TechnologyBusiness
รู้จัก คุณพาเวล ดูรอฟ ผู้ก่อตั้งแอป Telegram
28 ต.ค. 2020
รู้จัก คุณพาเวล ดูรอฟ ผู้ก่อตั้งแอป Telegram /โดย ลงทุนเกิร์ล
“Telegram” แอปโซเชียลมีเดียที่กำลังเป็นที่พูดถึงอย่างมากในช่วงนี้
หนึ่งในผู้ก่อตั้งแอปพลิเคชันนี้ ก็คือ “คุณพาเวล ดูรอฟ”
โดยปัจจุบัน เขาเป็นมหาเศรษฐี อันดับที่ 565 ของโลก
ด้วยมูลค่าทรัพย์สินมากกว่า 1 แสนล้านบาท
ที่น่าสนใจคือ ความมั่งคั่งเหล่านี้ เป็นสิ่งที่คุณพาเวล ดูรอฟ สร้างขึ้นมาเองกับมือ
คุณพาเวล ดูรอฟ เป็นใครมาจากไหน?
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
ชีวิตวัยเด็กของคุณพาเวล ดูรอฟ ก็น่าสนใจไม่น้อย
เขาเริ่มต้นเรียนการเขียนโค้ด ตั้งแต่สมัยเรียนในโรงเรียน
และนำความรู้นี้มาใช้แกล้งอาจารย์ที่เขาไม่ชอบ
อย่างการเปลี่ยนรูปในหน้าแรกสุดของเว็บไซต์โรงเรียน
เพื่อให้เหล่าอาจารย์หัวหมุนเล่น
ต่อมาคุณพาเวล ดูรอฟในวัยเพียง 22 ปี
ได้สร้างแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ที่มีลักษณะคล้ายกับ Facebook
ชื่อว่า “Vkontakte” หรือ VK.com
ต่อมา Vkontakte ก็ได้กลายเป็นโซเชียลมีเดียที่ใหญ่ที่สุดในรัสเซีย
รวมไปถึงประเทศใกล้ๆ รัสเซีย ก็เริ่มหันมาใช้แพลตฟอร์มนี้เช่นกัน
แต่แล้ว เส้นทางที่กำลังจะไปได้สวยของคุณพาเวล ดูรอฟ
ก็ดูเหมือนจะต้องมาสะดุดลง..
เมื่อประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในรัสเซีย เริ่มไม่พอใจ Vkontakte
เนื่องจากแพลตฟอร์มนี้ กลายเป็นตัวกลางการติดต่อสื่อสารของผู้ชุมนุม
ที่รวมตัวกัน เพื่อต่อต้านรัฐบาลได้
เรื่องนี้ทำให้วลาดิมีร์ ปูติน และรัฐบาลรัสเซีย พยายามแทรกแซงและกดดัน Vkontakte ให้เปิดเผยข้อมูลผู้ใช้งานในแพลตฟอร์ม
แต่คุณพาเวล ดูรอฟ กลับปฏิเสธข้อเรียกร้องดังกล่าว
และยืนยันในเรื่องสิทธิเสรีภาพของผู้ใช้งาน
หลังจากนั้นรัฐบาลรัสเซียจึงใช้วิธีให้บริษัทอินเทอร์เน็ตรายใหญ่อย่าง Mail.Ru
กว้านซื้อหุ้นของ Vkontakte จนมีสัดส่วนการถือหุ้นมากกว่าคุณพาเวล ดูรอฟ
ในที่สุดท้าย คุณพาเวล ดูรอฟ ก็ถูกกดดันให้ขายหุ้นทั้งหมดใน Vkontakte
ซึ่งคิดเป็นมูลค่าประมาณ 9,400 ล้านบาท
รวมถึงถูกบังคับให้ออกจากบริษัทที่เขาก่อตั้งขึ้นมาเอง..
