Business
CHARLES & KEITH จากร้านรองเท้าริมถนน สู่แบรนด์หรูหราที่จ่ายได้
12 ม.ค. 2023
CHARLES & KEITH จากร้านรองเท้าริมถนน สู่แบรนด์หรูหราที่จ่ายได้ /โดย ลงทุนเกิร์ล
รู้หรือไม่ว่า ครั้งหนึ่ง LVMH บริษัทแม่ของ Dior, Louis Vuitton และ Celine เคยเข้ามาซื้อหุ้น 20% ของ CHARLES & KEITH ซึ่งคิดเป็นมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาทเลยทีเดียว
สำหรับในปัจจุบัน CHARLES & KEITH มีสาขาครอบคลุมทั้งในสหรัฐอเมริกา, ยุโรป, เอเชียแปซิฟิก และตะวันออกกลาง ซึ่งนี่ถือว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ที่แบรนด์แฟชั่นจากเอเชีย จะสามารถขยายกิจการไปได้ไกลขนาดนี้
แล้วกว่าจะมาเป็น CHARLES & KEITH ในทุกวันนี้ ต้องผ่านอะไรมาบ้าง? ลงทุนเกิร์ลจะสรุปให้ฟัง..
CHARLES & KEITH เริ่มแรกมาจากร้านขายรองเท้าเล็กๆ ริมถนน ตั้งอยู่ประเทศสิงคโปร์ ที่ดูแลโดย สามพี่น้องตระกูลหว่อง ได้แก่ คุณชาร์ลส, คุณคีธ และคุณเคนเน็ธ
ซึ่งร้านที่ 3 พี่น้องดูแลอยู่นั้น เป็นร้านที่สืบทอดกิจการมาจากพ่อแม่
แต่พอมาในปี 1990
คุณชาร์ลส ก็เกิดอยากจะมีกิจการเป็นของตนเอง
จึงตัดสินใจที่จะไม่เรียนต่อ และแยกตัวออกมาเปิดร้านเป็นของตนเอง ในศูนย์การค้าอามาร่า ด้วยวัย 22 ปี
แต่ทว่าในตอนนั้น ร้านรองเท้าของเขาก็ยังเป็นเพียง การรับรองเท้าจากโรงงานมาขายต่อ
ซึ่งหลังจากเริ่มกิจการได้ไม่ถึงปี
คุณชาร์ลส ก็สังเกตว่า รองเท้าที่รับมาไม่ตอบโจทย์ลูกค้า
อีกทั้งร้านอื่น ๆ ก็รับรองเท้าที่เหมือนๆ กับที่เขาเอามาขายเช่นกัน
ทั้งหมดนี้ทำให้ คุณชาร์ลส พบว่ารูปแบบธุรกิจแบบนี้ คงอยู่ได้ไม่นาน
เมื่อคิดได้อย่างนั้นแล้ว คุณชาร์ลส จึงปรับรูปแบบธุรกิจใหม่ ด้วยการสร้างแบรนด์ขึ้นมาเป็นของตนเอง โดยทำการออกแบบรองเท้าที่มีความแตกต่างและตอบโจทย์ลูกค้า
ซึ่งคุณชาร์ลส ก็ได้ชวนคุณคีธ น้องชายของเขา ให้เข้ามาช่วยออกแบบและพัฒนา จนทำให้ในปี 1996 แบรนด์ CHARLES & KEITH ได้ถือกำเนิดขึ้น ด้วยแนวคิด “ความหรูหราที่จ่ายได้”
โดยการออกแบบดีไซน์เรียบหรูและทันสมัย
ตามเทรนด์ ราคาเข้าถึงได้กับทุกกลุ่ม
ซึ่งในช่วงแรกพวกเขาจะผลิตรองเท้ากันในบ้าน โดยนำมาขายรวมกับรองเท้าที่รับมาจากโรงงาน
หลังจากธุรกิจกำลังไปได้ดี พวกเขาก็ได้ขยายการผลิตเพิ่มขึ้น
โดยขั้นตอนทั้งหมดนั้น ชาร์ลส และคีธ ต้องทำทั้งออกแบบ หาโรงงานผลิต จัดการสินค้าให้เพียงพอกับความต้องการ ด้วยตัวเขาเองทั้งหมด
แต่หลังจากก่อตั้งปีได้เพียงปีเดียว
ก็เป็นช่วงที่เกิดวิกฤติต้มยำกุ้ง
แต่คุณชาร์ลส กลับมองว่า สิ่งนี้จะเป็นโอกาสให้กับร้านของเขา ในการต่อรองกับโรงงานที่ผลิตรองเท้า ที่จะได้ขั้นตอนการผลิตที่ต้องการในราคาที่ถูกลง ถือได้ว่าเป็นการพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสของแบรนด์ CHARLES & KEITH ให้เติบโต
หลังจากนั้นในปี 1998
