รู้จัก Vivienne Westwood ดีไซเนอร์อายุ 80 ปี กบฏสุดแสบในวงการแฟชั่น /โดย ลงทุนเกิร์ล

“เหตุผลเดียว ที่ฉันอยู่ในวงการแฟชั่น ก็เพื่อทำลาย สิ่งเดิมที่คนทำตาม ๆ กัน”
นี่คือคำพูดของคุณ Vivienne Westwood หรือ วิเวียน เวสต์วูด
ดีไซเนอร์ชาวอังกฤษ วัย 80 ปี ที่อยู่ในวงการแฟชั่นมาแล้วถึง 50 ปี

โดยผลงานของคุณวิเวียน เวสต์วูด ทำให้เธอได้รับฉายาว่าเป็น “กบฏแห่งวงการแฟชั่น”

นอกจากนั้นคุณวิเวียน เวสต์วูด ยังได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น “ท่านผู้หญิง” (Dame) จากราชสำนักอังกฤษ เพื่อเป็นการตอบแทนที่สร้างชื่อให้ประเทศ

แล้วเรื่องราวของคุณวิเวียน เวสต์วูด น่าสนใจอย่างไร ? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง

จริง ๆ แล้วคุณวิเวียน เวสต์วูด เธอเกิดมาพร้อมกับชื่อ วิเวียน อิซาเบล สไวร์
แต่หลังจากแต่งงานกับสามีคนแรก เธอก็ได้เปลี่ยนมาใช้นามสกุล เวสต์วูด ของสามี
และแม้ว่าปัจจุบันเธอจะหย่าขาดกับเขาไปแล้ว
แต่ก็ยังคงเป็นที่รู้จักในชื่อ วิเวียน เวสต์วูด และแบรนด์ที่เธอเป็นผู้ก่อตั้งก็ได้ใช้ชื่อนี้เช่นกัน

หากย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นในเส้นทางแฟชั่นของคุณวิเวียน เวสต์วูด เมื่อปี 1971
เธอและคุณมัลคอล์ม แมคลาเรน แฟนหนุ่ม ได้ตัดสินใจร่วมกันเปิดร้านเสื้อผ้าที่ชื่อว่า Let it Rock ขึ้น

โดยร้านจะเน้นสไตล์แบบ Teddy Boy เช่น สูทชายยาว ปกใหญ่ รองเท้าหนังทรงโต ที่ดูย้อนยุคกลับไปในสมัยพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 แห่งเครือจักรภพแห่งอังกฤษ

ซึ่งในสมัยนั้น ผู้ที่ชื่นชอบเสื้อผ้าสไตล์ Teddy Boy มักจะเป็นกลุ่มที่ชอบฟังดนตรีแนวร็อกแอนด์โรล
และนี่จึงเป็นที่มาของชื่อร้าน Let it Rock นั่นเอง

แต่หลังจากเปิดร้านได้ประมาณหนึ่งปี พวกเขาก็เริ่มหันมาสนใจกับกิจกรรมอย่าง การขับขี่มอเตอร์ไซค์ จนทำให้สไตล์ของที่ร้านเปลี่ยนไปตามความชอบของพวกเขา อย่างเสื้อหนัง ที่มากับซิปเท่ ๆ

พร้อมกับการรีแบรนด์จาก Let it Rock เป็นชื่อสุดกวนอย่าง “Too Fast to Live, Too Young to Die” และใช้หัวกะโหลก กับกระดูกไขว้เป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงแบรนด์ใหม่

แต่ที่เล่าไปทั้งหมดนั้น ยังถือเป็นเพียงน้ำจิ้มของความกบฏที่อยู่ในสไตล์ของคุณวิเวียน เวสต์วูด