แต่แทนที่เรื่องนี้จะเป็นจุดจบ กลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า
หลังจากถูกบีบออกจากบริษัท คุณพาเวล ดูรอฟ และพี่ชายนิโคไล ดูรอฟ
ได้ลี้ภัยออกนอกประเทศรัสเซีย และเริ่มต้นแผนการเอาคืนรัฐบาลจอมแทรกแซงอีกครั้ง
ในปี 2013 คุณพาเวล ดูรอฟ และพี่ชาย จึงพัฒนา Telegram ขึ้น
และมันกำลังเป็นสิ่งที่จะทำให้รัฐบาลทั่วโลกต้องกังวล
Telegram เป็นแอปพลิเคชันแช็ต คล้ายกับ LINE ที่เราใช้กันอยู่
แต่ Telegram มีจุดแข็งอยู่ที่ “ความปลอดภัยของระบบ”
ที่ไม่ว่ารัฐบาลไหนๆ ก็ยังไม่เคยเจาะเข้าไปได้
ที่สำคัญคือ Telegram เป็นแอปที่ไม่มีนโยบายรับโฆษณา
หรือขายข้อมูลผู้ใช้งานในบริษัทเอกชนใดๆ ก็ตาม
เนื่องจากผู้ก่อตั้งต้องการให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานมากที่สุด
ปัจจุบัน Telegram มีผู้ใช้งานมากกว่า 400 ล้านบัญชีทั่วโลก
แซงหน้า Twitter ที่มียอดผู้ใช้งานทั่วโลกอยู่ 326 ล้านคนเท่านั้น
ทั้งที่ปล่อยออกมาให้คนใช้งานตั้งแต่ ปี 2006
ที่น่าสนใจอีกเรื่อง คือ ตอนนี้สำนักงานใหญ่ของ Telegram อยู่ที่ดูไบ
แต่ทีมงานส่วนใหญ่จะมาจากเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย
ซึ่งเป็นเมืองที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นแหล่งรวมวิศวกรทักษะสูง
อย่างไรก็ตาม กว่าจะมาตั้งสำนักงานใหญ่อยู่ที่ดูไบได้
Telegram เคยตั้งสำนักงานใหญ่ทั้งใน เบอร์ลิน, ลอนดอน และสิงคโปร์
แต่เนื่องจากไปขัดกับข้อบังคับบางอย่างในประเทศเหล่านั้น สุดท้ายจึงต้องย้ายไปเรื่อยๆ
ซึ่งแม้ว่าทุกวันนี้ สำนักงานจะยังอยู่ที่ดูไบอย่างปกติสุข
แต่คุณพาเวล ดูรอฟ ก็ยังคงเตรียมแผนสำหรับย้ายสำนักงานเอาไว้
เผื่อว่าในอนาคต Telegram เกิดเรื่องไม่ลงรอยกับที่นี่
ทั้งหมดนี้ก็คือความตั้งใจของ คุณพาเวล ดูรอฟ
ที่ต้องการจะปกป้องข้อมูลและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน
ในยุคที่ข้อมูลของเราเป็นสิ่งมีราคา ซึ่งหากมองอีกด้าน เราอาจเปรียบได้กับสินค้าชนิดหนึ่งได้
และในขณะเดียวกัน จำนวนผู้ใช้งาน Telegram ที่เติบโตขึ้นทุกๆวัน
ก็เป็นเหมือนเครื่องยืนยันได้อย่างดีว่า
หลายคนเริ่มรับรู้ถึงความสำคัญในสิทธิส่วนบุคคล
ซึ่งมันไม่ควรถูกยกให้ใครก็ได้ โดยที่เราไม่ยินยอม..
References:
-https://telegram.org/faq#q-what-is-telegram-what-do-i-do-here
-https://www.businessinsider.com/
-https://www.forbes.com/profile/pavel-durov/#29c2a55f14c5
-https://peoplepill.com/people/pavel-durov/
-https://www.statista.com/statistics/272014/global-social-networks-ranked-by-number-of-users/
หนึ่งในผู้ก่อตั้งแอปพลิเคชันนี้ ก็คือ “คุณพาเวล ดูรอฟ”
โดยปัจจุบัน เขาเป็นมหาเศรษฐี อันดับที่ 565 ของโลก
ด้วยมูลค่าทรัพย์สินมากกว่า 1 แสนล้านบาท
ที่น่าสนใจคือ ความมั่งคั่งเหล่านี้ เป็นสิ่งที่คุณพาเวล ดูรอฟ สร้างขึ้นมาเองกับมือ
คุณพาเวล ดูรอฟ เป็นใครมาจากไหน?
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
ชีวิตวัยเด็กของคุณพาเวล ดูรอฟ ก็น่าสนใจไม่น้อย
เขาเริ่มต้นเรียนการเขียนโค้ด ตั้งแต่สมัยเรียนในโรงเรียน
และนำความรู้นี้มาใช้แกล้งอาจารย์ที่เขาไม่ชอบ
อย่างการเปลี่ยนรูปในหน้าแรกสุดของเว็บไซต์โรงเรียน
เพื่อให้เหล่าอาจารย์หัวหมุนเล่น
ต่อมาคุณพาเวล ดูรอฟในวัยเพียง 22 ปี
ได้สร้างแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ที่มีลักษณะคล้ายกับ Facebook
ชื่อว่า “Vkontakte” หรือ VK.com
ต่อมา Vkontakte ก็ได้กลายเป็นโซเชียลมีเดียที่ใหญ่ที่สุดในรัสเซีย
รวมไปถึงประเทศใกล้ๆ รัสเซีย ก็เริ่มหันมาใช้แพลตฟอร์มนี้เช่นกัน
แต่แล้ว เส้นทางที่กำลังจะไปได้สวยของคุณพาเวล ดูรอฟ
ก็ดูเหมือนจะต้องมาสะดุดลง..
