Business
คุยกับ 3 ผู้บริหารหญิง ลอรีอัล ปารีส ถึงเบื้องหลังแคมเปญแห่งปี “We're Worth It - คุณค่าที่เราทุกคนคู่ควร”
20 พ.ค. 2024
ลอรีอัล ปารีส x ลงทุนเกิร์ล
รู้หรือไม่ว่า สโลแกน “คุณค่าที่คุณคู่ควร” ที่เราคุ้นหูจากโฆษณาของ “ลอรีอัล ปารีส”
ผู้นำด้านความงามระดับโลก เริ่มใช้ครั้งแรกเมื่อปี 1971 หรือ เมื่อ 53 ปีที่แล้ว
เป้าหมายก็เพื่อยกย่องคุณค่าและความงามของผู้หญิงทุกคน
ผู้นำด้านความงามระดับโลก เริ่มใช้ครั้งแรกเมื่อปี 1971 หรือ เมื่อ 53 ปีที่แล้ว
เป้าหมายก็เพื่อยกย่องคุณค่าและความงามของผู้หญิงทุกคน
มาถึงวันนี้ เพื่อให้สโลแกนนี้ มีความร่วมสมัย และเข้ากับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคใหม่
ที่นิยามความงามมีความหลากหลายมากขึ้น จึงมีการปรับให้เข้ากับยุคสมัย จนกลายเป็น “We’re Worth It คุณค่าที่เราทุกคนคู่ควร”
ที่นิยามความงามมีความหลากหลายมากขึ้น จึงมีการปรับให้เข้ากับยุคสมัย จนกลายเป็น “We’re Worth It คุณค่าที่เราทุกคนคู่ควร”
เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนในสังคม ซึ่งมีความแตกต่างทั้งภูมิหลัง, อาชีพ, เพศ, การศึกษา และวัย ให้มีความภูมิใจในคุณค่าของตัวเองอย่างถึงที่สุด
ที่น่าสนใจ คือ เพื่อให้นิยามของ “We’re Worth It คุณค่าที่เราทุกคนคู่ควร” เข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น
ในปีนี้ ลอรีอัล ปารีส จึงได้สานต่อแคมเปญ “We’re Worth It คุณค่าที่เราทุกคนคู่ควร” เป็นปีที่สอง
ด้วยการจัดอีเว้นท์สุดยิ่งใหญ่แห่งปี “L'Oréal Paris Worth It” รวมคนบันเทิงทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ไปจนถึงผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จจากหลากหลายสาขาอาชีพ และผู้เข้าร่วมงานกว่า 100 คน มาร่วมแสดงจุดยืนที่ชัดเจนถึง “We’re Worth It คุณค่าที่เราทุกคนคู่ควร”
พร้อมชวนครอบครัว ลอรีอัล ปารีส ประเทศไทย อย่าง ชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ต, ณิชา-ณัฏฐณิชา ดังวัธนาวณิชย์ และ พีพี-กฤษฏ์ อำนวยเดชกร รวมทั้ง เจมีไนน์-นรวิชญ์ ฐิติเจริญรักษ์ Friend of L'Oréal Paris มาร่วมเป็นกระบอกเสียงและชวนให้ทุกคนตั้งคำถามถึงนิยามของคุณค่าในแบบของตัวเอง
คุณสุกัญญา กิระวิทยา Brand General Manager - L'Oréal Paris Thailand กล่าวว่า..
