ไม่ว่าใครจะมีไลฟ์สไตล์ หรือความชอบแบบไหน เชื่อว่าต้องเคยใช้สินค้า และบริการจากแบรนด์ระดับโลก ที่อยู่ในกิจวัตรประจำวันของเรา ตั้งแต่ตื่นนอนยันเข้านอนมาโดยตลอด ซึ่งถ้าเอ่ยชื่อขึ้นมา เชื่อว่าทุกคนต้องรู้จักกันอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็น

Apple

แบรนด์สมาร์ตโฟนที่หลายคนนิยมใช้ แถมในปีที่ผ่านมา Apple ยังเป็นแบรนด์ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกอีกด้วย ซึ่ง Apple ไม่ได้มีดีเพียงแค่สมาร์ตโฟนเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีเหล่าอุปกรณ์ต่าง ๆ อย่าง AirPods, Apple Watch รวมถึงมีบริการ Apple Music, iCloud และ App Store อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภคสามารถเลือกใช้สินค้า และบริการได้อย่างครอบคลุมมาก ๆ

Microsoft

แบรนด์ที่มนุษย์ออฟฟิศนิยมใช้กัน อย่างระบบปฏิบัติการ Windows ที่สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดในคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ประมาณ 70% ณ เดือนกรกฎาคม 2566 อ้างอิงจาก Statista Research Department ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2566 และมี Azure ธุรกิจเกี่ยวกับ Cloud ที่มีรายได้เติบโตขึ้นทุกปี

แถมล่าสุดก็ได้เข้าลงทุนในบริษัท Activision Blizzard ผู้ผลิตเกมดังระดับโลกอย่าง Call of Duty ทั้งยังมี ChatGPT ที่เรียกว่าเป็นผู้ปฏิวัติวงการ AI เลยก็ว่าได้ นับว่าเป็นอีกหนึ่งแบรนด์บริษัทที่มีทิศทางการเติบโตที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก

Alphabet

บริษัทแม่ของ Google ที่ใครหลายคนใช้ค้นหาข้อมูลอยู่ทุกวัน ซึ่งรู้หรือไม่ว่า จริง ๆ แล้ว ไม่ได้มีเพียงแค่ธุรกิจเซิร์ชเอนจินเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีธุรกิจอื่น ๆ อีก เช่น Gmail, YouTube, Android พร้อมกับมีการพัฒนาด้าน AI ด้วยการออก Bard เพื่อมาแข่งขันกับ ChatGPT นอกจากนี้ ยังสามารถทำรายได้จากค่าโฆษณาใน Google Search, YouTube, Google Ads ได้อีกด้วย

Amazon

แบรนด์ที่หนอนหนังสือทั่วทุกมุมโลกหลงรัก โดยพัฒนามาจากธุรกิจร้านขายหนังสือออนไลน์มาสู่อีคอมเมิร์ซที่ใหญ่ที่สุดในโลก พร้อมทั้งมีธุรกิจขยายออกไปอีกเพียบ อย่างแพลตฟอร์มด้านคลาวด์ Amazon Web Services (AWS) ที่ให้บริการในการเช่าเซิร์ฟเวอร์เพื่อจัดเก็บข้อมูล และมีบริการในรูปแบบการ Subscription เช่น Prime Video รวมถึงมีอุปกรณ์อัจฉริยะอย่าง Alexa ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้เราผ่านการสั่งการด้วยเสียง

Meta

เจ้าของแพลตฟอร์มออนไลน์สุดฮิต Facebook และ Instagram ซึ่งที่ผ่านมาก็มีจำนวนผู้ใช้งานมากขึ้น ทำให้ในไตรมาส 3/2023 ที่ผ่านมา มีรายได้และกำไรสูงขึ้นตามไปด้วย ทั้งยังมีผลิตภัณฑ์อื่น ๆ อย่าง WhatsApp ที่มีจำนวนผู้ใช้งานกว่า 2,000 ล้านคนทั่วโลก หรือโปรแกรม Workplace สำหรับการสื่อสารในองค์กรอีกด้วย

Tesla

แบรนด์ผู้นำด้านนวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้า ที่ได้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นต่าง ๆ ออกมาให้คนทั่วโลกได้ใช้งานกัน อย่าง Model S, X, Y, 3 และ Tesla ยังมีโรงงานผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าเป็นของตัวเอง ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีการสร้างสถานีชาร์จกระจายอยู่ทั่วสหรัฐฯ เรียกว่าเป็นบริษัทที่สร้าง Ecosystem ของตัวเองได้อย่างครอบคลุม

Visa

แบรนด์บริษัทแพลตฟอร์มการชำระเงิน ด้วยการเป็นตัวกลางระหว่างร้านค้า ลูกค้า และธนาคารที่ออกบัตรเครดิต หรือบัตรเดบิต ที่เข้ามาช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้ทั่วโลก โดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินสดเลย

Mastercard

แบรนด์บริษัทแพลตฟอร์มสำหรับการชำระเงิน ที่มีโมเดลคล้ายกับ Visa ถึงแม้ว่าจะเกิดหลัง Visa เล็กน้อย แต่อัตราการเติบโตก็สูงไม่น้อยหน้าอยู่เหมือนกัน

JPMorgan Chase & Co.