เมื่อประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในรัสเซีย เริ่มไม่พอใจ Vkontakte
เนื่องจากแพลตฟอร์มนี้ กลายเป็นตัวกลางการติดต่อสื่อสารของผู้ชุมนุม
ที่รวมตัวกัน เพื่อต่อต้านรัฐบาลได้
เรื่องนี้ทำให้วลาดิมีร์ ปูติน และรัฐบาลรัสเซีย พยายามแทรกแซงและกดดัน Vkontakte ให้เปิดเผยข้อมูลผู้ใช้งานในแพลตฟอร์ม
แต่คุณพาเวล ดูรอฟ กลับปฏิเสธข้อเรียกร้องดังกล่าว
และยืนยันในเรื่องสิทธิเสรีภาพของผู้ใช้งาน
หลังจากนั้นรัฐบาลรัสเซียจึงใช้วิธีให้บริษัทอินเทอร์เน็ตรายใหญ่อย่าง Mail.Ru
กว้านซื้อหุ้นของ Vkontakte จนมีสัดส่วนการถือหุ้นมากกว่าคุณพาเวล ดูรอฟ
ในที่สุดท้าย คุณพาเวล ดูรอฟ ก็ถูกกดดันให้ขายหุ้นทั้งหมดใน Vkontakte
ซึ่งคิดเป็นมูลค่าประมาณ 9,400 ล้านบาท
รวมถึงถูกบังคับให้ออกจากบริษัทที่เขาก่อตั้งขึ้นมาเอง..
แต่แทนที่เรื่องนี้จะเป็นจุดจบ กลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า
หลังจากถูกบีบออกจากบริษัท คุณพาเวล ดูรอฟ และพี่ชายนิโคไล ดูรอฟ
ได้ลี้ภัยออกนอกประเทศรัสเซีย และเริ่มต้นแผนการเอาคืนรัฐบาลจอมแทรกแซงอีกครั้ง
ในปี 2013 คุณพาเวล ดูรอฟ และพี่ชาย จึงพัฒนา Telegram ขึ้น
และมันกำลังเป็นสิ่งที่จะทำให้รัฐบาลทั่วโลกต้องกังวล
Telegram เป็นแอปพลิเคชันแช็ต คล้ายกับ LINE ที่เราใช้กันอยู่
แต่ Telegram มีจุดแข็งอยู่ที่ “ความปลอดภัยของระบบ”
ที่ไม่ว่ารัฐบาลไหนๆ ก็ยังไม่เคยเจาะเข้าไปได้
ที่สำคัญคือ Telegram เป็นแอปที่ไม่มีนโยบายรับโฆษณา
หรือขายข้อมูลผู้ใช้งานในบริษัทเอกชนใดๆ ก็ตาม
เนื่องจากผู้ก่อตั้งต้องการให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานมากที่สุด
ปัจจุบัน Telegram มีผู้ใช้งานมากกว่า 400 ล้านบัญชีทั่วโลก
แซงหน้า Twitter ที่มียอดผู้ใช้งานทั่วโลกอยู่ 326 ล้านคนเท่านั้น
ทั้งที่ปล่อยออกมาให้คนใช้งานตั้งแต่ ปี 2006
ที่น่าสนใจอีกเรื่อง คือ ตอนนี้สำนักงานใหญ่ของ Telegram อยู่ที่ดูไบ
แต่ทีมงานส่วนใหญ่จะมาจากเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย
ซึ่งเป็นเมืองที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นแหล่งรวมวิศวกรทักษะสูง
อย่างไรก็ตาม กว่าจะมาตั้งสำนักงานใหญ่อยู่ที่ดูไบได้
Telegram เคยตั้งสำนักงานใหญ่ทั้งใน เบอร์ลิน, ลอนดอน และสิงคโปร์
แต่เนื่องจากไปขัดกับข้อบังคับบางอย่างในประเทศเหล่านั้น สุดท้ายจึงต้องย้ายไปเรื่อยๆ
ซึ่งแม้ว่าทุกวันนี้ สำนักงานจะยังอยู่ที่ดูไบอย่างปกติสุข
แต่คุณพาเวล ดูรอฟ ก็ยังคงเตรียมแผนสำหรับย้ายสำนักงานเอาไว้
เผื่อว่าในอนาคต Telegram เกิดเรื่องไม่ลงรอยกับที่นี่
ทั้งหมดนี้ก็คือความตั้งใจของ คุณพาเวล ดูรอฟ
ที่ต้องการจะปกป้องข้อมูลและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน
ในยุคที่ข้อมูลของเราเป็นสิ่งมีราคา ซึ่งหากมองอีกด้าน เราอาจเปรียบได้กับสินค้าชนิดหนึ่งได้
และในขณะเดียวกัน จำนวนผู้ใช้งาน Telegram ที่เติบโตขึ้นทุกๆวัน
ก็เป็นเหมือนเครื่องยืนยันได้อย่างดีว่า
หลายคนเริ่มรับรู้ถึงความสำคัญในสิทธิส่วนบุคคล
ซึ่งมันไม่ควรถูกยกให้ใครก็ได้ โดยที่เราไม่ยินยอม..
References:
-https://telegram.org/faq#q-what-is-telegram-what-do-i-do-here
-https://www.businessinsider.com/
-https://www.forbes.com/profile/pavel-durov/#29c2a55f14c5
-https://peoplepill.com/people/pavel-durov/
-https://www.statista.com/statistics/272014/global-social-networks-ranked-by-number-of-users/