Business
ทำไม น้ำส้ม Orangina ถึงต้องวางขายในร้านกาแฟ
28 ก.พ. 2022
ทำไม น้ำส้ม Orangina ถึงต้องวางขายในร้านกาแฟ /โดย ลงทุนเกิร์ล
เคยสงสัยหรือไม่คะ ทำไมน้ำส้ม Orangina ถึงวางขายอยู่ในร้านกาแฟ อย่างเช่น สตาร์บัคส์
ที่สำคัญ สูตรต้นตำรับของน้ำส้มราคาแพงนี้ บริษัทก็ไม่ได้เป็นผู้คิดค้นขึ้นเอง แต่มีที่มาจากเครื่องดื่ม “Naranjina” น้ำอัดลม จากผลไม้ตระกูลซิตรัสหรือผลไม้รสเปรี้ยว อย่างส้ม
ที่สำคัญ สูตรต้นตำรับของน้ำส้มราคาแพงนี้ บริษัทก็ไม่ได้เป็นผู้คิดค้นขึ้นเอง แต่มีที่มาจากเครื่องดื่ม “Naranjina” น้ำอัดลม จากผลไม้ตระกูลซิตรัสหรือผลไม้รสเปรี้ยว อย่างส้ม
แล้วจากเครื่องดื่ม Naranjina กลายมาเป็น Orangina ได้อย่างไร ? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
จุดเริ่มต้นของ Orangina (ออเรนจินา) เกิดขึ้นหลังจากที่คุณ Augustin Trigo เภสัชกรชาวสเปน ได้พบกับคุณ Leon Beton ในงานแสดงสินค้าที่ประเทศฝรั่งเศส
โดยคุณ Augustin Trigo ได้ตัดสินใจขายสูตรเครื่องดื่ม Naranjina ให้กับคุณ Leon Beton ซึ่งเขาก็ได้นำสูตรมาดัดแปลง จนก่อกำเนิดเป็น “Orangina” ขึ้นในปี 1936 ที่ประเทศฝรั่งเศส
เรียกได้ว่าแทบจะถอดแบบกันมาเลยทีเดียว
เพราะจริง ๆ แล้ว Naranjina ก็มาจากภาษาสเปน แปลว่า “ส้ม”
ส่วน Orangina เอง ก็ดูมาจากคำว่า Orange ที่แปลว่า “ส้ม” เช่นเดียวกัน
เพราะจริง ๆ แล้ว Naranjina ก็มาจากภาษาสเปน แปลว่า “ส้ม”
ส่วน Orangina เอง ก็ดูมาจากคำว่า Orange ที่แปลว่า “ส้ม” เช่นเดียวกัน
แต่จังหวะในการก่อตั้ง Orangina กลับไม่ค่อยจะดีเท่าไรนัก
เพราะหลังจากที่เปิดตัวสินค้ามาได้เพียง 3 ปี
สงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ได้ปะทุขึ้น จนทำให้ธุรกิจต้องสะดุดลง
สงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ได้ปะทุขึ้น จนทำให้ธุรกิจต้องสะดุดลง
ซึ่งเมื่อสงครามสิ้นสุด และสถานการณ์เริ่มกลับมาเข้าร่องเข้ารอย
ในปี 1947 ผู้ก่อตั้งอย่างคุณ Leon Beton ก็ได้ส่งต่อกิจการให้กับคุณ Jean-Claude Beton ผู้เป็นลูกชาย
ซึ่งทายาทรุ่นที่ 2 คนนี้เอง ที่เป็นคนทำให้ Orangina ประสบความสำเร็จอย่างก้าวกระโดด
โดยผลงานแรกของเขา ก็คือ การเปลี่ยนรูปทรงขวด Orangina ให้เป็นทรงอ้วนกลม คล้ายกับผลส้ม จนกลายมาเป็นหนึ่งในเครื่องหมายทางการค้าของแบรนด์จนถึงปัจจุบัน
ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อ Orangina ก้าวเข้าสู่ทศวรรษ 1950 ภายใต้การนำของทายาทรุ่นที่ 2 แบรนด์ก็เข้าสู่ยุครุ่งเรืองสุดขีด
Orangina เริ่มทำการโฆษณาครั้งแรกผ่าน “โปสเตอร์” โดยสื่อสารว่าเป็นเครื่องดื่มที่เหมาะกับช่วงเวลาพักผ่อน ซึ่งตอบโจทย์คนในสมัยนั้น ที่ต้องเผชิญความตึงเครียดจากสงครามมาอย่างยาวนาน
ส่วนช่องทางหลักสำหรับการวางขายสินค้า Orangina ก็คือ ร้านคาเฟหรือร้านกาแฟ
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม ในปัจจุบันเราถึงมักจะเห็น Orangina ถูกวางขายอยู่ในคาเฟต่าง ๆ ไปจนถึงเชนร้านกาแฟร้านใหญ่อย่างสตาร์บัคส์
กลับมาที่ยุคของคุณ Jean-Claude Beton
เมื่อรู้แล้วว่า ช่องทางหลักของการขายสินค้าอยู่ที่ไหน
เขาก็ได้ว่าจ้างให้เหล่าเด็กนักเรียน และพนักงานของบริษัท รวมถึงกลุ่มทหารที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากสมรภูมิรบ ไปซื้อ Orangina ตามคาเฟ เพื่อเป็นการสร้างกระแสให้กับสินค้า