ถือเป็นธนาคารที่ได้ดำเนินการมาอย่างยาวนาน โดยตอนนี้ก็ได้กลายมาเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในโลก และยังมีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดการก่อตั้งของเฟด หรือธนาคารกลางของสหรัฐฯ

มาถึงตรงนี้ หากใครที่คิดจะลงทุนผ่านแบรนด์บริษัทเหล่านี้ ก็อาจต้องใช้เงินจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว

ยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่าย ๆ เลยก็คือ

หุ้นของบริษัท Apple ที่ตอนนี้ราคาหุ้นละ 197.57 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 6,891.24 บาท
(ราคาหุ้น และอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 17 ธันวาคม 2023) นี่แค่หุ้นเพียงแค่บริษัทเดียว ยังต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมากขนาดนี้เลย และทุกคนลองคิดดูว่า ถ้าต้องการลงทุนในบริษัทข้างต้นทั้งหมด จะต้องใช้เงินมากขนาดไหน

ทั้งนี้ ตัวอย่างบริษัทดังกล่าวสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามเกณฑ์การลงทุนและสภาวะการณ์การลงทุน ณ ขณะนั้น

แต่ว่าก็ยังมีอีกหนึ่งวิธีในการร่วมเป็นเจ้าของแบรนด์ระดับท็อปของโลกได้ นั่นก็คือ MEGA10 ที่มีให้เลือกถึง 3 รูปแบบกองทุน

- กองทุนเปิด MEGA10 ชนิดสะสมมูลค่า (MEGA10-A)

- กองทุนเปิด MEGA10 ชนิดเพื่อการออม (MEGA10-SSF)

- กองทุนเปิด MEGA10 เพื่อการเลี้ยงชีพ (MEGA10RMF)

MEGA10 มีนโยบายลงทุนในตราสารทุนของบริษัทต่าง ๆ ทั่วโลกที่จดทะเบียนซื้อขายใน NYSE / NASDAQ ซึ่งเป็นบริษัทที่เน้นความเป็นผู้นำในด้านตราสินค้า (Brand Value) จากการจัดอันดับโดยสถาบันจัดอันดับตราสินค้า (Brand) ระดับสากล และคัดเลือกจากมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) และที่มีสภาพคล่องสูงสุด 10 บริษัทแรก
กองทุนจะลงทุนในตราสารทุนจำนวน 10 บริษัทตามวิธีการคัดเลือกที่กำหนดในสัดส่วนการลงทุนที่ใกล้เคียงกัน
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.talisam.co.th

โดยที่กองทุนเหล่านี้ เราสามารถเริ่มต้นลงทุนได้ด้วยเงินเพียง 1,000 บาท ลงทุนครั้งถัดไปขั้นต่ำ 1 บาท

สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถศึกษารายละเอียด และเริ่มต้นลงทุนได้ที่ บลจ.ทาลิส www.talisam.co.th
โทร. 02-0150215, 02-0150216, 02-0150222 และ ผู้สนับสนุนการขายหลายราย ได้แก่

1. บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด
2. บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป จำกัด (มหาชน)
3. บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน)
4. บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน)
5. บริษัทหลักทรัพย์ เว็ลธ์ เมจิก จำกัด
6. หลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน)
7. บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน)
8. บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
9. บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด
10. บริษัท หลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
11. บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด
12. บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน)
13. บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด
14. บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน โรโบเวลธ์ จำกัด
15. บริษัท หลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด
16. บริษัทหลักทรัพย์พาย จำกัด (มหาชน)
17. บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน แอสเซนด์ เวลธ์ จำกัด
18. บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน เทรเชอริสต์ จำกัด
19. บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด
20. บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน)
21. บริษัทหลักทรัพย์ สยามเวลธ์ จำกัด
22. บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด
23. บริษัทหลักทรัพย์ ไพน์ เวลท์ โซลูชั่น จำกัด
24. บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด
25. บริษัท หลักทรัพย์ เคเคพี ไดม์ จำกัด
26. บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็กซ์สปริง จำกัด
27. บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
28. บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด
29. ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)
ทั้งนี้ รายชื่อผู้สนับสนุนการขายหน่วยลงทุน อาจมีการปรับเปลี่ยนได้

คำเตือน :
- กองทุนรวมนี้มีลักษณะเฉพาะและความเสี่ยงเฉพาะ และการลงทุนในกองทุนรวมตราสารแห่งทุนอาจมีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะ เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนของกองทุน กรณีไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขทางภาษี จะไม่ได้สิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขของกองทุน ก่อนตัดสินใจลงทุน

- กองทุนนี้มีการลงทุนในต่างประเทศมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และมีการลงทุนกระจุกตัวของหลักทรัพย์ หมวดอุตสาหกรรมและประเทศที่ลงทุน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก

-ผลการดำเนินงานในอดีต/ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

References
-https://www.statista.com/statistics/218089/global-market-share-of-windows-7/
-https://thegrowthmaster.com/case-study/amazon
-https://tuxsablog.skilllane.com/biz-current/lessons-from-teslas-innovation/