PR News
MEDEZE ยื่นไฟลิ่งเสนอขายหุ้น IPO 150 ล้านหุ้น ปักธงลุยธุรกิจสู่ผู้นำธนาคารเซลล์ต้นกำเนิดระดับเอเชีย
18 พ.ค. 2023
MEDEZE ผู้นำด้านนวัตกรรมทางเทคโนโลยีเซลล์ต้นกำเนิดและเซลล์ภูมิคุ้มกัน ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (Filing) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อเสนอขายหุ้นไอพีโอจำนวนไม่เกิน 150 ล้านหุ้น เตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ระดมทุนเพื่อก้าวสู่ผู้นำด้านอุตสาหกรรมไบโอเทคในระดับเอเชีย
นายแพทย์วีรพล เขมะรังสรรค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมดีซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ”) หรือ MEDEZE เปิดเผยว่า บริษัทฯ ประกอบธุรกิจให้บริการตรวจวิเคราะห์ คัดแยก เพาะเลี้ยง และรับฝากเซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cells) และตรวจศักยภาพเซลล์ภูมิคุ้มกัน (NK Cells) โดยดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่องมามากกว่า 13 ปี ให้บริการครอบคลุมการจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิดในระยะยาว ผ่านนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย มุ่งเน้นการใช้นวัตกรรมที่เป็นระบบอัตโนมัติมากขึ้นในขั้นตอนการปฏิบัติงานของบริษัทฯ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลให้อยู่ในระดับสูงสุดเพื่อความปลอดภัยของเซลล์ต้นกำเนิดที่รับฝาก อีกทั้งยังมีห้องปฏิบัติการปลอดเชื้อระดับคลีนรูม คลาส 100 พร้อมด้วยอุปกรณ์และเทคโนโลยีที่มีความทันสมัยในวงการธนาคารจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cell Banking) อาทิ ระบบการแช่แข็งในถังไนโตรเจนเหลว เครื่องคัดแยกเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตอัตโนมัติ (AXP AutoXpress™ Platform) และเครื่องเพาะเลี้ยงเพิ่มจำนวนเซลล์ต้นกำเนิดมีเซนไคมอลชนิดอัตโนมัติ (Quantum) เป็นต้น บริษัทฯได้รับมาตรฐานการจัดเก็บแช่แข็งในระดับสากล Association for the Advancement of Blood and Biotherapies (AABB) จากสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีนักวิทยาศาสตร์และบุคลากรชั้นนำในวงการเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology) ที่ทำงานกับบริษัทฯ เป็นจำนวนมาก ตลอดจนมีความแข็งแกร่งในด้านเครือข่ายแพทย์ในสถานพยาบาลชั้นนำในประเทศ
บริษัทฯ เริ่มดำเนินธุรกิจบริการฝากเก็บเซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cells) ตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม 2553 นำโดยนพ.วีรพล เขมะรังสรรค์ รศ.ดร.รังสรรค์ พาลพ่าย และนพ.จำรัส สกุลไพศาล ซึ่งมีประสบการณ์ในธุรกิจนี้มามากกว่า 10 ปี ปัจจุบันกลุ่มบริษัทฯ ดำเนินการผ่านบริษัท เมดีซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และ บริษัทย่อยจำนวน 5 บริษัท (“กลุ่มบริษัท”) ได้แก่
1) บริษัท เมดีซกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ให้บริการรับฝากเก็บเซลล์ต้นกำเนิดระยะยาว 60 ปี โดยมีโปรแกรมการฝากเก็บสำหรับทารกแรกเกิด (Newborn Program) ซึ่งฝากเก็บเซลล์ต้นกำเนิดชนิดเม็ดเลือด(HPCs)จากเลือดสายสะดือ(Cord Blood Saving) และการฝากเก็บเซลล์ต้นกำเนิดชนิดเนื้อเยื่อมีเซนไคม์(MSCs)จากเนื้อเยื่อสายสะดือ(Placenta Saving) และโปรแกรมการฝากเก็บสำหรับบุคคลทั่วไป ซึ่งฝากเก็บเซลล์ต้นกำเนิดชนิดเนื้อเยื่อมีเซนไคม์(MSCs) จากเนื้อเยื่อไขมัน(Adipose Saving)
