เจาะอินไซต์คนรุ่นใหม่ ยอมจ่าย “แพง” ถ้าเพื่อสุขภาพ แม้ในยุคเศรษฐกิจฝืด /โดย ลงทุนเกิร์ล

เมื่อไม่นานมานี้ “สงครามการค้า” ระหว่างสหรัฐฯ และหลายประเทศทั่วโลก กลายเป็นประเด็นร้อนแรง

โดยเฉพาะเรื่องการขึ้นภาษีนำเข้า และมาตรการตอบโต้ไปมา ที่อาจฉุดให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอย

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จึงผันผวนหนัก หลายอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบ ทั้งจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ปัญหาการส่งออก และความเชื่อมั่นของนักลงทุน

แต่ท่ามกลางความปั่นป่วนนี้ หุ้นกลุ่ม Health & Wellness กลับโตสวนทาง ด้วยแรงหนุนสำคัญจากกลุ่มคนรุ่นใหม่

ซึ่งงานวิจัยจาก Lifesum พบว่า ในช่วงที่เศรษฐกิจฝืดเคืองเช่นนี้ คนรุ่นใหม่ยินดีที่จะลดค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เช่น ค่า Netflix หรือค่าเสื้อผ้า เพื่อหันมาลงทุนกับสุขภาพของตนเองแทน

แล้วทำไมคนรุ่นใหม่ ถึงยอมจ่าย “แพง” เพื่อสุขภาพ ?
เทรนด์และธุรกิจ Health & Wellness ไหนกำลังมา ?
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง

อันดับแรกต้องขอกล่าวถึงตัวเลขที่น่าสนใจจากข้อมูลของ Bank of America ที่ว่า ภาคครัวเรือนเริ่มลดการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยลง แต่การใช้จ่ายที่ศูนย์ฟิตเนสกลับเพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งสูงสุดในรอบ 19 เดือน

ที่สำคัญ คนรุ่น Gen Z และ Millennials ยังใช้จ่ายเงินเพื่อการออกกำลังกายมากกว่าคนรุ่น Baby Boomers ประมาณ 3 เท่า

สะท้อนให้เห็นว่ากลุ่มคนอายุน้อยให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพมากกว่าคนวัยอื่นอย่างเห็นได้ชัด

สอดคล้องกับผลสำรวจเรื่อง Future of Wellness โดย McKinsey พบว่า 56% ของผู้บริโภควัย Gen Z ในสหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายเป็นลำดับต้น ๆ

นอกจากนี้ กลุ่มคนอายุน้อยยังให้ความสำคัญกับศาสตร์การชะลอวัย และการป้องกันความชรา ต่างจากในอดีตที่มักจะมีแต่กลุ่มคนสูงวัยเท่านั้นที่ให้ความสนใจในเรื่องนี้

เหตุผลหลัก ๆ มาจาก กลุ่มคนอายุน้อยเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับ Health & Wellness จากสื่อออนไลน์ได้เร็วกว่าคนรุ่นอื่น ๆ บวกกับโควิด-19 ที่กระตุ้นให้ผู้คนหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพร่างกายมากขึ้น

มาที่ตัวอย่างเทรนด์ Health & Wellness ที่กำลังเป็นที่นิยม

เทรนด์แรกคือ เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์

คนรุ่น Gen Z และ Millennials มีแนวโน้มลดการดื่มแอลกอฮอล์กันมากขึ้น

ขณะที่เครื่องดื่มทางเลือกอย่าง เบียร์ไร้แอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มอัดก๊าซรสชาติต่าง ๆ ก็มีอัตราการเติบโตของการใช้จ่ายสูงกว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วง 4 ปีมานี้

ถัดมาคือ Cold Plunge และ Red Light Therapy

Cold Plunge คือการแช่ตัวในน้ำเย็นอุณหภูมิราว 10 องศาเซลเซียสหรือต่ำกว่านั้น เป็นระยะเวลาสั้น ๆ ซึ่งมีงานวิจัยระบุว่าอาจมีผลดีต่อการฟื้นตัวหลังการออกกำลังกาย ช่วยลดการอักเสบ และความเจ็บปวดRed Light Therapy คือการบำบัดด้วยแสงสีแดง เป็นเทคนิคการรักษาที่ใช้แสงในระดับความยาวคลื่นต่ำ ที่ช่วยกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินเพิ่มขึ้น

