Amazon จากเว็บขายหนังสือออนไลน์ในโรงรถ สู่อาณาจักร 82 ล้านล้าน ที่มีขายแทบทุกอย่าง
Business

Amazon จากเว็บขายหนังสือออนไลน์ในโรงรถ สู่อาณาจักร 82 ล้านล้าน ที่มีขายแทบทุกอย่าง

16 ธ.ค. 2024
Amazon จากเว็บขายหนังสือออนไลน์ในโรงรถ สู่อาณาจักร 82 ล้านล้าน ที่มีขายแทบทุกอย่าง /โดย ลงทุนเกิร์ล
Amazon คือ บริษัทยักษ์ใหญ่มูลค่า 82 ล้านล้านบาท
เทียบให้เห็นภาพง่าย ๆ ก็คิดเป็นมากกว่า 4 เท่า ของ GDP ของประเทศไทย
โดย Amazon มีบริษัทในเครือรวมมากกว่า 100 บริษัท ครอบคลุมทั้งธุรกิจอีคอมเมิร์ซ เทคโนโลยี สื่อ ยา ยานยนต์ ไปจนถึงอินเทอร์เน็ตดาวเทียม
แต่รู้หรือไม่ว่าอาณาจักร Amazon ที่เรารู้จักกันในวันนี้
มีจุดเริ่มมาจากธุรกิจขายหนังสือออนไลน์ในโรงรถเล็ก ๆ ของคุณ Jeff Bezos เมื่อ 30 ปีที่แล้ว
คุณ Jeff Bezos พา Amazon มาสู่จุดนี้ได้อย่างไร ?
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
ก่อนอื่น เรามาทำความรู้จักกับคุณ Jeff Bezos กันก่อน เพราะถ้าขาดชายผู้นี้ไปก็คงไม่มี Amazon อย่างทุกวันนี้
คุณ Jeff Bezos เป็นคนที่มีความสนใจด้านคอมพิวเตอร์มาตั้งแต่เด็ก เขาจบการศึกษาด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์และวิศวกรรมไฟฟ้าจาก Princeton University
หลังจบมหาวิทยาลัย เขาก็มีโอกาสทำงานร่วมกับหลายบริษัทใน Wall Street ตั้งแต่ Fitel, Bankers Trust และกองทุนเฮดจ์ฟันด์ D.E. Shaw และใช้เวลาเพียง 4 ปีก็ได้เลื่อนขั้นเป็นรองประธานที่อายุน้อยที่สุดของบริษัท
ซึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญ เกิดขึ้นหลังจากที่คุณ Jeff Bezos ก้าวเข้าสู่ตำแหน่งรองประธานในปี 1990 ซึ่งเขาได้รับมอบหมายให้ทำงานที่ต้องคลุกคลีอยู่กับอินเทอร์เน็ต
จุดนี้เองที่ทำให้เขาเห็นโอกาสของ “อินเทอร์เน็ต” ที่ในตอนนั้นคนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าคืออะไร
แต่เขากลับพบว่าอินเทอร์เน็ตมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยถึง 2,300% หรือ 23 เท่าตัวต่อปี
สุดท้ายเขาจึงตัดสินใจลาออกจากงานที่มั่นคง และฝากชีวิตไว้กับสิ่งที่เรียกว่าอินเทอร์เน็ต ด้วยการเปิดร้านขายหนังสือออนไลน์
โดยใช้ชื่อบริษัทว่า Cadabra ซึ่งมาจาก “abracadabra” ที่เป็นคาถาเวทมนตร์ชื่อดัง ก่อนจะเปลี่ยนเป็น Amazon เพราะชื่อเดิมไม่ติดหูและอาจออกเสียงเพี้ยนเป็นคำอื่นได้
ส่วนที่มาของชื่อ Amazon ได้แรงบันดาลใจจากชื่อแม่น้ำสายใหญ่ของโลก สอดคล้องกับเป้าหมายของเขา ที่ต้องการเป็นร้านหนังสือที่จะยิ่งใหญ่ไปทั่วโลกเช่นกัน
ทั้งหมดนี้ เป็นจุดเริ่มต้นของ Amazon.com เว็บขายหนังสือออนไลน์ที่พัฒนาขึ้นมาในโรงรถด้วยเงินลงทุน 10,000 ดอลลาร์สหรัฐในปี 1994
ถ้าถามว่า Amazon เติบโตเร็วขนาดไหน ?