โดยจุดพีกของเรื่องนี้ เกิดขึ้นเมื่อคุณวิเวียน เวสต์วูด และคุณมัลคอล์ม แมคลาเรน เริ่มดีไซน์เสื้อยืดให้มีข้อความและรูปภาพที่สื่อไปทางเพศ จนทำให้ถูกดำเนินคดีภายใต้กฎหมายลามกอนาจาร

อย่างไรก็ตาม ยิ่งห้าม ก็เหมือนยิ่งยุ

เพราะหลังจากที่ถูกดำเนินคดีไป ทั้งสองก็ได้เดินหน้าสร้างอิมเมจร้านให้ดูฮาร์ดคอร์มากยิ่งขึ้น ด้วยการรีแบรนด์เป็นครั้งที่ 2 และใช้ชื่อร้านว่า Sex ที่มาพร้อมสโลแกนสุดแสนจะแสบทรวงว่า “Rubberwear for the Office” ซึ่งจะเป็นสไตล์เสื้อผ้าที่เราคงจะไม่มีวันได้เห็นผู้ดีชาวอังกฤษ แบบอนุรักษนิยมได้ใส่อย่างแน่นอน..

ต่อมาในปี 1980 พวกเขาก็ตัดสินใจเปลี่ยนชื่อร้านอีกครั้งเป็น Worlds End นำเสนอเสื้อผ้าในสไตล์พังก์ร็อก และปัจจุบันร้านนี้ก็ยังคงเปิดให้บริการอยู่ที่เดิม และชื่อเดิม..

ตอนนี้เรื่องราวของเราได้เดินทางมาถึงในปี 1981 เมื่อคุณวิเวียน เวสต์วูด และคุณมัลคอล์ม แมคลาเรน ได้จัดงานแฟชั่นโชว์ครั้งประวัติศาสตร์ที่ชื่อว่า “Pirate” จนทำให้ชื่อของพวกเขากลายเป็นที่จดจำจนถึงทุกวันนี้

โดยคอลเลกชัน Pirate นี้จะมาในธีมโจรสลัดที่บอกเล่าประวัติศาสตร์การปล้นสะดม และเรื่องราวของโลกที่สาม ซึ่งพวกเขาได้ทำการศึกษาประวัติศาสตร์ เพื่อให้สามารถสื่อเรื่องราวได้อย่างครบเครื่อง พร้อมกับการใช้วิธีตัดเย็บแบบดั้งเดิม เพื่อรักษากลิ่นอายแบบออริจินัลเอาไว้

แต่จุดเด่นจริง ๆ ของคอลเลกชันนี้กลับอยู่ที่ ทุกองค์ประกอบในชุดไม่มีอะไรสอดคล้องกัน
และพวกเขายังจับคู่เสื้อผ้าของผู้ชายและผู้หญิงมาใส่ด้วยกัน
แต่ผลลัพธ์ที่ได้ออกมานั้น กลับมีสไตล์ที่ชัดเจน ดูดีอย่างไม่น่าเชื่อ

ซึ่งคอลเลกชัน Pirate ได้สร้างความแตกต่างจากงานทั่ว ๆ ไปในสมัยนั้น
รวมไปถึงยังสร้างความแปลกใหม่และสีสันให้กับวงการแฟชั่นที่อยู่ในกรอบเดิม ๆ

จนทำให้งานแฟชั่นโชว์ในครั้งนี้ ถือเป็นหนึ่งในคอลเลกชันประวัติศาสตร์ของพวกเขาเลยทีเดียว..

