สับปะรด อดีตผลไม้หลักแสน ที่เคยปล่อยให้เช่าตกแต่งบ้านรายวัน
Business

สับปะรด อดีตผลไม้หลักแสน ที่เคยปล่อยให้เช่าตกแต่งบ้านรายวัน

18 ก.ค. 2024
สับปะรด อดีตผลไม้หลักแสน ที่เคยปล่อยให้เช่าตกแต่งบ้านรายวัน /โดย ลงทุนเกิร์ล
ถ้าใครได้ดูซีรีส์ยอดฮิตบน Netflix เรื่อง Bridgerton
อาจเคยสังเกตเห็นสับปะรด ถูกนำมาวางอย่างโดดเด่นในห้องอาหารพระราชวัง
แต่รู้หรือไม่คะ ว่าจริง ๆ แล้ว การที่ทีมงานนำสับปะรดมาเป็นพร็อปประกอบฉากมีความหมายมากกว่าที่คิด
เพราะ Bridgerton เป็นซีรีส์ที่ตีแผ่สังคมชั้นสูงของอังกฤษยุครีเจนซี ในช่วงต้นศตวรรษที่ 19
ซึ่งในเวลานั้น สับปะรดถือเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่ง ฐานะ และอำนาจ
มีเพียงคนร่ำรวยเท่านั้นที่สามารถครอบครองสับปะรดได้
เรื่องราวของสับปะรดเป็นอย่างไร ?
ทำไมเมื่อก่อนสับปะรดถึงเป็นของล้ำค่า ?
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
ย้อนกลับไปในยุคแห่งการสำรวจ ที่เจ้าอาณานิคมชาติยุโรป ล่องเรือสำรวจไปทั่วโลก และยึดครองดินแดนห่างไกลมากมาย
ของฝากที่นักสำรวจมักได้ติดไม้ติดมือกลับมา คือ ของแปลก ๆ จากดินแดนนั้น ๆ
เช่นเดียวกับคณะสำรวจของคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ที่ในปี ค.ศ. 1493 เขาได้นำสับปะรดกลับมาจากหมู่เกาะในทะเลแคริบเบียน มามอบให้กับพระเจ้าเฟอร์ดินานด์ที่ 2 แห่งอารากอน
ซึ่งรสชาติที่หอมหวานและรูปร่างที่แปลกตาของผลไม้ชนิดนี้ ได้สร้างความฮือฮาไปทั่วยุโรป
แต่สับปะรดก็ไม่สามารถปลูกขึ้นได้ในยุโรป เนื่องจากมันเป็นผลไม้ที่ต้องการสภาพอากาศร้อนชื้น
ดังนั้น ชาวยุโรปต้องนำเข้าสับปะรดทางเรือจากอีกฟากของมหาสมุทรแอตแลนติกเท่านั้น ซึ่งต้องใช้เวลานานหลายเดือน และสับปะรดมักมีรอยช้ำเน่าเสีย เหลือรอดมาถึงยุโรปไม่มากนัก
คนทั่วไปแทบไม่มีใครเคยเห็นหรือได้ลองชิมเลย
สับปะรดจึงกลายเป็นสินค้าราคาสูงลิ่ว ลูกหนึ่งอาจมีราคาถึง 289,200 บาทในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม ถึงสับปะรดจะหวานหอมขนาดไหน คนร่ำรวยในสมัยนั้นกลับนิยมนำสับปะรดมาวางประดับโต๊ะอาหาร เป็นของตกแต่งสำคัญในงานเลี้ยงอาหารค่ำ
เพราะสับปะรดถือเป็นสัญลักษณ์ของความหรูหรา มั่งคั่ง การต้อนรับ และอำนาจอันยิ่งใหญ่ของเจ้าภาพ ซึ่งจะทำให้แขกที่มาร่วมงานเลี้ยงรู้สึกเกรงขาม
ถ้าถามว่า สับปะรดเป็นที่ต้องการมากน้อยแค่ไหน ?