อีเว้นท์นี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ เท่านั้นของแคมเปญ “We’re Worth It คุณค่าที่เราทุกคนคู่ควร” ที่จะประกาศให้ทุกคนรู้ว่าทางแบรนด์ต้องการทำสิ่งนี้ไปเพื่ออะไร
“ที่ลอรีอัล ปารีส ทำงานหนักกันทุกวันโดยมีเป้าหมายที่ชัดเจนมากว่า อยากให้เวลาที่คนรุ่นหลัง ได้ยินคำว่า เพราะเราทุกคนคู่ควร พวกเขาจะไม่ต้องกลับมาตั้งคำถามกับตัวเองว่า พวกเขามีคุณค่าแค่ไหน แม้แต่วินาทีเดียว
หรืออย่างน้อย แค่มีคน ๆ หนึ่งที่เคยไม่มั่นใจ เริ่มรู้สึกได้ถึงคุณค่าของตัวเอง วันนั้นถือว่าแคมเปญนี้ของเรา ประสบความสำเร็จไปแล้วอีกก้าวหนึ่ง”
ด้านคุณพรรณพนัช ทรัพย์เมลือง Brand Business Leader L'Oréal Paris Makeup กล่าวถึงที่มาของแคมเปญนี้ว่า เป็นการสนับสนุนให้คนรู้จักคุณค่าในตัวเอง ไม่ต้องเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับใคร
โดยแคมเปญนี้เป็นโกลบอล แคมเปญ ที่ลอรีอัล ปารีส จัดมาตั้งแต่ปีที่แล้ว
มาถึงปีนี้ ทางแบรนด์ต้องการตอกย้ำว่า คุณค่าที่ทุกคนคู่ควรไม่ใช่แค่ผู้หญิงเท่านั้น แต่เป็นคนทุกคนที่ควรรู้ถึงคุณค่าที่แท้จริงของตัวเองว่าคืออะไร ให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น
“จากที่ปีแรก เราใช้ทั้งสาม Spokesperson ของแบรนด์ คือ คุณชมพู่ คุณพีพี และคุณณิชา ปีนี้เราเล่นใหญ่กว่าเดิม ด้วยการเชิญบุคคลที่มีบทบาทจากหลากหลายสาขาอาชีพ ทั้งดารา ไปจนถึงผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง มาร่วมโชว์ Walk Your Worth เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลาย ๆ คน ได้เห็นถึงคุณค่าในตัวเอง
เพราะเรามองว่า Worth it ไม่ใช่แค่คำพูดในโฆษณา ไม่ได้หมายถึงแค่สินค้า
แต่เป็นจุดยืนของแบรนด์ ที่ยึดถือมานาน และต้องการตอกย้ำให้ทุกคนเห็นคุณค่าในตัวเอง”
แต่เป็นจุดยืนของแบรนด์ ที่ยึดถือมานาน และต้องการตอกย้ำให้ทุกคนเห็นคุณค่าในตัวเอง”
โดยหลังจากนี้ ทางลอรีอัล ปารีส จะปูพรมเพื่อสื่อสารแคมเปญนี้ผ่านทางสื่อดิจิทัล
เพราะอย่าลืมว่า ทัศนคติของผู้บริโภคยุคนี้เปลี่ยนไป ไม่ได้มองหาแค่ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ แต่มองหาแบรนด์ที่ให้คุณค่าในสิ่งเดียวกัน”
เพราะอย่าลืมว่า ทัศนคติของผู้บริโภคยุคนี้เปลี่ยนไป ไม่ได้มองหาแค่ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ แต่มองหาแบรนด์ที่ให้คุณค่าในสิ่งเดียวกัน”
สำหรับนิยามของ Worth it ในมุมมองของคุณพรรณพนัช คือ แต่ละคนมีเรื่องราวต่างกัน
ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นใคร ทำหน้าที่อะไร เพศไหน หรือผ่านอะไรมา เราทุกคนล้วนมีคุณค่า และคู่ควรกับสิ่งที่จะได้รับเสมอ
ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นใคร ทำหน้าที่อะไร เพศไหน หรือผ่านอะไรมา เราทุกคนล้วนมีคุณค่า และคู่ควรกับสิ่งที่จะได้รับเสมอ
“โซเชียลมีเดียยุคนี้ อาจจะทำให้เราเห็นเรื่องราวความสำเร็จและแง่มุมดี ๆ จากผู้คนมากมาย หรือ อย่างบางทีเราเห็น Gen Z ที่ประสบความสำเร็จ เป็นซีอีโอ แต่ขณะที่เรายังทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือน
ทำให้เราเกิดการตั้งคำถามถึงคุณค่าในตัวเองว่ามีไม่เท่ากับคนอื่น ทั้งที่ทุกคนมีทางของตัวเอง แค่มีความสุขกับสิ่งที่เป็น ไม่จำเป็นต้องเป็นแบบใคร ภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองมีและเป็น โดยไม่จำเป็นต้องด้อยค่าตัวเอง
ปิดท้ายด้วย คุณอรอนงค์ ประทักษ์พิริยะ Corporate Affairs and Engagement Director - L'Oréal Thailand เสริมว่า ลอรีอัล กรุ๊ป มีเป้าหมาย คือ การสร้างความงามขับเคลื่อนโลก ซึ่งที่ผ่านมาทางแบรนด์มีการทำงานในรูปแบบที่หลากหลาย