ปี 1994 คุณ Jeff Bezos ก่อตั้งบริษัทในโรงรถที่บ้านเช่า
ปี 1995 ยอดขาย 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ปี 1996 ยอดขาย 16 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ปี 1997 ยอดขาย 148 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น NASDAQ
ปัจจุบัน Amazon เป็นอาณาจักรขนาดมหึมา มูลค่า 82 ล้านล้านบาท พร้อมกับเป็น 1 ใน 10 บริษัท ที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
โดยในปี 2023 ทำรายได้สูงถึง 20.6 ล้านล้านบาท
และทำกำไร 1.09 ล้านล้านบาท
จากตอนแรกที่ Amazon เป็นเพียงธุรกิจขายหนังสือออนไลน์ ในวันนี้ Amazon ได้กลายมาเป็น “อีคอมเมิร์ซที่ใหญ่สุดในโลก”
รวมถึงสยายปีกไปทำธุรกิจอื่น ๆ และเปิดตัวผลิตภัณฑ์อีกมากมาย จนกลายเป็นบริษัทขายสินค้าครอบจักรวาล เช่น
Kindle เครื่องอ่านหนังสือดิจิทัลแบบพกพาAmazon Prime Air บริการจัดส่งสินค้าด้วยโดรนAlexa และ Echo ผู้ช่วยเสมือนและลำโพงอัจฉริยะสั่งการด้วยเสียงAmazon Web Services (AWS) บริการแพลตฟอร์มคลาวด์
เท่านั้นยังไม่พอ Amazon ยังขยายธุรกิจผ่านการเข้าซื้อกิจการมากมาย ไม่ว่าจะเป็น
Metro-Goldwyn-Mayer (MGM) สตูดิโอผู้สร้างภาพยนตร์เรื่อง “Rocky”One Medical บริษัทผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพZoox บริษัทพัฒนารถยนต์ไร้คนขับZappos เว็บขายรองเท้าออนไลน์Twitch แพลตฟอร์มสตรีมเกม
โดยดีลใหญ่ที่สุด คือ การเข้าซื้อ “Whole Foods Market” เชนค้าปลีกในสหรัฐฯ ในปี 2017 ด้วยมูลค่า 480,000 ล้านบาท เพื่อรุกตลาดออฟไลน์ และยังได้ข้อมูลลูกค้าของเชนซูเปอร์มาร์เก็ตเจ้านี้มาครองอีกด้วย
ซึ่งนอกจากธุรกิจทั่ว ๆ ไปแล้ว Amazon ยังดำเนินการผ่านบริษัท Kuiper Systems LLC หรือที่รู้จักในชื่อ “Project Kuiper” โครงการที่จะส่งดาวเทียมขึ้นไปบนอวกาศ เพื่อให้บริการอินเทอร์เน็ต พร้อมเตรียมเปิดให้บริการใช้งานเชิงพาณิชย์ในปี 2025 หลังเริ่มทดสอบปล่อยดาวเทียมต้นแบบได้สำเร็จในปีที่ผ่านมา
จะเห็นได้ว่าอาณาจักรธุรกิจของ Amazon นั้นยิ่งใหญ่มาก และใหญ่จนถึงขั้นมีการนำชื่อคุณ Jeff Bezos ไปตั้งเป็นแคมเปญใน Change.org ว่าให้ไปอยู่นอกอวกาศและไม่ต้องกลับมาอีก เพราะคนที่เริ่มทำแคมเปญมองว่าเขาทำธุรกิจผูกขาด ราวกับจะครองโลกทั้งใบเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าคุณ Jeff Bezos เป็นหนึ่งในบุคคลที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ที่สามารถทำให้ธุรกิจเว็บขายหนังสือออนไลน์เล็ก ๆ ในโรงรถ กลายมาเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกที่มีธุรกิจครอบจักรวาล
ซึ่งผลลัพธ์ทั้งหมดนี้ล้วนมาจากสายตาของผู้ก่อตั้งอย่างคุณ Jeff Bezos ที่มองเห็นโอกาส และเดินหน้าลุยจนประสบความสำเร็จ
เพราะถ้าคุณ Jeff Bezos เลือกที่จะไม่เชื่อและไม่กล้าพอที่จะลุยธุรกิจออนไลน์ที่ยังคงเป็นเรื่องใหม่ในวันนั้น ก็อาจจะไม่มีอาณาจักร Amazon อย่างทุกวันนี้..