คำตอบคือ ถึงขั้นที่ว่าเกิดธุรกิจให้เช่าสับปะรดรายวัน ผุดขึ้นมากมายและได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม จากชนชั้นกลางที่อยากเช่าสับปะรดไปตกแต่งบ้าน เสริมบารมีในงานเลี้ยง หรือแม้กระทั่งเช่าไปเดินถืออวดเฉย ๆ ก็มี
แต่หากผู้คนไม่สามารถซื้อหรือเช่าสับปะรดจริงได้ พวกเขาก็จะซื้อจานหรือกาน้ำชาลายสับปะรดแทน
จากนั้น กระแสของสับปะรดก็มีต่ออย่างยาวนาน จนราว ๆ กลางศตวรรษที่ 18
ขุนนางชั้นสูงของอังกฤษได้พยายามเพิ่มอุปทานของสับปะรด ด้วยการปลูกสับปะรดอย่างจริงจัง
พวกเขาประดิษฐ์เรือนกระจกที่มีอากาศร้อนชื้นภายใน ด้วยต้นทุนที่สูงถึง 150 ปอนด์ หรือเมื่อปรับตามอัตราเงินเฟ้อแล้ว จะมีมูลค่ามากกว่า 1 ล้านบาทในปัจจุบัน
แต่ทีมขุนนางก็ไม่สามารถควบคุมเปลวไฟ ไม่ให้ร้อนจนเผาแปลงสับปะรด หรืออุ่นแบบที่สับปะรดชอบได้
ทำให้การลงทุนมหาศาล ได้ผลผลิตที่ต่ำมาก
เมื่อรวมต้นทุนอื่น ๆ ทั้งหมดแล้ว ส่งผลให้สับปะรดจากโรงเรือน มีมูลค่าสูงถึงลูกละ 60 ปอนด์ หรือเท่ากับมูลค่าลูกละ 4 แสนบาทในปัจจุบัน
สับปะรดเหล่านี้มีราคาแพงพอที่จะต้องมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และคนรับใช้ที่ขนสับปะรดถือว่ามีความเสี่ยงสูงที่จะตกเป็นเป้าของโจร
โดยมีสำเนาคดีความในอังกฤษ ที่ระบุถึงคดีความในศาลหลายคดีเกี่ยวกับการขโมยสับปะรด ซึ่งคดีที่ฉาวโฉ่ที่สุดคือ คดีของชายคนหนึ่งที่ขโมยสับปะรด 7 ลูกไปยังออสเตรเลีย และถูกตัดสินจำคุกถึง 7 ปีเลยทีเดียว
จนกระทั่ง สถานะของสับปะรดดำเนินมาถึงจุดสิ้นสุด พร้อม ๆ กับจุดเริ่มต้นของยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม
เมื่อเทคโนโลยีการเดินเรือพัฒนา ลดระยะเวลาการเดินทาง และมีเที่ยวเรือเดินทางระหว่างทวีปมากขึ้น
เรือมากมายจึงขนสับปะรดมาขายที่ยุโรป จนล้นตลาด เปิดทางให้ชนชั้นแรงงานได้บริโภคสับปะรดมากขึ้น
จากผลไม้ชั้นสูงก็ราคาตกฮวบ เลี่ยงไม่ได้ที่ชนชั้นสูงจะแสวงหาอาหารชนิดใหม่ เพื่อสร้างความแตกต่างจากคนส่วนใหญ่ โดยหันไปหา “ขึ้นฉ่าย” ผักหายากและราคาแพงในช่วงเวลานั้นแทน
เรื่องราวของสับปะรด กำลังบอกเราว่า สิ่งที่เคยมีราคา เมื่อเวลาและองค์ประกอบรอบ ๆ เปลี่ยนไป อาจทำให้มูลค่าที่เกิดจากการตีราคาของคนอื่น ๆ ลดน้อยลงไป
แต่สิ่งที่ยังอยู่และไม่เปลี่ยนไปไหน คือ คุณค่าที่แท้จริง
อย่างสับปะรด ก็คงเป็นความหอมหวาน ที่ทำให้มันยังเป็นผลไม้ยอดนิยมของคนทั่วโลก จนถึงทุกวันนี้..
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.