CHARLES & KEITH ก็ได้เปิดตัวไลน์สินค้าใหม่ คือ กระเป๋าและเครื่องประดับที่ได้ น้องชายคนสุดท้องอย่าง เคนเน็ธ ที่เพิ่งเรียนจบ และเข้ามาเป็นผู้ออกแบบกระเป๋าและเครื่องประดับ ยิ่งทำให้ CHARLES & KEITH ขยายฐานลูกค้าได้กว้างขึ้น
ด้วยความพยายามของพวกเขาทั้งสามคน
ทำให้ภายใน 3 ปี รองเท้าที่จำหน่ายในร้านทั้งหมด กลายมาเป็นรองเท้าภายใต้แบรนด์ CHARLES & KEITH เรียกได้ว่าเป็นการเดินหน้าเต็มกำลัง ที่ทำให้ในเวลาต่อมาสามารถตีตลาดสิงคโปร์ได้และเป็นแบรนด์อันดับต้น ๆ ของประเทศในตอนนั้น
แม้ว่า CHARLES & KEITH จะโด่งดังในประเทศสิงคโปร์แล้ว แต่ก็ยังไม่หยุดเพียงแค่นี้
พวกเขายังทำการขยายแบรนด์ CHARLES & KEITH ไปยังต่างประเทศ ตั้งแต่ในปี 2001 ด้วยการใช้ระบบแฟรนไชส์
รวมถึง CHARLES & KEITH ยังมองเห็นถึงอนาคตของยุคดิจิทัล ทำให้ในปี 2004 ได้มีการเปิดเว็บไซต์และพัฒนาระบบสั้งซื้อขายออนไลน์ ถือได้ว่าเป็นบริษัทแรกของประเทศสิงคโปร์ที่ทำเรื่องนี้
จนทำให้ในปี 2011 แบรนด์แพร่หลายไปทั่วเอเชีย ตะวันออกกลาง แอฟริกา และยุโรป รวมแล้วมี CHARLES & KEITH เกือบ 230 สาขาทั่วโลก
ในปีเดียวกันนี้ บริษัทอย่าง LVMH ก็เห็นถึงความโดดเด่นของ CHARLES & KEITH จึงได้เข้ามาลงทุนผ่านกองทุน L Catterton เป็นป็นสัดส่วน 20% ซึ่งคิดเป็นมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งในภายหลัง ทางบริษัทก็ได้มีการซื้อหุ้นกลับคืนมาเรียบร้อย
หลังจากนั้น CHARLES & KEITH ยังคงได้เดินหน้าขยายสาขาไปยังประเทศอื่นเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
ซึ่งหนึ่งในนั้นรวมถึงประเทศไทย ที่ CHARLES & KEITH ได้เข้ามาเปิดสาขาอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2006 หรือประมาณ 16 ปีที่แล้ว ก่อนที่จะตามมาด้วยประเทศเวียดนาม และมาเลเซีย
แม้ว่าในทุกวันนี้ CHARLES & KEITH จะเป็นแบรนด์ชั้นนำ และมีให้บริการมากกว่า 600 สาขา แต่ก็ยังไม่หยุดที่จะพัฒนาตนเอง
เรื่องของสามพี่น้องตระกูลหว่อง ให้อะไรกับเราบ้าง?
หากในวันนั้น คุณชาร์ลส ยังเลือกที่จะรับรองเท้าจากโรงงานมาขายอยู่แบบเดิม ก็คงไม่มีใครจุดประกายความคิดในการสร้างแบรนด์ CHARLES & KEITH
ถ้าคุณคีธ ยังเลือกที่จะดูแลกิจการของครอบครัวต่อ ก็คงไม่มีรองเท้าดีไซน์ให้กับแบรนด์ CHARLES & KEITH หรือแม้แต่ คุณเคนเน็ธ ถ้าเลือกไปทำงานกับบริษัทอื่นหลังเรียนจบ ก็คงไม่มี ไลน์สินค้าอย่างกระเป๋าและเครื่องประดับที่เป็นที่นิยมไม่แพ้รองเท้า ให้กับแบรนด์ CHARLES & KEITH
จะเห็นได้ว่า ถ้าหากทั้งสามคนนี้เลือกที่จะทำแบบเดิม ที่พวกเขาคิดว่าปลอดภัย อยู่ในจุดที่ไม่ต้องลองเสี่ยง พวกเขาก็คงไม่มาถึงจุดนี้ วันที่แบรนด์ของพวกเขาเป็นที่รู้จักทั่วโลกและสร้างรายได้มหาศาล
กลับมามองที่ตัวเรา ว่าในตอนนี้ เราได้ลองทำอะไรที่ตนเองต้องการหรือยัง
ไม่แน่ในอนาคตอาจจะเห็นแบรนด์ระดับโลกที่เกิดจากตัวเราก็เป็นได้..
References:
Tag:CHARLES & KEITH