รู้จัก เมือง La Roche-Posay ต้นกำเนิดของแบรนด์สกินแคร์ชื่อดัง /โดย ลงทุนเกิร์ล

หลายคน คงจะคุ้นเคยกับแบรนด์สกินแคร์อย่าง La Roche-Posay (ลา โรช-โพเซย์)

แล้วรู้หรือไม่ว่า ที่มาของชื่อแบรนด์นี้ มาจากชื่อ “เมือง” เล็ก ๆ แห่งหนึ่งในฝรั่งเศส

แบรนด์สกินแคร์เกี่ยวอะไรกับเมืองนี้ ?
และเรื่องนี้น่าสนใจอย่างไร ?
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง

จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ ย้อนกลับไปในศตวรรษที่ 14
ณ เมืองลา โรช-โพเซย์ ในประเทศฝรั่งเศส

มีตำนานเล่าสืบต่อกันมาว่า ในช่วงสงครามร้อยปี คุณ Bertrand Du Guesclin อัศวินและผู้บัญชาการทหารคนสำคัญของฝรั่งเศส ได้พาม้าที่ป่วยด้วยโรคผิวหนัง ไปแช่บ่อน้ำแร่ในเมืองลา โรช-โพเซย์

เมื่อเวลาผ่านไป ก็พบว่าอาการป่วยที่ผิวหนังของม้า ค่อย ๆ ดีขึ้น

นี่จึงกลายเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นมากในสมัยนั้น
เพราะการแพทย์และวิทยาศาสตร์ ยังไม่ได้ก้าวหน้าเหมือนอย่างทุกวันนี้

ดังนั้น การที่น้ำแร่ธรรมดา ๆ สามารถรักษาอาการป่วยทางผิวหนังได้ จึงเป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก

เรื่องราวความมหัศจรรย์ของน้ำแร่ ถูกบอกต่อกันมาแบบปากต่อปาก จนในปี 1617 หมอหลวงของพระเจ้าอ็องรีที่ 4 และพระเจ้าหลุยส์ที่ 13 แห่งฝรั่งเศส ได้เดินทางมาที่เมืองนี้ เพื่อศึกษาสรรพคุณของน้ำแร่

เขาพบว่าน้ำแร่ในเมืองแห่งนี้ เต็มไปด้วยสารที่ชื่อว่า “Selenium” ซึ่งมีส่วนช่วยในการสร้างสารต่อต้านอนุมูลอิสระหลักของร่างกายได้

นอกจากนี้ เขายังพบ “เกลือแร่” และ “แร่ธาตุ” อื่น ๆ ในน้ำแร่อีกด้วย

หลังการศึกษาของหมอหลวง ทำให้เรื่องเล่าของน้ำแร่ในเมืองนี้ ไม่ใช่แค่ตำนานอีกต่อไป แต่ได้กลายเป็นเรื่องจริงที่น่าเชื่อถือขึ้นมาทันที

ต่อมาในช่วงทศวรรษ 1800 จักรพรรดินโปเลียนที่ 1
หรือที่รู้จักกันในชื่อ นโปเลียน โบนาปาร์ต ได้สร้างโรงพยาบาล สำหรับรักษาผิวหนังขึ้นที่เมืองลา โรช-โพเซย์
เพื่อรักษาเหล่าทหารที่ป่วยเป็นโรคผิวหนัง หลังจากเดินทางไปรบที่อียิปต์

ซึ่งโรงพยาบาลแห่งนี้จะใช้น้ำแร่ของเมืองลา โรช-โพเซย์
ควบคู่กับแพทย์ผิวหนังในการรักษาผู้ป่วย

โดยตามประวัติแล้ว มีผู้เข้ามารักษาที่นี่มากกว่า 4 แสนคนเลยทีเดียว

หลังจากผ่านระยะเวลาอันยาวนาน และจำนวนผู้ป่วยที่หายจากโรคผิวหนังหลายแสนราย

ในที่สุด ปี 1913 สถาบันการแพทย์ของฝรั่งเศส ได้ประกาศอย่างเป็นทางการให้เมืองลา โรช-โพเซย์ เป็นเมืองแห่งสปาและน้ำพุร้อน