เขาก็ได้ว่าจ้างให้เหล่าเด็กนักเรียน และพนักงานของบริษัท รวมถึงกลุ่มทหารที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากสมรภูมิรบ ไปซื้อ Orangina ตามคาเฟ เพื่อเป็นการสร้างกระแสให้กับสินค้า
และก็ดูเหมือนว่าการตลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ จะดึงดูดลูกค้าได้ดีเลยทีเดียว
โดยในปี 1957 แบรนด์สามารถทำยอดขายได้สูงถึง 50 ล้านขวด
และต่อมาในปี 1975 ยอดขาย Orangina ก็เติบโตขึ้นเป็น 10 เท่า หรือ 500 ล้านขวด
และต่อมาในปี 1975 ยอดขาย Orangina ก็เติบโตขึ้นเป็น 10 เท่า หรือ 500 ล้านขวด
ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเพียงยอดขายในฝรั่งเศสเท่านั้น
จนกระทั่งในปี 1984 Orangina ถึงเริ่มส่งสินค้าออกไปขายในต่างประเทศอย่างเป็นทางการครั้งแรก
ซึ่งจริง ๆ แล้ว ก่อนหน้านี้ 6 ปี บริษัทก็เคยส่งสินค้าไปตีตลาดสหรัฐฯ มาแล้ว
แต่ในขณะนั้นใช้ชื่อแบรนด์ว่า “Orelia”
แต่ในขณะนั้นใช้ชื่อแบรนด์ว่า “Orelia”
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ Orangina เริ่มออกสู่สากลมากขึ้น ทางบริษัทจึงนำชื่อ Orangina กลับมาใช้ที่สหรัฐฯ ในปี 1985
ซึ่งในช่วงเดียวกันนี้เอง ทายาทรุ่นที่ 2 ของ Orangina ก็ได้ขายกิจการต่อให้กับบริษัทฝรั่งเศสอย่าง “Pernod Ricard” ผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รายใหญ่อันดับต้น ๆ ของโลก
ที่น่าสนใจคือ ในช่วงปลายทศวรรษ 1980 ยอดขายของ Orangina ในฝรั่งเศสก็เพิ่มขึ้น จนเป็นอันดับ 2 ในตลาดน้ำอัดลม รองจาก Coca-Cola เพียงแบรนด์เดียวเท่านั้น
และในขณะที่กิจการ Orangina เติบโตอย่างต่อเนื่อง
บริษัท Coca-Cola ก็ได้ยื่นข้อเสนอซื้อกิจการ Orangina ในปี 1997 ด้วยมูลค่ากว่า 5,000 ล้านฟรังก์ หรือถ้าคิดเป็นมูลค่าเงินในปัจจุบันจะอยู่ที่ประมาณ 1,000 ล้านยูโร เทียบเป็นเงินไทยราว 36,760 ล้านบาท
บริษัท Coca-Cola ก็ได้ยื่นข้อเสนอซื้อกิจการ Orangina ในปี 1997 ด้วยมูลค่ากว่า 5,000 ล้านฟรังก์ หรือถ้าคิดเป็นมูลค่าเงินในปัจจุบันจะอยู่ที่ประมาณ 1,000 ล้านยูโร เทียบเป็นเงินไทยราว 36,760 ล้านบาท
แม้ว่าข้อเสนอของ Coca-Cola จะน่าสนใจ และการเข้าเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทเครื่องดื่มระดับโลก อาจจะสามารถพาแบรนด์ให้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง
แต่ดีลนี้กลับถูกรัฐบาลฝรั่งเศสปฏิเสธ เนื่องจากความกังวลเรื่อง การแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม และป้องกันการ “ผูกขาด” ในตลาดเครื่องดื่ม
เนื่องจาก ถ้าหากดีลนี้สำเร็จ Coca-Cola จะสามารถเพิ่มส่วนแบ่งในตลาดเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ในฝรั่งเศสได้อีกถึง 10% และส่งผลให้บริษัท Coca-Cola กุมส่วนแบ่งทั้งหมด 70% เลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม Coca-Cola ไม่ได้ยอมแพ้ง่าย ๆ
เพราะอีก 2 ปีต่อมา บริษัทก็ได้ยื่นซื้อกิจการ Orangina อีกครั้ง ด้วยจำนวนเงินที่น้อยลงเล็กน้อย เนื่องจากมีการปรับรายละเอียดในการซื้อกิจการ เพื่อให้รัฐบาลฝรั่งเศสไม่มองว่าเป็นการผูกขาดกิจการ
แต่สุดท้ายดีลนี้ก็ถูกรัฐบาลปัดตกอีกเช่นเคย..
