
Business
นารี ซอยเมอ หญิงไทยที่สร้างรายได้ จากศาสตร์การนวด หลักล้านต่อเดือน
9 ม.ค. 2022
นารี ซอยเมอ หญิงไทยที่สร้างรายได้ จากศาสตร์การนวด หลักล้านต่อเดือน /โดย ลงทุนเกิร์ล
เราเคยตั้งคำถามกับตัวเองไหมว่า เพดานรายได้ในสายอาชีพที่เราทำอยู่ จะไปแตะจุดสูงสุดที่เท่าไร ?
คำตอบอาจแตกต่างกัน ตามเป้าหมายที่แต่ละคนวางไว้
คำตอบอาจแตกต่างกัน ตามเป้าหมายที่แต่ละคนวางไว้
แต่ถ้าคำถามนี้ ตั้งต้นด้วยอาชีพ “หมอนวด” เราก็อาจคาดเดาได้ว่า รายได้ของอาชีพนี้ น่าจะตกอยู่วันละประมาณ 600-1,000 บาท หรือเดือนละ 18,000-30,000 บาท ขึ้นอยู่กับปริมาณการจองของลูกค้าในแต่ละวัน
และยังต้องหักส่วนแบ่งราคาชั่วโมงนวดกับร้านและพนักงาน ซึ่งบางที่อาจยึดอัตราส่วน 70:30 หรือส่วนมากจะคิดที่อัตรา 50:50
แต่คำตอบที่ทุกคนคิดอาจผิดทั้งหมด..
เพราะ “คุณปุ๊ นารี ซอยเมอ” หญิงไทยที่สามารถต่อยอดศาสตร์การนวด จนทำรายได้เกือบ 4,000 บาทต่อชั่วโมง หรือ 1 ล้านบาทต่อเดือน
เธอทำได้อย่างไร และเรื่องราวชีวิตของเธอจะน่าสนใจแค่ไหน ? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟังค่ะ
พื้นฐานครอบครัวของคุณปุ๊จริง ๆ แล้วค่อนข้างลำบาก ทำให้คุณปุ๊ต้องทำอาชีพหาเช้ากินค่ำ เช่น นางรำ เล่นดนตรีไทย และก่อสร้าง เพื่อหารายได้ส่งตัวเองเรียน รวมถึงช่วยแบ่งเบาภาระครอบครัว ตั้งแต่อายุยังน้อย
จนคุณปุ๊อายุได้ 17 ปี แม่เพื่อนของคุณปุ๊ ได้ชักชวนให้มาทำอาชีพหมอนวด
แต่ ณ ตอนนั้น ทัศนคติที่คุณปุ๊มีต่ออาชีพนี้ไม่ค่อยดีเท่าไร เพราะมองว่าใกล้เคียงกับอาชีพอาบอบนวด
แต่ ณ ตอนนั้น ทัศนคติที่คุณปุ๊มีต่ออาชีพนี้ไม่ค่อยดีเท่าไร เพราะมองว่าใกล้เคียงกับอาชีพอาบอบนวด
แต่หลังจากเปิดใจกับอาชีพนี้ คุณปุ๊ก็ได้ก้าวเข้าสู่วงการนวด ด้วยการเป็นพนักงานสปา ที่เขาหลัก ปาล์ม บีช รีสอร์ท จังหวัดพังงา เป็นที่แรก ก่อนที่จะบรรจุเข้าเป็นพนักงานประจำ
โดยคุณปุ๊จะต้องผ่านหลักสูตรการนวดจาก ชีวาศรม อคาเดมี่ หรือ โรงเรียนสอนวิชาชีพความงามและสุขภาพสปาชีวาศรม ก่อนเป็นเวลา 3 เดือน
หลังจากเริ่มงานได้ 1 เดือน คุณปุ๊ทำรายได้มากถึง 20,000 บาท ซึ่งเงินจำนวนนี้ ในช่วง 20 ปีที่แล้ว ถือว่าเป็นจำนวนเงินที่ไม่น้อยทีเดียว
ในตอนนั้นคุณปุ๊รู้สึกดีใจมากที่ตัวเองสามารถหารายได้ได้มากขนาดนี้ จึงเริ่มรักในอาชีพนี้ และสนใจที่จะศึกษาศาสตร์นี้ต่อไป พร้อมกับการพัฒนาตัวเองให้มากขึ้น
คุณปุ๊เริ่มเรียนศาสตร์การนวดรูปแบบใหม่ ๆ เพื่อพัฒนาฝีมือการนวดของตัวเอง รวมถึงในด้านภาษาอังกฤษก็เช่นกัน เนื่องจากอาชีพหมอนวดต้องพบปะและสื่อสารกับลูกค้าชาวต่างชาติอยู่บ่อยครั้ง
ดังนั้น คุณปุ๊จึงพลิกข้อจำกัดตรงนี้ มาสร้างเป็นโอกาสให้ตัวเอง ด้วยการเข้าคอร์สเรียนภาษาอังกฤษ จนสามารถสื่อสารกับชาวต่างชาติได้
หลังจากทำอาชีพหมอนวดได้สักพัก คุณปุ๊ก็ตั้งคำถามกับตัวเองต่อ ว่าจะทำอย่างไรได้บ้าง ให้ได้เงินเพิ่ม ?
