รู้จัก niko and … แบรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์เจ้าดัง จากญี่ปุ่น ที่กำลังบุกไทย ในตอนนี้
Business

รู้จัก niko and … แบรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์เจ้าดัง จากญี่ปุ่น ที่กำลังบุกไทย ในตอนนี้

26 เม.ย. 2023
รู้จัก niko and … แบรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์เจ้าดัง จากญี่ปุ่น ที่กำลังบุกไทย ในตอนนี้ /โดย ลงทุนเกิร์ล
ในช่วงไม่กี่สิบปีมานี้ ประเทศไทยถือได้ว่า เป็นหนึ่งในตลาดสุดฮอต ที่แบรนด์ดัง ๆ จากญี่ปุ่น ต่างให้ความสนใจอยู่ไม่น้อย สังเกตได้จาก
ปี 2006 MUJI แบรนด์แห่งความมินิมัล เปิดสาขาแรก ที่เซ็นทรัล ชิดลม
ปี 2011 UNIQLO แบรนด์ฟาสต์แฟชั่นยักษ์ใหญ่ในญี่ปุ่น เปิดสาขาแรก ที่เซ็นทรัลเวิลด์
ปี 2019 DONKI เจ้าตลาดแห่งร้านดิสเคานต์สตอร์ เปิดสาขาแรก ที่ย่านทองหล่อ
รวมถึงในปีหน้า ก็จะมี Nitori แบรนด์เฟอร์นิเจอร์ ที่เคยล้ม IKEA ในญี่ปุ่น มาเปิดสาขาแรก ที่เซ็นทรัลเวิลด์
และล่าสุด สำหรับผู้เล่นหน้าใหม่อย่าง “niko and …” ที่ได้ตัดสินใจตบเท้า มาบุกตลาดในไทยเช่นกัน โดยเปิดสาขาแรก ที่สยามสแควร์วัน แบบสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้
อย่างไรก็ตาม ด้วยความเป็นน้องใหม่ในตลาด เชื่อว่าหลายคนอาจยังไม่ค่อยคุ้นหูกับแบรนด์นี้
ลงทุนเกิร์ลจึงอยากจะพาทุกคน มาทำความรู้จักกับแบรนด์ niko and … กันค่ะ
niko and … เป็นแบรนด์สินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ยอดนิยมของญี่ปุ่น ที่อยู่ภายใต้บริษัท Adastria Co., Ltd. โดยบริษัทนี้ยังเป็นเจ้าของแบรนด์สินค้าแฟชั่น ร้านอาหารและเครื่องดื่ม รวมกว่า 61 แบรนด์ในเครือ
นอกจากนี้บริษัทยังจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าบริษัทกว่า 30,300 ล้านบาท
สำหรับชื่อแบรนด์ niko and … เป็นตัวย่อของ “Nobody I Know Own Style” ซึ่งมีความหมายว่า “ไม่มีใครรู้จักฉันดีไปกว่าฉัน หรือฉันรู้จักตัวเองดีที่สุด”
โดยเปิดสาขาแรกเมื่อปี 2007 ที่เมืองสึกูบะ จังหวัดอิบารากิ โดยในตอนนั้นเน้นขายสินค้าเสื้อผ้าแฟชั่น และของใช้จิปาถะ ในหมู่ชายหญิงวัย 30 ปีขึ้นไป ที่อาศัยอยู่ในย่านชานเมือง
ก่อนที่ภายหลัง จะแตกไลน์สินค้าให้หลากหลายมากขึ้น ตั้งแต่เฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้าน ของใช้ในชีวิตประจำวัน ไปจนถึงอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อให้ครอบคลุมรสนิยม และไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค
นอกจากนี้ niko and … ยังได้ขยายกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย มาจับทั้งกลุ่มคนวัยรุ่น รวมถึงกลุ่มลูกค้าทั่วไป ที่ชื่นชอบในสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ อีกด้วย
ในส่วนสินค้านั้น จะอยู่ภายใต้คอนเซปต์ว่า “UNI9UE SENSES” เป็นการจำแนกความ “ชอบ“ อันหลากหลายของผู้คน ออกมาเป็น Sense ทั้ง 9 อย่าง ได้แก่ CLOTHES, LIVE, KNOW, TRAVEL, LOCAL, FOOD, PLAY, MUSIC และ HEALTH
ยกตัวอย่างเช่น-LIVE เป็นสินค้าเกี่ยวกับเฟอร์นิเจอร์ และของตกแต่งบ้าน เช่น โซฟา, โต๊ะ, เก้าอี้, ชั้นวางของ, โคมไฟ, ตู้, หนังสือ และเฟอร์นิเจอร์สำนักงาน นอกจากนี้ niko and … ในญี่ปุ่นก็ยังมี FURNITURE & SUPPLY for Business ซึ่งเป็นอีกหนึ่งบริการ ด้านการออกแบบให้แก่ลูกค้า ทั้งแบบ B2C และ B2B
-TRAVEL เป็นสินค้าเกี่ยวกับอุปกรณ์และเครื่องแต่งกาย ที่ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์การทำกิจกรรมกลางแจ้ง ทั้งการปิกนิก การท่องเที่ยว และการแคมปิง
