Blue Origin จรวดส่งคนไปอวกาศ คู่แข่งสำคัญของ SpaceX
Business

Blue Origin จรวดส่งคนไปอวกาศ คู่แข่งสำคัญของ SpaceX

25 เม.ย. 2025
Blue Origin จรวดส่งคนไปอวกาศ คู่แข่งสำคัญของ SpaceX /โดย ลงทุนเกิร์ล
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ผู้คนทั่วโลกต่างจับตาการเดินทางครั้งสำคัญของนักร้องสาวชื่อดัง Katy Perry ที่ไม่ได้ขึ้นเวทีคอนเสิร์ตเหมือนเคย แต่เลือกจะเดินทางไปนอกโลกแทน
และการเดินทางครั้งนี้ คุณ Katy Perry ไม่ได้ไปคนเดียว แต่ยังร่วมทีมกับผู้หญิงอีก 5 คน ถือเป็นผู้โดยสารหญิงล้วนกลุ่มแรกที่ได้ขึ้นไปท่องอวกาศกับภารกิจ NS-31 ด้วยจรวดที่มีชื่อว่า “New Shepard”
ภายใต้บริษัท Blue Origin ที่ก่อตั้งโดยคุณ Jeff Bezos มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้งบริษัทอีคอมเมิร์ซ Amazon
โดยในอดีตคุณ Jeff Bezos เคยเปิดเผยกับนักลงทุนว่า เขาขายหุ้น Amazon มูลค่าประมาณ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 33,400 ล้านบาทต่อปี เพื่อนำไปลงทุนปลุกปั้น Blue Origin
ซึ่งปัจจุบัน Blue Origin ก็ได้กลายเป็นคู่แข่งที่น่าจับตาของ SpaceX บริษัทของคุณ Elon Musk ไปแล้ว
เรื่องราวของ Blue Origin กับจรวจ New Shepard น่าสนใจอย่างไร ?
หากเปรียบเทียบระหว่าง Blue Origin กับ SpaceX แล้วใครเป็นผู้นำ ? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
จุดเริ่มต้นของ Blue Origin เกิดขึ้นในปี 2000 โดยคุณ Jeff Bezos มีแนวคิดเริ่มแรกคือการก่อตั้ง “สถานีอวกาศขนาดใหญ่” ที่สามารถรองรับผู้คนจำนวนมาก และอาจกระจายผู้คนไปยังระบบสุริยะในระยะยาว
อีกทั้งมีความตั้งใจจะย้ายอุตสาหกรรมหนักที่ก่อมลพิษออกจากโลกของเราไปสู่อวกาศ เพื่อให้โลกใบนี้ยังคงน่าอยู่สำหรับรุ่นลูกรุ่นหลาน
ซึ่งในช่วงเวลาที่คุณ Jeff Bezos บริหาร Blue Origin เขาก็ทุ่มเทอย่างหนัก ถึงขั้นขายหุ้น Amazon มูลค่าหลักหมื่นล้านบาทต่อปีเพื่อนำเงินมาสนับสนุนโครงการ และลาออกจากตำแหน่งซีอีโอของ Amazon ในปี 2021 เพื่อมาทุ่มสุดตัวให้กับ Blue Origin
ภายหลังจากการทดลอง ผ่านความล้มเหลวและพัฒนาจรวดกว่า 16 ครั้ง
ในที่สุดคุณ Jeff Bezos สามารถสร้างจรวด New Shepard ได้สำเร็จ และยังเป็นผู้โดยสารมหาเศรษฐีคนแรกที่เดินทางไปถึงเส้น Kármán หรือจุดเริ่มต้นของห้วงอวกาศ ที่ระดับความสูง 100 กิโลเมตรจากพื้นโลก
จากจุดนี้ทำให้ New Shepard ถูกพัฒนากลายเป็นจรวดที่ตอบโจทย์ Space Tourism หรือการท่องเที่ยวไปนอกโลกได้ ด้วยระยะทางที่ถือว่าไม่ไกลจากโลกมาก
การทำงานของจรวด New Shepard จะมีสองส่วนด้วยกัน นั่นก็คือ Capsule และ Booster ในส่วนของ Capsule สามารถบรรจุผู้โดยสารได้ 6 คน และจะถูกสลัดออกจากส่วน Booster ในระดับความสูง 76 กิโลเมตร และเคลื่อนตัวไปต่อยังความสูงระดับราว 106 กิโลเมตร
โดยผู้โดยสารจะใช้เวลาอยู่ในอวกาศได้ราว 3-4 นาที ก่อนกลับลงมายังโลก
