Balmain แบรนด์แฟชั่น ที่ผู้ก่อตั้งปฏิเสธ การเป็นหุ้นส่วนกับ Christian Dior /โดย ลงทุนเกิร์ล

เมื่อพูดถึงแบรนด์แฟชั่นจากฝรั่งเศสอย่าง Dior ในช่วงแรก ๆ ของแบรนด์ ก็มักจะเน้นการออกแบบเพื่อตอบโจทย์ตลาดในฝรั่งเศส โดยการรักษาการแต่งตัวสไตล์ฝรั่งเศสเอาไว้ เนื่องจากแบรนด์ก่อตั้งในช่วงสงคราม ทำให้ยากต่อการทำตลาดในต่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม ในยุคนั้นก็ยังมีดีไซเนอร์บางคนที่มีมุมมองต่างออกไป หรือก็คือ ไม่ได้มองแค่ตลาดในประเทศ แต่เลือกที่จะทำตลาดในต่างประเทศอย่างสหรัฐอเมริกาแทน

หนึ่งในนั้นคือคุณ Pierre Balmain ดีไซเนอร์ชาวฝรั่งเศส ซึ่งมักจะถูกมองข้าม เนื่องจากมุมมองที่แตกต่างกัน

ปัจจุบันคุณ Pierre Balmain ได้เสียชีวิตลงแล้วในวัย 68 ปี แต่แบรนด์ Balmain ก็ได้พิสูจน์แล้วว่า มุมมองที่แตกต่าง เป็นสิ่งที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จจนทุกวันนี้

แล้วเรื่องราวของ Balmain ก่อนจะสำเร็จอย่างทุกวันนี้เป็นอย่างไร ? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง

ในวัยเด็กของคุณ Pierre Balmain อาจไม่ได้สวยงามเท่าไรนัก เพราะคุณพ่อของเขา
เสียชีวิตตั้งแต่เขาอายุได้เพียง 7 ปีเท่านั้น ทำให้เขาถูกเลี้ยงดูโดยคุณแม่

ซึ่งคุณแม่ของคุณ Pierre Balmain ก็มีธุรกิจร้านเสื้อผ้าร่วมกับคุณป้า ทำให้เขาถูกรายล้อมไปด้วยเสื้อผ้าแฟชั่นตั้งแต่ยังเด็ก ๆ

แต่เรื่องนี้กลับเป็นตัวที่หล่อหลอมให้คุณ Pierre Balmain เติบโตขึ้นด้วยความสนใจในศิลปะ โดยเขาได้ตัดสินใจเรียนในด้านการออกแบบสถาปัตยกรรม และในขณะเดียวกันก็รับงานฟรีแลนซ์เป็นนักวาดภาพให้กับดีไซเนอร์ชื่อคุณ Robert Piguet
ดีไซเนอร์ชาวสวิสที่โด่งดังจากการที่เคยฝึกงานให้กับคุณ Christian Dior และคุณ Hubert de Givenchy มาก่อน

พอเรื่องเป็นแบบนี้ทำให้เขาเริ่มค้นพบตัวเองว่า ระหว่างการวาดรูปบ้านและวาดรูปเสื้อผ้า
อะไรคือสิ่งที่เขาต้องการมากกว่ากัน

ในที่สุดคุณ Pierre Balmain ก็ตัดสินใจลาออกจากการเรียน และเริ่มต้นฝึกงานเป็นดีไซเนอร์ฝึกหัดกับคุณ Edward Molyneux นักออกแบบชาวอังกฤษชื่อดัง ที่โดดเด่นด้วยการออกแบบที่ทันสมัย และการออกแบบสไตล์กูตูร์ หรือก็คือเสื้อผ้าที่หรูหรา ที่ถือเป็นแฟชั่นชั้นสูง

แต่การเริ่มต้นในวงการแฟชั่นของเขากลับต้องหยุดชะงัก เนื่องจากคุณ Pierre Balmain ถูกเรียกตัวให้ไปเป็นทหารในช่วงสงครามโลก ซึ่งกินระยะเวลากว่า 3 ปี

ก่อนจะปลดประจำการในวัย 25 ปี และเริ่มกลับเข้าสู่วงการแฟชั่นดีไซเนอร์อีกครั้ง
ด้วยการเข้าไปร่วมทีมกับคุณ Lucien Lelong ซึ่งเป็นทีมที่คุณ Christian Dior ได้เข้ามาทำงาน
หลังจากปลดประจำการจากการเป็นทหารเช่นกัน

โดยผลงานอันโดดเด่นของคุณ Pierre Balmain ในขณะที่ทำงานให้กับคุณ Lucien Lelong ก็คือชุดเดรส Black Crepe Afternoon จนกลายเป็นชุดขายดีของร้านในขณะนั้น

ที่น่าสนใจคือ ในตอนนั้นคุณ Pierre Balmain ถูกแนะนำให้เป็นหุ้นส่วนกับคุณ Christian Dior เพื่อเปิดร้าน แต่เขาก็ปฏิเสธข้อเสนอนี้หลังจากเริ่มวางแผนกัน

ซึ่งการที่ข้อตกลงนี้ล้มเหลว ก็อาจเป็นเพราะมุมมองในการทำตลาดของทั้งคู่ แตกต่างกัน

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าคุณ Pierre Balmain เป็นหนึ่งในดีไซเนอร์ไม่กี่คน ที่มีมุมมองในการทำตลาดแฟชั่น ต่างจากดีไซเนอร์ฝรั่งเศสคนอื่น ๆ