ในด้านสังคม ลอรีอัล กรุ๊ป มีการเสริมสร้างความมั่นใจให้ผู้หญิง และส่งเสริมศักยภาพของสตรีอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน ทางแบรนด์ลอรีอัล ปารีส ยังส่งเสริมความงามที่หลากหลาย เห็นได้จาก ตัวแทนที่ทางแบรนด์เลือกมาสื่อสารผ่านแคมเปญ ก็ประกอบด้วยผู้คนจากหลากหลายวงการ ไม่จำกัดเพศ
“เป้าหมายของเรา คือ การตอกย้ำในสิ่งที่เรายึดถือมานาน ทำอย่างไรให้เวลาคนคิดถึงลอรีอัล ปารีส รู้ว่าเราคือใคร นอกจากนึกถึงคานส์ เราอยากให้ผู้บริโภคคิดว่าแบรนด์ของเรายืนหยัดเพื่ออะไร
อย่างที่บอกว่า ที่ผ่านมาทางแบรนด์ ผลักดันเรื่อง Worth it มาตลอด
นอกจากการสื่อสารผ่านโฆษณา อีกหนึ่งโครงการที่ตอกย้ำความมุ่งมั่นของแบรนด์ คือ โครงการ Stand Up Against Street Harassment ซึ่งเป็นแคมเปญระดับโลก
นอกจากการสื่อสารผ่านโฆษณา อีกหนึ่งโครงการที่ตอกย้ำความมุ่งมั่นของแบรนด์ คือ โครงการ Stand Up Against Street Harassment ซึ่งเป็นแคมเปญระดับโลก
หลายคนอาจไม่รู้ว่า 70% ของผู้หญิงไทย เคยเจอหรือพบเห็นการถูกคุกคามทางเพศในที่สาธารณะ ทำให้ลอรีอัล ปารีส มองว่า ปัญหาดังกล่าวเป็นภัยใกล้ตัว และทำให้ผู้หญิงเกิดความไม่มั่นใจ
ดังนั้นคงจะดีกว่า ถ้าผู้หญิงมีความรู้ในการรับมือ จะได้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจ และเฉิดฉายได้มากขึ้น
จึงกลายเป็นที่มา ที่ทำให้ ลอรีอัล ปารีส ประเทศไทยจับมือกับมูลนิธิรักษ์ไทยเพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงภัยคุกคามบนท้องถนนรวมถึงแนวทางป้องกัน เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมที่ดียิ่งขึ้น
นับตั้งแต่เริ่มต้นโครงการเมื่อปี 2021 มีจำนวนคนเข้าร่วมฝึกอบรมในโครงการ 54,097 คน เฉพาะปี 2023 มีผู้เข้าร่วมกว่า 18,000 คน
และเชื่อว่า ในอนาคตโครงการดังกล่าว จะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น
นอกจากการใช้ความงามเพื่อขับเคลื่อนโลก ในส่วนของพนักงานของลอรีอัล กรุ๊ป
คุณอรอนงค์ สะท้อนมุมมองที่น่าสนใจว่า ลอรีอัล กรุ๊ปให้ความสำคัญกับการ Empowerment พนักงานในทุกเพศ ทุกวัย ได้เป็นตัวของตัวเอง และแสดงศักยภาพของตัวเองอย่างเต็มที่
คุณอรอนงค์ สะท้อนมุมมองที่น่าสนใจว่า ลอรีอัล กรุ๊ปให้ความสำคัญกับการ Empowerment พนักงานในทุกเพศ ทุกวัย ได้เป็นตัวของตัวเอง และแสดงศักยภาพของตัวเองอย่างเต็มที่
เน้นสร้างความเข้มแข็งและคุณภาพ พัฒนาความเป็นผู้นำทีม และการทำงานร่วมกันให้กับบุคลากรในทุกระดับ เพื่อสร้างเส้นทางการเติบโตให้พนักงาน
“เรามองว่ายิ่งพนักงานมีความหลากหลาย ยิ่งนำไปสู่การช่วยกันแก้ปัญหา และนำมาซึ่งไอเดียใหม่ ๆ
ที่ลอรีอัล เราไม่ได้วัดผลงานแค่การพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือยอดขาย แต่เราไม่ลืม เจตจำนงของแบรนด์ที่บ่มเพาะให้พนักงานเห็นถึงคุณค่าในงานที่ทำ ผ่านการใช้ความงามขับเคลื่อนโลก”
ทั้งหมดนี้ คือ แนวคิดเบื้องหลังแคมเปญ “We’re Worth It - คุณค่าที่เราทุกคนคู่ควร” ของลอรีอัล ปารีส ที่นับว่าเป็นแนวคิดที่ตอบโจทย์กับโลกธุรกิจยุคนี้ และนำไปสู่กุญแจแห่งความสำเร็จของแบรนด์ยุคนี้
ไม่ใช่แค่การผลิตสินค้าดี มีคุณภาพเพียงอย่างเดียว แต่อีกหัวใจสำคัญ คือ การทำให้ผู้บริโภคเห็นว่า แบรนด์คงอยู่เพื่ออะไร
เพราะเมื่อใดก็ตามที่แบรนด์สามารถสร้างคุณค่าที่ตรงใจผู้บริโภค ก็จะทำให้ผู้บริโภคเกิดความรักและผูกพันกับแบรนด์ นั่นเอง
Tag:loreal