แม้ว่าทั้งคู่จะร่วมสร้างความสำเร็จต่าง ๆ มาด้วยกัน
แต่สุดท้าย พวกเขาก็ได้จบความสัมพันธ์ และหลงเหลือไว้เพียงสถานะพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจเท่านั้น

โดยหลังจากนั้น คุณวิเวียน เวสต์วูด จึงได้เดินหน้าทำแบรนด์วิเวียน เวสต์วูด อย่างเต็มที่
และกลายมาเป็นแบรนด์ระดับโลกอย่างในทุกวันนี้

หากเราสังเกตที่สไตล์ของแบรนด์วิเวียน เวสต์วูด ในปัจจุบัน
จะพบว่าแบรนด์ไม่ได้มีความพังก์ร็อกแบบสุดโต่งมากนัก
เพราะปัจจุบันสไตล์ของวิเวียน เวสต์วูด จะมีการผสมผสานความหรูหรา ในแบบชนชั้นสูงย้อนยุคมาร่วมด้วย

ซึ่งเรื่องนี้ ก็เกิดจากไอเดียที่คุณวิเวียน เวสต์วูด ต้องการที่จะล้อเลียนการแต่งกายของชนชั้นสูง
โดยเธอได้รับแรงบันดาลใจมาจากเด็กผู้หญิง ที่เธอเจอโดยบังเอิญในรถไฟใต้ดิน
และเด็กสาวคนนั้น กำลังสวมชุดแจ็กเกตผ้า “Harris Tweed” ซึ่งถือเป็นหนึ่งในผ้าราคาสูง

แต่เด็กสาวกลับทำให้คุณวิเวียน เวสต์วูด รู้สึกว่า หนูน้อยดูเท่และสุขุม จนกลายมาเป็นแรงบันดาลใจให้กับคอลเลกชัน Harris Tweed Collection of Autumn/Winter 1987 ที่ผสมผสานความหรูหราฉบับราชวงศ์ และลุกแบบเด็กสาวเข้าด้วยกัน

ซึ่งผลปรากฏว่าคอลเลกชันนี้ได้รับผลตอบรับอย่างดี
จนกลายเป็นหนึ่งในผลงานที่ทรงอิทธิพลที่สุดของคุณวิเวียน เวสต์วูด

พออ่านมาจนถึงตรงนี้แล้ว ถ้าหากใครลองเปิดดูแบรนด์วิเวียน เวสต์วูด ก็จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า
แบรนด์นี้มีสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ และผสมผสานสไตล์ต่าง ๆ เข้าไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นความหรูหรา พังก์ร็อก

และผลงานบางชิ้นก็ใส่ความเซ็กซี่ ที่ร้อนแรงระดับพริกสิบเม็ด จนทำให้นึกถึงช่วงที่คุณวิเวียน เวสต์วูด ทำร้าน Sex เลยทีเดียว..

ปัจจุบัน แบรนด์วิเวียน เวสต์วูด ได้กลายมาเป็นหนึ่งในแบรนด์หรูระดับโลก
และมีจุดจำหน่ายสินค้าทั่วโลกมากกว่า 700 แห่ง ครอบคลุม 5 ทวีป

นอกจากเรื่องของการสร้างแบรนด์วิเวียน เวสต์วูด แล้ว

อีกหนึ่งบทบาทที่คนมักจะนึกถึงเธอ ก็คือ การเป็น “นักเคลื่อนไหวทางสังคม”
ซึ่งเธอเคยออกมารณรงค์ในหลากหลายประเด็น ไม่ว่าจะเป็นการลดอาวุธนิวเคลียร์, ปัญหาสิ่งแวดล้อม, สิทธิเสรีภาพ และสิทธิมนุษยชน

ทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวของคุณวิเวียน เวสต์วูด ผู้หญิงที่อาจดูแปลกแยกในสายตาของใครหลายคน
แต่ความแตกต่างนี่เองที่ทำให้เธอกลายเป็นบุคคลที่โดดเด่น จนเกินกว่าจะถูกมองข้ามได้..

References:
-https://www.vogue.in/fashion/content/
-https://blog.viviennewestwood.com/history/1981-1987/
-https://www.forbes.com/sites/onmarketing/2013/07/08/
-https://blog.viviennewestwood.com/the-story-so-far/
-http://worldsendshop.co.uk/about/
-https://th.linkedin.com/company/vivienne-westwood
-https://www.vogue.fr/fashion/article/vivienne-westwood-career-success