เนื่องจากก่อนหน้าสงครามโลกครั้งที่ 2 ประเทศฝรั่งเศสเปรียบเสมือนกับผู้นำแฟชั่นของโลก ที่เหล่าคนดังจากนานาประเทศ ก็มักจะนิยมใส่เสื้อผ้าแบรนด์ฝรั่งเศสเป็นส่วนใหญ่

แม้แต่ดีไซเนอร์จากสหรัฐฯ ก็ยังลอกเลียนแบบดีไซน์บางอย่าง เพื่อเป็นแรงบันดาลใจในการทำเสื้อผ้าของตัวเอง

แต่หลังจากที่ประเทศเยอรมนีเข้ายึดประเทศฝรั่งเศส ก็ส่งผลให้ร้านเสื้อผ้าชั้นสูงหลายร้าน ต้องปิดตัวลงไป เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจ

จนทำให้ในช่วงนั้น ประเทศฝรั่งเศสเข้าสู่ช่วงวิกฤติของวงการแฟชั่นเลยก็ว่าได้ เพราะไม่สามารถส่งออกเสื้อผ้าออกสู่ประเทศอื่น ๆ ได้ และส่งผลให้ประเทศอื่น ๆ เริ่มมีสไตล์แฟชั่นเป็นของตัวเอง เพราะต้องออกแบบเสื้อผ้าเองโดยไม่มีต้นแบบแฟชั่น จากประเทศฝรั่งเศสอีกต่อไป

ทำให้ดีไซเนอร์ฝรั่งเศสหลายคน รวมถึงคุณ Christian Dior อยากจะทำแฟชั่นที่ตอบโจทย์คนฝรั่งเศส และแสดงความเป็นฝรั่งเศสออกมา มากกว่าที่จะทำสินค้าเพื่อตอบโจทย์ประเทศอื่น ๆ ซึ่งเป็นความเห็นที่ตรงข้ามกับคุณ Pierre Balmain ที่มองเห็นโอกาสในตลาดต่างประเทศ

ในปี 1945 คุณ Pierre Balmain จึงได้เปิดร้านเป็นของตัวเอง ภายใต้ชื่อแบรนด์ Balmain และประสบความสำเร็จแทบจะในทันที โดยเน้นไปที่คุณภาพชุด และโดดเด่นในเรื่องราคาสินค้าที่สมเหตุสมผล ก่อนจะค่อย ๆ สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองในประเทศอื่น ๆ ในเวลาต่อมา

นอกจากผลงานด้านแฟชั่นแล้ว คุณ Pierre Balmain ยังเปิดตัวแบรนด์น้ำหอม Vent Vert และเป็นน้ำหอมที่มีน้ำหอมเป็นสีเขียวขวดแรกของโลก จนกลายเป็นไอเทมขายดีในยุค 40

ต่อมาในปี 1951 คุณ Pierre Balmain ก็เริ่มทำตามแผนในการเข้าไปเปิดตัวที่สหรัฐอเมริกา และอาศัยเหล่าดาราฮอลลีวูดในการช่วยโปรโมตให้แบรนด์กลายเป็นที่รู้จัก และส่งผลให้เหล่าดีไซเนอร์ฝรั่งเศสที่เคยดูแคลนเขาในอดีต ก็ต้องยอมรับในงานดีไซน์ของเขา

โดยหนึ่งในผลงานที่เป็นที่จดจำก็คือ Jolie Madame เสื้อที่มีลักษณะคล้ายเบลเซอร์ แต่ยาวคล้ายเดรส และจะถูกรัดเข้ารูปด้วยเข็มกลัด ส่วนกระโปรงจะเป็นแบบทรงเอยาว ซึ่งดีไซน์นี้ก็ยังคงเป็นรากฐานในการออกแบบของ Balmain มาจนถึงปัจจุบัน

รวมถึงกระดุมสีทองที่มีชื่อของคุณ Pierre Balmain ติดอยู่ ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่ง ที่มีมาตั้งแต่ตอนที่เขาเริ่มต้นทำแบรนด์ช่วงแรกมาจนถึงปัจจุบัน

โดยตอนนี้ Balmain อยู่ภายใต้การดูแลของคุณ Olivier Rousteing ที่ได้เข้ามารับช่วงต่อเป็น Creative Director ให้กับแบรนด์ตั้งแต่ปี 2011 ด้วยวัยเพียง 25 ปีเท่านั้น

แต่ด้วยความที่เขามีการมองหามุมใหม่ ๆ ไม่ต่างจากคุณ Pierre Balmain ในอดีต จึงทำให้คุณ Olivier Rousteing สามารถออกแบบดีไซน์ที่ครองใจผู้คนในยุคนี้ได้ แต่ก็ยังไม่ทิ้งความเป็น Balmain ในอดีตเอาไว้..

References:
-The Lives of 50 Fashion Legends
-https://historyofyesterday.com/a-brief-history-of-balmain-fce4e21e931f
-https://vintagedancer.com/1940s/what-did-women-wear-in-the-1940s/
-https://www.familysearch.org/en/blog/1940s-fashion-women-men
-http://fashion.telegraph.co.uk/news-features/TMG3497094/Lucien-Lelong-the-man-who-saved-Paris.html
-https://www.metmuseum.org/toah/hd/dior/hd_dior.htm
-https://vintagedancer.com/1940s/1940s-fashion-history/#:~:text=The%201940s%20were%20defined%20by,'playsuits'%20became%20everyday%20attire.
-https://www.businessoffashion.com/community/people/olivier-rousteing