Business
“Tetra Recart” นวัตกรรมบรรจุภัณฑ์สุดล้ำ ตัวช่วยผลักดันโอกาสใหม่ ๆ ในธุรกิจผลิตอาหารให้กับผู้ประกอบการ
12 ก.ค. 2024
Tetra Pak x ลงทุนเกิร์ล
เชื่อว่าหลายคนอาจจะรู้จัก Tetra Pak ในนามพี่ใหญ่แห่งวงการบรรจุภัณฑ์ระดับโลก และผู้บุกเบิกเทคโนโลยีการผลิตกล่องเครื่องดื่มแบบปลอดเชื้อ หรือที่บ้านเราเรียกกันว่ากล่อง UHT
แต่รู้หรือไม่ว่า ปัจจุบัน Tetra Pak ได้พัฒนานวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ ในชื่อ “เต็ดตรา รีคาร์ท (Tetra Recart)” บรรจุภัณฑ์กระดาษที่ทันสมัย ช่วยปกป้องอาหารให้สะอาด ปลอดภัย ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังตอบโจทย์ทั้งผู้บริโภค ผู้ผลิตอาหาร ผู้ค้าปลีก และบริษัทขนส่งจัดจำหน่าย
Tetra Recart น่าสนใจอย่างไร ?
ทำไมถึงได้ชื่อว่าเป็นนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ใหม่ สำหรับอุตสาหกรรมอาหาร
ลงทุนเกิร์ลจะพาไปหาคำตอบจากคุณหลุยส์-กรกรี ศรีสุขสมวงศ์ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ดูแลส่วนงานภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก - เต็ดตรา รีคาร์ท บริษัท เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด
ปัจจุบัน ธุรกิจอาหาร เป็นหนึ่งในธุรกิจที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องจากความต้องการของผู้บริโภค ทำให้ผู้ผลิตในอุตสาหกรรมนี้ คิดค้นสิ่งใหม่ ๆ เพื่อให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคอยู่เสมอ
โดยเฉพาะในช่วงที่ผ่านมา ผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น
ผู้ผลิตจึงพยายามพัฒนา “แพ็กเกจจิง” ที่เปรียบเสมือนด่านแรก
ให้สอดคล้องกับเทรนด์และไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในปัจจุบัน ที่สำคัญยังช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น
Tetra Pak ในฐานะผู้นำด้านโซลูชันการแปรรูปและบรรจุภัณฑ์ชั้นนำของโลก จึงมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ ที่มีชื่อว่า “Tetra Recart” ขึ้นมา
ความน่าสนใจของ “Tetra Recart” คือ เป็นกล่องบรรจุภัณฑ์กระดาษชนิดแรกในโลก ที่สามารถบรรจุอาหารชิ้นแบบ Retort (การนึ่งแบบฆ่าเชื้อ) สามารถทนต่อความร้อนและความดันสูงได้ จึงสามารถบรรจุอาหารและเครื่องดื่มได้หลากหลายชนิด
ตั้งแต่ ผัก ผลไม้ ซุป ซอส น้ำจิ้มและน้ำสลัด กะทิ อาหารสำเร็จรูป อาหารสำหรับทารก รวมไปถึงอาหารสัตว์เลี้ยง โดยสามารถเก็บรักษาคุณภาพของอาหารได้นานถึง 2 ปี
เรียกได้ว่าเป็นนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ทั้งผู้บริโภค ผู้ผลิตอาหาร ผู้ค้าปลีก ร้านค้าออนไลน์หรือ E-Commerce และบริษัทขนส่ง ครบทุกมิติ
จึงไม่แปลกใจที่กล่อง Tetra Recart ได้รับความนิยมในหลาย ๆ ประเทศ โดยเฉพาะทางฝั่งยุโรป และอเมริกา หรือในแถบเอเชีย อย่าง ญี่ปุ่น จีน ฮ่องกง ฟิลิปปินส์ และอื่น ๆ
แล้ว Tetra Recart แตกต่างจากบรรจุภัณฑ์แบบดั้งเดิมอย่างไร ?
ทำไมถึงเป็นบรรจุภัณฑ์ที่กลุ่มผู้บริโภค ผู้ผลิตอาหาร ผู้ค้าปลีก และบริษัทขนส่ง ไว้วางใจ ?