นอกจากนี้ “น้ำแร่” ของเมืองลา โรช-โพเซย์
ยังได้รับการยอมรับว่ามีคุณสมบัติ ในการดูแลรักษาผิวหนังอีกด้วย

แม้ว่าน้ำแร่จะเปรียบเสมือนของดีประจำเมืองแห่งนี้
แต่ช่วงนั้นก็ยังไม่ได้ถูกนำมาใช้ทำธุรกิจอย่างเป็นจริงจัง

จนกระทั่ง ในปี 1975 เภสัชกรชาวฝรั่งเศส ที่ชื่อว่า Rene Levayer ได้ก่อตั้งแบรนด์ “La Roche-Posay Laboratoire Dermatologique” ขึ้น

เขาใช้น้ำแร่จากเมืองนี้ เป็นส่วนผสมสำคัญในสกินแคร์ของเขา โดยตั้งใจสร้างให้แบรนด์ ลา โรช-โพเซย์ เป็นเวชสำอาง ที่แพทย์ผิวหนังกล้าที่จะแนะนำให้ผู้ป่วยใช้

หลังจากก่อตั้งแบรนด์ได้ไม่นาน สินค้าของแบรนด์ก็ถูกส่งไปขายทั่วฝรั่งเศส และประเทศอื่น ๆ ในแถบยุโรป

ต่อมาในปี 1999 แบรนด์ลา โรช-โพเซย์ ก็เริ่มก้าวออกนอกโซนยุโรป และมีการส่งสินค้าไปขายในสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ

ซึ่งในช่วงนั้น แบรนด์ลา โรช-โพเซย์ สามารถวางขายได้แค่ในสถาบันของแพทย์ผิวหนังเท่านั้น เนื่องจากสินค้ามีส่วนผสมบางอย่างที่กฎหมายของสหรัฐฯ ไม่อนุญาตให้วางขายได้ทั่วไป

แต่ต่อมาในปี 2006 FDA หรือองค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ ได้อนุญาตให้วางขายสารดังกล่าวได้แล้ว แบรนด์ลา โรช-โพเซย์ จึงสามารถวางขายสินค้าตามร้านขายยาทั่วไปได้ในที่สุด

ปัจจุบัน แบรนด์ลา โรช-โพเซย์ วางขายใน 50 ประเทศทั่วโลก และถูกซื้อกิจการไปในปี 1989 โดยบริษัทความงามรายใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งก็คือ บริษัท L’OREAL

แบรนด์ลา โรช-โพเซย์ จึงคงเป็นเหมือนตำนานที่กลายมาเป็นความจริง

จากเรื่องเล่าอายุกว่า 700 ปี ของเมืองลา โรช-โพเซย์

สู่การกำเนิดของแบรนด์สกินแคร์ชื่อดัง ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก..

-------------------------------------

Presented by กลุ่มบริษัทธนจิรากรุ๊ป เดินหน้าขยายธุรกิจหาญ เวลเนสแอนด์ฮอสพิทอลลิตี้ (HARNN Wellness & Hospitality) ครอบคลุมทั้งเวลเนสและสปาภายในประเทศและต่างประเทศในระดับ Regional สร้างให้แบรนด์ไทยเป็นที่รู้จักและสร้างความภูมิใจในระดับสากลรวมกว่า 16 สาขาทั่วภูมิภาค
https://www.facebook.com/TANACHIRA-GROUP-174055739828807/
#TANACHIRA #HARNN #SCapebyHARNN

-------------------------------------

References:
-https://www.laroche-posay.us/about-us
-https://www.loreal.com/en/active-cosmetics-division/la-roche-posay/
-https://www.dermastore.co.za/learn/the-history-of-la-roche-posay/
-https://www.larocheposay-th.com/about-us
-https://medthai.com/
-https://www.netinbag.com/th/physiology/what-is-glutathione-peroxidase.html