2) บริษัท เมดีซ เอ็นเค จำกัด เปิดบริการด้าน NK Cell - Natural Killer Cell หรือ เซลล์เพชรฆาต อย่างครบวงจร และได้รับการส่งเสริมการลงทุนในกิจการ “บริการทดสอบทางวิทยาศาสตร์” ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) โดย ให้บริการทดสอบศักยภาพความแข็งแรงของเอ็นเค เซลล์ หรือ NK Activity และบริการทดสอบสมรรถนะและนับจำนวนของ NK Cells โดยเทคนิค Osaki Method ซึ่งเป็นสิทธิบัตรจากประเทศญี่ปุ่น ของนายแพทย์จุนอิชิ มัตซึยามา
3) บริษัท เมดีซ คอสเมซูติคอล จำกัด ดำเนินธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์ความงามภายใต้ตราสินค้า DAA แบรนด์ผลิตภัณฑ์เพื่อการบำรุงและปกป้องผิว ที่คิดค้นพิเศษผ่านเซลล์เทคโนโลยี โดยคำนึงถึงประสิทธิภาพเป็นสำคัญ ยืนยันความปลอดภัย และรองรับด้วยการตลาดที่เข้าถึงผู้ใช้ได้หลากหลาย และ AEDEZEL แบรนด์ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารคุณภาพสูง
4) บริษัท เมดีซวิจัยและพัฒนา จำกัด ดำเนินธุรกิจวิจัยและพัฒนาเชิงทดลองด้านเทคโนโลยีชีวภาพ ซึ่งได้ผ่านการคัดเลือกและได้รับการประกาศในราชกิจานุเบกษา ให้เป็นผู้รับทำการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม ตามหลักเกณฑ์ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร ในปี 2564
5) Medeze Treasury Pte. Ltd. ดำเนินธุรกิจเป็นบริษัทเพื่อการลงทุน (Investment Arm) โดยเป็นบริษัทที่ถือครองและบริหารตราสินค้าของกลุ่มบริษัทฯ และดูแลการลงทุนในต่างประเทศ
6) Medeze Group Pte. Ltd. ดำเนินธุรกิจวิจัยและพัฒนาเชิงทดลองด้านวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ และห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ สู่แนวทางการสร้างชีวิตที่ยืนยาว ด้วยการสร้างอวัยวะสำรองเพื่อการเปลี่ยนถ่ายอวัยวะในอนาคต
ทั้งนี้ มาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจที่กลุ่มบริษัทฯ ได้รับการรับรอง ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 มีดังนี้
• ISO 9001:2015 หรือ มาตรฐานการจัดการระบบคุณภาพ
• ISO 22716:2007 หรือ มาตรฐานคุณภาพการผลิต (Good Manufacturing Practice หรือ GMP)
• มาตรฐาน Association for the Advancement of Blood and Biotherapies (AABB) ตั้งแต่ปี 2562 จากสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ให้การรับรองมาตรฐานการดำเนินงานของธนาคารสเต็มเซลล์ที่เข้มงวด โดยเป็นมาตรฐานระบบคุณภาพสากลตามข้อกำหนดขององค์การอาหารและยา สหรัฐอเมริกา (U.S. FDA) สำหรับกระบวนการฝากเก็บเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต
• มาตรฐานห้องปฏิบัติการคุณภาพคลีนรูม คลาส 100 (Clean Room Class 100) ตั้งแต่ปี 2556 โดย National Environmental Balancing Bureau (NEBB) จากประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นมาตรฐานควบคุมอนุภาค ความดันและอุณหภูมิภายในห้องปฏิบัติการอย่างเหมาะสม
• ISO 22716:2007 หรือ มาตรฐานคุณภาพการผลิต (Good Manufacturing Practice หรือ GMP)
• มาตรฐาน Association for the Advancement of Blood and Biotherapies (AABB) ตั้งแต่ปี 2562 จากสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ให้การรับรองมาตรฐานการดำเนินงานของธนาคารสเต็มเซลล์ที่เข้มงวด โดยเป็นมาตรฐานระบบคุณภาพสากลตามข้อกำหนดขององค์การอาหารและยา สหรัฐอเมริกา (U.S. FDA) สำหรับกระบวนการฝากเก็บเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต
• มาตรฐานห้องปฏิบัติการคุณภาพคลีนรูม คลาส 100 (Clean Room Class 100) ตั้งแต่ปี 2556 โดย National Environmental Balancing Bureau (NEBB) จากประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นมาตรฐานควบคุมอนุภาค ความดันและอุณหภูมิภายในห้องปฏิบัติการอย่างเหมาะสม