ซึ่งเรื่องนี้ คุณกรกรีเล่าว่าจุดเด่นของกล่อง Tetra Recart สามารถแบ่งออกเป็น 5 ข้อใหญ่ ๆ หรือที่ทาง Tetra Pak เรียกว่า “5 Smart”
1. Smarter to consumers
สำหรับผู้บริโภค กล่อง Tetra Recart สามารถบรรจุอาหารที่สดอร่อย สะอาด ปลอดภัย และให้การใช้งานสะดวกมากยิ่งขึ้น เพราะมีน้ำหนักเบา จัดเก็บง่าย
ที่สำคัญก็คือ สามารถเปิดได้โดยง่าย เพียงการใช้มือฉีกเปิด ไม่ต้องใช้กรรไกร อุปกรณ์เปิด หรือเครื่องมือใด ๆ
2. Smarter logistics
เนื่องจากบรรจุภัณฑ์ Tetra Recart มีรูปทรงสี่เหลี่ยมทำให้จัดเรียงได้อย่างมีประสิทธิภาพ และด้วยน้ำหนักที่เบากว่าบรรจุภัณฑ์แบบดั้งเดิมถึง 60-70% จึงช่วยประหยัดพื้นที่จัดเก็บได้มากขึ้น โดยช่วยลดต้นทุนการขนส่งในแต่ละครั้งได้อย่างมีนัยสำคัญ จากน้ำหนักของบรรจุภัณฑ์ที่น้อยลง และทำให้ปริมาณการขนส่งต่อรอบจุได้มากขึ้น
พูดให้เห็นภาพก็คือ ปกติแล้ว รถบรรทุก 1 คัน จะสามารถบรรทุกบรรจุภัณฑ์แบบกระป๋องเปล่า 400 กรัมได้ 109,044 กระป๋อง
แต่ถ้าเป็นกล่อง Tetra Recart รถบรรทุก 1 คัน จะสามารถบรรทุกบรรจุภัณฑ์ได้ถึง 1,056,000 กล่อง หรือมากกว่าถึง 10 เท่าเลยทีเดียว
3. Smarter differentiation
กล่องกระดาษ Tetra Recart สามารถสร้างความโดดเด่นให้กับแบรนด์บนชั้นวางสินค้าได้อย่างดี เมื่อเทียบกับบรรจุภัณฑ์รูปแบบดั้งเดิมชนิดอื่น ๆ เนื่องจากรูปแบบของบรรจุภัณฑ์ สามารถใส่ข้อมูลหรือเล่นลวดลายกราฟิกดิไซน์ได้ทั้ง 6 ด้าน ให้ดูโดดเด่นเป็น Billboard Effect
ซึ่งภาพและสีสันบนกล่องที่สวยงาม จะสะดุดตาผู้บริโภคได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นบนชั้นวาง และช่วยให้แบรนด์สามารถสื่อสารกับผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้น
อีกทั้งรูปแบบของกล่อง Tetra Recart ยังสะดวกต่อผู้จัดวางสินค้า เนื่องจากไม่ต้องเสียเวลาหมุนกล่อง เพราะดิไซน์ของกล่องจะหันหน้าไปหาลูกค้าเสมอ
4. Smarter operation
นวัตกรรมของกล่อง Tetra Recart สามารถลดเวลาในการทำงานแก่ผู้ประกอบการไปกว่าครึ่ง เพราะสามารถเปิดถาดเพื่อหยิบสินค้าออกมาได้อย่างง่าย ๆ และวางบนชั้นได้อย่างรวดเร็ว เพราะไม่มีฟิล์มห่อรัดรอบผลิตภัณฑ์
อีกทั้งกระบวนการผลิตเกือบทั้งหมด ยังใช้ไลน์เครื่องจักรที่ทันสมัยในการปฏิบัติงาน ทำให้แทบจะไม่ต้องใช้กำลังคนเลย ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่าย ควบคุมคุณภาพการผลิตได้อย่างต่อเนื่อง และเพิ่มกำไรให้ผู้ประกอบการ
5. Smarter for the planet
อีกหนึ่งจุดเด่นของกล่อง Tetra Recart คือ เป็นบรรจุภัณฑ์ที่ให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่การเลือกใช้วัตถุดิบไปจนจบถึงปลายทาง
เริ่มตั้งแต่การใช้วัสดุหลักที่เป็นกระดาษ 67%
ซึ่งกระดาษนั้นก็มาจากป่าปลูกทดแทนเชิงพาณิชย์ ที่มีการจัดการอย่างรับผิดชอบผ่านการรับรองจาก FSC หรือองค์การจัดการด้านป่าไม้ จึงช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และทำให้โลกของเรายั่งยืนมากขึ้น
อีกทั้งยังช่วยลดต้นทุนการขนส่ง จึงช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสิ่งแวดล้อม และเมื่อบริโภคเสร็จแล้ว ยังสามารถนำกล่องไปรีไซเคิลได้
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ จึงตอบคำถามได้ว่า ทำไมกล่อง Tetra Recart ถึงเป็นบรรจุภัณฑ์ที่ได้รับความนิยม ตั้งแต่ผู้บริโภค ผู้ผลิตอาหาร ผู้ค้าปลีก ร้านค้าออนไลน์หรือ E-Commerce และบริษัทขนส่ง