ซึ่งทั้ง 2 คำนี้ก็มาแรง จนยอดค้นหาใน Google พุ่งสูงไม่หยุดตลอดทั้งปี 2023 และ 2024

ทั้งนี้ Bank of America ได้ยกตัวอย่างหุ้นด้านสุขภาพชั้นนำ 3 บริษัท ที่ธนาคารมองว่าจะได้รับประโยชน์จากเทรนด์การดูแลสุขภาพของคนรุ่น Gen Z และ Millennials

Life Time Group Holdings ตัวย่อหุ้น LTH

บริษัทฟิตเนสคลับระดับพรีเมียม ที่มุ่งเน้นการสร้างไลฟ์สไตล์สุขภาพที่ดีให้กับสมาชิก

โดยให้บริการด้านสุขภาพ และฟิตเนสแบบครบวงจร อีกทั้งมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายที่ตอบโจทย์เทรนด์คนรุ่นใหม่ เช่น สนามพิกเกิลบอล และ Cold Plunge

ซึ่งผลประกอบการในปี 2024 บริษัททำรายได้ 88,249 ล้านบาท กำไร 5,261 ล้านบาท

และมีผู้ใช้งานแอปพลิเคชันของบริษัทประจำ (MAU) ที่มีอายุระหว่าง 18-44 ปี เพิ่มขึ้น 60% ตอบรับเทรนด์สุขภาพของคนรุ่นใหม่ได้อย่างชัดเจน

Planet Fitness ตัวย่อหุ้น PLNT

อีกหนึ่งบริษัทเชนฟิตเนสขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ ที่ปักหมุดชัดว่า “ราคาเข้าถึงง่าย บรรยากาศไม่กดดัน” เหมาะสำหรับคนทุกกลุ่ม ทำให้เป็นฟิตเนสที่ขยายสาขาได้กว่า 2,700 สาขา มากเป็นอันดับต้น ๆ ในสหรัฐฯ และส่วนใหญ่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง

ซึ่งการเติบโตของการใช้จ่ายผ่านบัตรสมาชิกของ Planet Fitness ยังแซงหน้าการใช้จ่ายผ่านบัตรฟิตเนสอื่น ๆ มาตั้งแต่ต้นปี 2023

โดยผลประกอบการในปีที่ผ่านมา ทำรายได้ 39,786 ล้านบาท กำไร 5,793 ล้านบาท

Sharkninja Inc ตัวย่อหุ้น SN

บริษัทผลิตอุปกรณ์ของใช้ในบ้าน เจ้าของแบรนด์อุปกรณ์ทำความสะอาด Shark Home และแบรนด์เครื่องใช้ในครัว Ninja Kitchen ที่มีสินค้าโด่งดังในหมู่อินฟลูเอนเซอร์สายสุขภาพอย่าง เครื่องปั่นน้ำผลไม้

ซึ่งบริษัทได้รุกตลาดกลุ่มคนรุ่นใหม่ในสื่อโซเชียลมีเดีย จนในปีที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายเติบโต ทำรายได้ 186,149 ล้านบาท กำไร 14,772 ล้านบาท

ถึงตรงนี้ทำให้เราเข้าใจว่า ในวันที่เศรษฐกิจผันผวนที่สุด ผู้คนก็ยังเลือก “สุขภาพ” เป็นสิ่งที่ไม่ยอมตัดออกจากชีวิต เพราะสุขภาพไม่ใช่แค่ “เทรนด์ชั่วคราว” แต่กลายเป็น
“ความจำเป็นระยะยาว” ของคนเจเนอเรชันใหม่ไปแล้ว

ดังนั้น ไม่แปลกเลยถ้าธุรกิจไหนเข้าใจคนรุ่นใหม่ และหยิบจับเทรนด์ Health & Wellness ถูกจุด
ก็มีโอกาสโตสวนตลาด ได้อย่างโดดเด่น..

หมายเหตุ : บทความนี้ไม่ได้มีเจตนาชี้นำ ให้ซื้อหรือขายหุ้นเหล่านี้ การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วน ก่อนการตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง

References :
-https://www.businessinsider.com/gen-z-millennials-wellness-stocks-to-buy-recession-lth-plnt-2025-4
-https://medium.com/the-millennial-report/prioritizing-wellness-how-gen-z-and-millennials-are-redefining-spending-habits-ef3354e01005
-https://www.mckinsey.com/~/media/mckinsey/email/genz/2024/01/2024-01-23d.html