ซึ่งในช่วงเวลานั้นผู้โดยสารจะได้สัมผัสสภาวะไร้น้ำหนัก สามารถปลดเข็มขัดนิรภัยออกจากที่นั่ง และล่องลอยรอบ ๆ ห้องโดยสาร หรือมองออกไปนอกหน้าต่างเพื่อดูโลก
และกระบวนการทั้งหมดนี้ ตั้งแต่ปล่อยจรวดจนถึงการกลับสู่พื้นโลกจะใช้ระยะเวลาทั้งสิ้นประมาณ 11 นาที
สำหรับค่าตั๋ว แม้เว็บไซต์ของบริษัทไม่ได้เปิดเผยราคาเต็ม แต่สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อตั๋ว ต้องจ่ายค่ามัดจำก่อนราว 5 ล้านบาท ซึ่งในปี 2021 บริษัทเคยเปิดเผยว่า หนึ่งในที่นั่งของจรวด New Shepard ถูกประมูลราคาสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 930 ล้านบาท
มาถึงตรงนี้โปรเจกต์จรวด New Shepard ดูเหมือนจะทำเงินให้บริษัทได้มหาศาล แต่ผลลัพธ์ยังคงห่างไกลจากเป้าหมายที่เขาตั้งไว้ในตอนเริ่มก่อตั้ง และยังคงตามหลัง SpaceX ของคุณ Elon Musk อยู่ไม่น้อย
ข้อแรกคือ ระยะเวลาในการพัฒนาเพื่อปล่อยจรวดเป็นครั้งแรก
หากเปรียบเทียบกับ SpaceX ที่เริ่มก่อตั้งในปี 2002 หรือภายหลัง Blue Origin เพียงแค่ 2 ปี แต่สามารถส่งจรวดขึ้นสู่วงโคจร (Orbital) ได้ตั้งแต่ปี 2008
ในขณะที่ Blue Origin ใช้เวลามากกว่าทศวรรษเพื่อปล่อยจรวด New Shepard ครั้งแรกในปี 2015 ซึ่งเป็นการทดสอบการบินของจรวดวงโคจรย่อย (Suborbital) แบบไม่มีลูกเรืออยู่ด้านใน
ถัดมาคือ นวัตกรรมความก้าวหน้า
จรวด New Glenn ของ Blue Origin ที่ถูกออกแบบมาให้จรวดสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้บางส่วน นั้นคล้ายกับ SpaceX ผู้ที่เริ่มต้นแนวคิดนี้ได้เร็วและทำสำเร็จก่อน
สุดท้ายคือ การชิงสัญญากับ NASA
SpaceX เคยได้รับสิทธิ์สัญญาจาก NASA สำหรับการนำนักบินอวกาศลงจอดบนดวงจันทร์ได้หลายครั้ง
ขณะที่ Blue Origin เคยฟ้องร้องกับองค์กร NASA เรื่องการผูกขาดการมอบสัญญาลงจอดบนดวงจันทร์ให้กับ SpaceX เพียงผู้เดียว
จนกระทั่งเดือนพฤษภาคม ปี 2023 Blue Origin ชนะการประมูลสัญญากับ NASA เป็นครั้งแรก
อ่านมาถึงตรงนี้จะเห็นว่าแม้ Blue Origin ยังดูเหมือนตามหลัง SpaceX อยู่บ้าง แต่ความพยายามในการทำภารกิจส่งคนสู่นอกโลกได้สำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทใดก็ตาม ก็นับเป็นเรื่องที่ผู้คนทั่วโลกตั้งตารอ
แม้เส้นทางนี้จะยังอีกไกล แต่ความสำเร็จของ Blue Origin ที่ผ่านมาสามารถสร้างคุณค่า และเติมเต็มความฝันให้กับผู้คนมากมาย
เช่น การเชิญคุณ Wally Funk อดีตนักบินหญิงระดับตำนานในวัย 82 ปี ทำตามฝันขึ้นจรวด New Shepard สู่นอกโลกพร้อมกับคุณ Jeff Bezos
หรือการส่งคุณ Katy Perry พร้อมกับลูกเรือหญิงที่มีความชำนาญในหลากหลายอาชีพ ไปสู่นอกโลกได้สำเร็จ
เพราะสุดท้ายแล้วเรื่องเทคโนโลยีอวกาศ จำเป็นต้องใช้ต้นทุนมหาศาล ซึ่งมหาเศรษฐีระดับโลกอย่างคุณ Jeff Bezos และคุณ Elon Musk อาจเป็นเพียงไม่กี่คนในยุคสมัยนี้ ที่จะพาความหวังของมนุษยชาติเป็นจริงได้ในอนาคต..
© 2025 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.