—-----------------
Amazon ก็เป็นหนึ่งในหุ้นที่กองทุน MEGAWORLD30 จะเข้าไปลงทุนด้วย
เปิดจอง IPO กองทุน MEGAWORLD30 วันที่ 11-17 ธ.ค. 2567 นี้
ร่วมเป็นเจ้าของ 30 บริษัทชั้นนำระดับโลก MEGAWORLD30 เสนอขาย 2 ชนิด ได้แก่ ชนิดสะสมมูลค่า (MEGAWORLD30-A) และชนิดเพื่อการออม (MEGAWORLD30-SSF)
MEGAWORLD30 เป็นกองทุนที่จะเข้าไปลงทุนในตราสารทุนของบริษัทที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ดังนี้ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (New York Stock Exchange: NYSE) หรือตลาดหลักทรัพย์แนสแด็ก (Nasdaq Stock Market: NASDAQ) หรือตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง (Hong Kong Stock Exchange: HKEX) หรือตลาดหลักทรัพย์โตเกียว (Tokyo Stock Exchange: TSE) หรือตลาดหลักทรัพย์ของประเทศในกลุ่มยูโรโซน (Eurozone) เฉพาะหลักทรัพย์ที่เป็นส่วนประกอบในดัชนี EURO STOXX 50
กองทุนมีการบริหารแบบ Rules Based Approach โดยพิจารณาลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) สูงสุด และมีสภาพคล่อง
รวมถึงปัจจัยที่ผู้จัดการกองทุนพิจารณาเพิ่มเติม เช่น คัดเลือกจากอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) และ/หรือ อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ตามเกณฑ์ขั้นต่ำที่ผู้จัดการกองทุนกำหนด เป็นต้น จำนวน 30 บริษัท เช่น Nvidia, Apple, Microsoft, Meta, ASML, TSMC, Novo Nordisk, Tencent, Netflix, LVMH และ Hermès*
โดยกองทุนจะมีการลงทุนที่ส่งผลให้มี Net Exposure ในตราสารทุนข้างต้นโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
ทั้งนี้ กองทุนจะลงทุนในรูปของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ยูโร ดอลลาร์ฮ่องกง และ/หรือ เยน ตามรอบการปรับสมดุลของสัดส่วนน้ำหนักการลงทุน (Rebalance) และการปรับรายชื่อหลักทรัพย์
กองทุนรวมนี้ มีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
*บริษัทดังกล่าวสามารถปรับเปลี่ยนได้ ตามเกณฑ์การลงทุนและสภาวการณ์การลงทุน ณ ขณะนั้น
สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถศึกษารายละเอียดและเริ่มต้นลงทุนได้ที่ บลจ.ทาลิส โทร. 02-0150215, 02-0150216, 02-0150222 หรือ www.talisam.co.th และผู้สนับสนุนการขายหลายราย
คำเตือน: กองทุนรวมนี้มีลักษณะเฉพาะและความเสี่ยงเฉพาะ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะ เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงของกองทุนรวมก่อนตัดสินใจลงทุน และควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนของกองทุน SSF กรณีไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขทางภาษี จะไม่ได้สิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขของกรมสรรพากร และการลงทุนในกองทุนรวมตราสารแห่งทุนอาจมีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหลักทรัพย์
รายงานผลประกอบการประจำปี 2023 ของ Amazon.com, Inc.
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.