ทำให้ปัจจุบัน กล่อง Tetra Recart ได้รับความไว้วางใจจาก 200 แบรนด์ดังทั่วโลก ทั้งแบรนด์ชั้นนำของโลกในหมวดหมู่ของอาหาร, แบรนด์ที่มีชื่อเสียงฝั่งยุโรป ไปจนถึงแบรนด์อาหารสัตว์
รวมถึงในไทย หนึ่งในแบรนด์ที่เลือกใช้กล่อง Tetra Recart ก็คือ สยามเดลมองเต้ แบรนด์ชั้นนำในการผลิตอาหาร ซี่งถือเป็นเจ้าแรกในไทยที่นำกล่อง Tetra Recart มาใช้บรรจุอาหารที่เน้นการส่งออกโดยเฉพาะ โดยเริ่มจากข้าวโพดหวาน ข้าวโพดครีม และขยายผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมมาเป็นซอสพาสตาส่งออกจำหน่ายในหลายประเทศ
ด้วยความนิยมนี้เอง ทำให้ Tetra Pak พัฒนากล่อง Tetra Recart ออกมาหลายขนาด เพื่อรองรับทุกความต้องการ เริ่มตั้งแต่ไซซ์ 100 ml., 200 ml., 340 ml., 390 ml., 440 ml. ไปจนถึงไซซ์ 500 ml.
โดยคุณกรกรี ได้พูดถึงกุญแจสำคัญ ที่ทำให้กล่อง Tetra Recart เป็นที่นิยมในวงกว้าง นั่นคือนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์และการสร้างความแตกต่างที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวนี้ ช่วยผลักดันให้แบรนด์ต่าง ๆ ไปได้ไกลมากขึ้น ซึ่งช่วยลดต้นทุนการผลิต อีกทั้งยังเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกได้
ทั้งนี้ คุณกรกรียังกล่าวเสริมอีกว่า ด้วยประสบการณ์และความชำนาญของ Tetra Pak ที่อยู่ในวงการอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มนี้มากว่า 70 ปี ทำให้บริษัทมีข้อเด่นในการให้บริการอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งจะช่วยผลักดันให้คู่ค้าเติบโตได้อย่างยั่งยืน นั่นก็คือ “End-to-End Food Solution”
พูดง่าย ๆ ก็คือโซลูชันการผลิตผลิตภัณฑ์อาหาร ที่ให้บริการแบบครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่กระบวนการผลิต เครื่องจักร บรรจุภัณฑ์ ตลอดจนถึงบริการหลังการขาย และการสนับสนุนข้อมูลการตลาดให้กับผู้ประกอบการในธุรกิจอาหาร
ซึ่งบริการนี้เป็นเหมือน One-Stop-Service ที่ช่วยให้คู่ค้าสามารถพัฒนาและต่อยอดผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างยั่งยืน โดยมีทีมงานของ Tetra Pak ที่มีอยู่ทั่วโลก ทีมนักคิดนักพัฒนา ที่มีความชำนาญ พร้อมช่วยดูแลแผนธุรกิจและกระบวนการผลิต
เรียกได้ว่า เหตุผลที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ทำให้แบรนด์ Tetra Pak เติบโตและได้รับความไว้วางใจอย่างต่อเนื่อง จนสามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำระดับโลกในธุรกิจนี้ได้อย่างยาวนาน
สุดท้ายนี้ คุณกรกรีที่มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 20 ปีในอุตสาหกรรมนี้ ได้ให้คำแนะนำแก่ผู้ที่ทำธุรกิจอาหาร ที่กำลังมองหาแนวคิดใหม่ ๆ ว่าความต้องการที่เปลี่ยนแปลงของทั้งผู้บริโภคและผู้ประกอบการเปลี่ยนไปเสมอ เราจำเป็นต้องปรับตัวตามเทรนด์ให้ทัน ไม่ว่าจะเป็นเทรนด์การผลิต หรือเทรนด์ผู้บริโภค ถ้ายังทำแต่สิ่งเดิม ๆ ผลลัพธ์ก็จะออกมาแบบเดิม
และแน่นอนว่าโซลูชันของ Tetra Pak ทั้ง Tetra Recart หรือ End-to-End Food Solution จะสามารถเป็นตัวช่วยสำคัญ ที่ช่วยให้แบรนด์ต่าง ๆ สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ไม่ยาก
ติดตามเรื่องราวของเต็ดตรา รีคาร์ท และโซลูชันผลิตภัณฑ์อาหารของเต็ดตรา แพ้ค ได้ที่
Tag:Tetra Recart