แม้ว่า Coca-Cola จะไม่ได้ครอบครอง Orangina
แต่ Orangina ก็ถูกเปลี่ยนมือเจ้าของอยู่หลายครั้ง
แต่ Orangina ก็ถูกเปลี่ยนมือเจ้าของอยู่หลายครั้ง
ซึ่งในปัจจุบัน Orangina ตกไปอยู่ในมือของบริษัทญี่ปุ่นอย่าง Suntory โดยในไทยเราจะคุ้นเคยกับบริษัทนี้ดี ผ่านการเป็นบริษัทร่วมทุนกับ PepsiCo นั่นเอง
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
ด้วยลักษณะขวดของ Orangina ที่แปลกประหลาด ทำให้คุณ Jean-Claude Beton ผู้ที่เปลี่ยนมาใช้ขวดทรงนี้ ได้รับข้อร้องเรียนจากเจ้าของร้านคาเฟจำนวนมากว่า เปลืองพื้นที่ และขวดไม่พอดีกับช่องวางของในตู้เย็น
และแม้ว่า Orangina จะมีภาพจำว่าเป็น น้ำส้ม แต่จริง ๆ แล้วเครื่องดื่มชนิดนี้ถูกจัดอยู่ในหมวดน้ำอัดลม
และมีน้ำส้มเป็นส่วนประกอบเพียง 10% เท่านั้น..
และมีน้ำส้มเป็นส่วนประกอบเพียง 10% เท่านั้น..
References:
-https://www.orangina-na.com/blog/the-rich-history-of-orangina/
-http://orangina.eu/heritage
-https://www.fastcompany.com/3023314/remembering-jean-claude-beton-father-of-the-orangina-bottle
-https://www.wsj.com/articles/BL-DLB-14065
-https://money.cnn.com/1999/11/24/europe/orangina/
-https://www.independent.co.uk/life-style/food-and-drink/french-branding-story-orangina-marks-75-years-of-ad-fizz-2314796.html
-https://www.ft.com/content/7d44a944-68ad-11e3-bb3e-00144feabdc0
-https://www.nytimes.com/2013/12/07/business/jean-claude-beton-who-gave-orangina-its-signature-bottle-dies-at-88.html?ref=todayspaper
-https://www.france24.com/en/20131204-orangina-soft-drink-founder-dies-beton-marseille-france-coke
-https://www.orangina-na.com/blog/the-rich-history-of-orangina/
-http://orangina.eu/heritage
-https://www.fastcompany.com/3023314/remembering-jean-claude-beton-father-of-the-orangina-bottle
-https://www.wsj.com/articles/BL-DLB-14065
-https://money.cnn.com/1999/11/24/europe/orangina/
-https://www.independent.co.uk/life-style/food-and-drink/french-branding-story-orangina-marks-75-years-of-ad-fizz-2314796.html
-https://www.ft.com/content/7d44a944-68ad-11e3-bb3e-00144feabdc0
-https://www.nytimes.com/2013/12/07/business/jean-claude-beton-who-gave-orangina-its-signature-bottle-dies-at-88.html?ref=todayspaper
-https://www.france24.com/en/20131204-orangina-soft-drink-founder-dies-beton-marseille-france-coke