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MEDEZE กล่าวเพิ่มเติมว่า กลุ่มบริษัทฯ ดำเนินธุรกิจด้วยวิสัยทัศน์ ที่จะส่งมอบชีวิตที่ยืนยาวกว่าด้วยความล้ำหน้าของ BIOLongevity Technology พร้อมรางวัลการันตีคุณภาพมาตรฐานระดับโลก รางวัลธนาคารเซลล์ต้นกำเนิดที่ดีที่สุดของประเทศไทยต่อเนื่องถึง 4 ปีซ้อน สู่รางวัลระดับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 3 ปีต่อเนื่องและล่าสุด 2023 Southeast Asia Stem Cell Banking COMPANY OF THE YEAR AWARD จากสถาบันระดับโลก Frost & Sullivan ประเทศสหรัฐอเมริกา
ทั้งนี้ MEDEZE พร้อมแล้วที่จะเติบโตไปอีกขั้นของความสำเร็จด้วยการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อมุ่งมั่นที่จะส่งมอบบริการอย่างเหนือระดับด้วยมาตรฐานสูงสุดทางการแพทย์ สู่การเป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมไบโอเทคและธนาคารเซลล์ต้นกำเนิดที่ดีที่สุดของเอเชีย โดยมีแผนการใช้เงินจากการระดมทุนดังนี้
1) การวิจัยและพัฒนาธุรกิจด้านเซลล์รากผม (Hair Cell)
กลุ่มบริษัทฯมีความตั้งใจในการจึงได้พัฒนานวัตกรรมเซลล์จากรากผม เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในการช่วยบรรเทาปัญหาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเส้นผมและหนังศีรษะ เช่น ปัญหาผมร่วง อาการผมบาง ศีรษะล้าน ที่มีแนวโน้มจะพบเจอมากขึ้นในกลุ่มผู้สูงวัย
2) แผนในการติดตั้งระบบการทำจัดเก็บเซลล์ด้วยหุ่นยนต์ (full automated robotic cell processing system)
นับเป็นนวัตกรรมขั้นสูงและล้ำสมัยที่ได้รับการยอมรับจากสถาบันและองค์กรในหลากหลายประเทศ โดยมุ่งหวังให้กระบวนการจัดเก็บมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ลดความเสี่ยงจากการผิดพลาดของพนักงาน และลดความเสี่ยงจากตัวแปรที่มาจากสภาพแวดล้อมต่างๆ อีกทั้งยังจะช่วยให้สถานให้บริการธนาคารเซลล์ของกลุ่มบริษัทฯ มีความน่าเชื่อถือทัดเทียมกับผู้ประกอบการชั้นนำทั่วโลก สามารถดึงดูดลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศได้มากขึ้น
3) ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจ
บมจ. เมดีซ กรุ๊ป หรือ MEDEZE ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (แบบไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) เพื่อออกและเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2566 ที่ผ่านมา
ปัจจุบัน MEDEZE มีทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 600 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท เป็นทุนเรียกชำระแล้ว 225 ล้านบาท โดยจะเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 150 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 25% ของจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมด
ทั้งนี้ MEDEZE มีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิตามงบการเงินของบริษัทฯ ภายหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและภายหลังการจัดสรรทุนสำรองต่าง ๆ ทุกประเภทที่กฎหมายและบริษัทฯ กำหนดไว้ในแต่ละปี โดยปัจจุบัน โครงสร้างการถือหุ้นใหญ่ประกอบด้วย บริษัท เมดีซ โฮลดิ้ง จำกัด ถือหุ้น 45.09% ซึ่งภายหลัง IPO จะลดสัดส่วนเหลือ 33.81% และนายแพทย์วีรพล เขมะรังสรรค์ ถือหุ้น 32.02% ซึ่งภายหลัง IPO จะลดสัดส่วนเหลือ 24.01% และนายแพทย์จำรัส สกุลไพศาล ถือหุ้น 18.47% ซึ่งภายหลัง IPO จะลดสัดส่วนเหลือ 13.85% และนายแพทย์รังสรรค์ พาลพ่าย ถือหุ้น 3.69% ซึ่งภายหลัง IPO จะลดสัดส่วนเหลือ 2.77% และนางพรรณอุไร อัครศักดิ์สกุล ถือหุ้น 0.73% ซึ่งภายหลัง IPO จะลดสัดส่วนเหลือ 0.55%
นอกจากนี้ MEDEZE ได้แต่งตั้งให้ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ในการนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