีถัดมา พวกเขาก็ได้แตกแบรนด์ย่อยอย่าง ICECREAM ออกมาด้วย
จากนั้นในช่วงปี 2010 เขาได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้วงการแฟชั่น ด้วยการร่วมงานกับ Chanel และปรับเปลี่ยนภาพจำของแบรนด์ให้มีความเป็น Unisex มากขึ้น
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เขาก็มีโอกาสได้ร่วมคอลแลบกับแบรนด์แฟชั่นชื่อดัง ออกคอลเลกชันพิเศษกับแบรนด์ Adidas, Louis Vuitton, Moncler, Comme des Garçons, Richard Mille และอีกมากมาย
จนกระทั่งในปี 2023 คุณ Williams ยังได้รับช่วงต่อจากคุณ Virgil Abloh ดิไซเนอร์อัจฉริยะผู้ล่วงลับ ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง Creative Director ของ Louis Vuitton ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่สำคัญของเขาเลยทีเดียว
นอกจากนี้ จากความชื่นชอบที่หลากหลายทั้งด้านดนตรี และแฟชั่นนี้เอง ทำให้คุณ Williams สามารถนำมันมาต่อยอดเป็นธุรกิจอีกมากมาย เช่น
i am OTHER แพลตฟอร์มรวบรวมผลงานครีเอทิฟ ทั้งดนตรี, ศิลปะ และแฟชั่นHumanrace แบรนด์สกินแคร์และความงามJoopiter แพลตฟอร์มการประมูลรูปแบบดิจิทัล
รวมถึงเป็นพาร์ตเนอร์ และผู้ร่วมก่อตั้งอีกหลายธุรกิจ เช่น
Bionic Yarn บริษัทนวัตกรรม ที่แปลงขยะพลาสติกในมหาสมุทรให้กลายเป็นผ้าคุณภาพสูงHuman Made แบรนด์แฟชั่นสัญชาติญี่ปุ่นG-Star RAW แบรนด์เดนิมสัญชาติดัตช์
ซึ่งในปีที่ผ่านมา Forbes ได้ประเมินสินทรัพย์ของคุณ Williams ว่าอยู่ที่ราว 8,500-9,200 ล้านบาท และติดอันดับในนิตยสาร The Business of Fashion 500 ว่าเป็นบุคคลผู้กำหนดทิศทางอุตสาหกรรมแฟชั่นโลก
อ่านมาถึงตรงนี้ สิ่งหนึ่งที่เราได้เรียนรู้จากความสำเร็จของคุณ Williams คือ “อย่ากลัวที่จะลองสิ่งใหม่ ๆ”
แม้ว่าการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ย่อมมาพร้อมกับความเสี่ยง แต่การไม่จำกัดตัวเองอยู่แค่ในสิ่งที่คุ้นเคย จะช่วยให้เราค้นพบศักยภาพและความสามารถที่ซ่อนอยู่
เหมือนที่คุณ Williams กล้าที่จะก้าวออกนอกกรอบ ไม่จำกัดตัวเองอยู่แค่ในวงการเพลง
แต่ขยายไปยังธุรกิจอื่น ๆ จนสามารถประสบความสำเร็จในหลายด้าน อย่างทุกวันนี้..