-LOCAL เป็นการนำเสนอสินค้ารุ่นลิมิติดอิดิชัน ที่ niko and … ไปร่วมจับมือกับแบรนด์ดัง หรือศิลปินในท้องถิ่นนั้น ๆ อย่างของในไทยเอง ตอนนี้จะเป็น SUNDAE KIDS และน้องมะม่วงจัง นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมเวิร์กช็อปต่าง ๆ เพื่อให้ลูกค้าได้เข้ามาร่วมสนุก
-FOOD เป็นการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม ผ่านรูปแบบคาเฟ niko and … COFFEE ซึ่งเหมาะกับการนั่งชิล หรือพักผ่อน หลังจากช็อปปิงกันเหนื่อย ๆ
-MUSIC ในทุก ๆ ปี niko and … จะมีการจัดเทศกาลดนตรีที่ญี่ปุ่น โดยจะรวบรวมศิลปินหลากหลายแนวมาไว้บนเวทีนี้ เพื่อมอบความสนุก และสร้างคอมมิวนิตี ระหว่างแบรนด์และลูกค้าไปพร้อม ๆ กัน
เพราะปฏิเสธไม่ได้เลยว่า สมัยนี้การทำธุรกิจจะโฟกัสเพียงแค่ “สินค้าหรือบริการ” เพียงอย่างเดียวคงไม่ได้ แบรนด์จะต้องรู้จักสร้างความสัมพันธ์และความทรงจำที่ดีกับลูกค้าด้วย เนื่องจากสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้แบรนด์เติบโตต่อไปได้ นอกจากผลกำไรแล้ว การให้ความสำคัญกับ “ลูกค้า” ก็เป็นอีกองค์ประกอบที่ขาดไม่ได้เช่นกัน
และจากรูปแบบสินค้าที่ได้กล่าวไปนั้น ก็ต้องบอกว่ามันไม่ได้ทำขึ้นเพื่อเป็นกิมมิก แต่เป็นความตั้งใจของแบรนด์ ที่ต้องการสื่อว่า niko and … ไม่ได้มีแค่เพียงแฟชั่นและไลฟ์สไตล์เท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งรวมความหลากหลาย ทั้งดนตรี อาหาร และวัฒนธรรม ไว้ด้วยกัน
ซึ่งในอีกมุมหนึ่ง มันก็เหมือนการให้ผู้บริโภคได้สนุกไปกับ “การค้นหาตัวตนที่ใช่ในสไตล์ที่ชอบ” ผ่าน Sense ทั้ง 9 นั่นเอง
ปัจจุบัน niko and … ได้ขยายสาขาไปไกล ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น จีน, ไต้หวัน และฮ่องกง
โดยเฉพาะในญี่ปุ่น ที่มีจำนวนสาขาทั้งหมด 142 สาขา และในจีนอีก 28 สาขา
รวมถึงไทย ที่ได้ประเดิมสาขาแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายใต้รูปแบบ Flagship Store ใจกลางสยามสแควร์วัน ซึ่งเป็นทำเลทองที่มีแทรฟฟิกสูง แถมยังเป็นแหล่งที่มีกลุ่มเป้าหมายอย่างวัยรุ่น และลูกค้าที่มีกำลังซื้ออยู่ ก็คงจะช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างยอดขายให้กับแบรนด์ได้ไม่ยาก
แล้วทำไม niko and … ถึงเลือกมาเปิดสาขาแรกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ประเทศไทย ?
-ตลาดแฟชั่นในไทย มีความใกล้เคียงกับตลาดแฟชั่นในญี่ปุ่น
-คนไทยชื่นชอบและให้การยอมรับในภาพลักษณ์และคุณภาพสินค้า จากแบรนด์ญี่ปุ่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
-เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีประชากรวัยหนุ่มสาวจำนวนมาก อีกทั้งยังเป็นตลาดแฟชั่นที่กำลังเติบโต
-ไทยเป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้น ๆ ของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ซึ่งนักท่องเที่ยว ก็นิยมมาช็อปปิงควบคู่ไปกับการเที่ยวพักผ่อน
นี่จึงเป็นโอกาสที่ niko and … จะได้ต่อยอดความสำเร็จของแบรนด์ไปอีกขั้น และผลักดันให้แบรนด์สร้างฐานลูกค้าใหม่ ๆ ต่อไปได้อีกในอนาคต
และหากผลลัพธ์เป็นไปตามเป้าหมาย niko and … ก็จะค่อย ๆ ขยายสาขาใหม่ในไทยต่อไป ให้ได้อีก 5 สาขา ภายในระยะเวลาอีก 2-3 ปีข้างหน้า
ก็น่าติดตามกันต่อไปว่า niko and … จะชนะใจลูกค้าชาวไทย และไปได้ไกลมากขนาดไหน..
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.