และได้คำตอบว่า หากยังทำอยู่ในเชนโรงแรมไทย โอกาสการเติบโตก็อาจจะน้อย จึงตัดสินใจย้ายไปเชนโรงแรมต่างชาติ ซึ่งที่นั่นก็คือ เลอ เมอริเดียน เขาหลัก รีสอร์ทแอนด์สปา
ปัญหาติดตรงที่ว่า ที่นี่รับคนที่มีวุฒิขั้นต่ำ ปวส. ซึ่งคุณปุ๊จบแค่วุฒิ ม.3 จึงไม่สามารถสมัครเข้าทำงานได้
แต่หลังจากโดนปฏิเสธอยู่หลายครั้ง คุณปุ๊ไม่ยอมแพ้และใช้วิธีการตื๊อ จนในที่สุดเขาก็ยอมรับเข้าทำงาน
แต่หลังจากโดนปฏิเสธอยู่หลายครั้ง คุณปุ๊ไม่ยอมแพ้และใช้วิธีการตื๊อ จนในที่สุดเขาก็ยอมรับเข้าทำงาน
ชีวิตของคุณปุ๊ดีขึ้นเป็นเท่าตัว หลังจากย้ายมาทำเชนโรงแรมต่างชาติ จากรายได้ที่ทำได้ 20,000-30,000 บาท ก็กลายเป็น 60,000 บาท
ด้วยความที่คุณปุ๊เป็นคนทะเยอทะยาน มุ่งมั่น และพยายามมาก จึงทำให้ผู้ฝึกสอนเห็นแวว ชักชวนให้มาเป็นนักสปาบำบัด
ซึ่งความแตกต่างของพนักงานนวดสปา และนักสปาบำบัด คือ พนักงานนวดสปา (Masseur) จะใช้เฉพาะทักษะการนวด แต่นักสปาบำบัด (Spa Therapist) จะใช้ทักษะการนวด ที่มีศาสตร์ความงาม เข้ามาผสมผสานด้วย
หลังจากเป็นนักสปาบำบัดได้ไม่นาน คุณปุ๊ได้ย้ายมาทำที่ เดอะ สโรจิน เขาหลัก ในตำแหน่งพนักงานต้อนรับ เพื่อเรียนรู้ระบบการทำงานของสปาแบบเต็มรูปแบบ และอีกเหตุผลสำคัญ ก็เพื่อค้นหาว่าจริง ๆ แล้วตัวเองรักและชอบที่จะทำอะไรกันแน่
และสุดท้ายเธอก็ค้นพบว่า “การนวด” นี่แหละ คือสิ่งที่ตัวเองรัก
ทุกอย่างกำลังไปได้ด้วยดี
แต่มรสุมครั้งใหญ่ก็พัดเข้ามาแบบไม่ทันตั้งตัว
สึนามิได้ซัดถล่ม จ.พังงา จนไม่เหลืออะไร นอกจากชีวิตที่ยังต้องเดินต่อ..
แต่มรสุมครั้งใหญ่ก็พัดเข้ามาแบบไม่ทันตั้งตัว
สึนามิได้ซัดถล่ม จ.พังงา จนไม่เหลืออะไร นอกจากชีวิตที่ยังต้องเดินต่อ..
หลังจากว่างงานอยู่นาน คุณปุ๊ได้ย้ายมาทำงานที่ เจดับบลิว แมริออท เขาหลัก รีสอร์ต แอนด์ สปา เป็นเวลา 5 ปีด้วยกัน
และย้ายไปทำงานต่อในต่างประเทศ เช่น เกาหลีใต้และอินเดีย เพื่อหาประสบการณ์ใหม่ ๆ บวกกับได้เที่ยวพักผ่อนไปในตัว
แต่สุดท้ายก็ได้กลับมาทำงานที่ เจดับบลิว แมริออท อีกครั้ง ด้วยตำแหน่งผู้จัดการสปา (Spa Manager)
สิ่งที่เป็นเครื่องการันตีว่า คุณปุ๊คือเบอร์ 1 ในสายอาชีพนี้ คือรางวัล EDGE Award ซึ่งเป็นรางวัลเกียรติยศ ที่ เจดับบลิว แมริออท มอบให้พนักงานดีเด่นระดับโลก
โดยวัดจากรายได้ การควบคุมต้นทุน และความพึงพอใจของทั้งลูกค้าและพนักงานด้วยกันเอง เทียบกับเชนโรงแรมทั้งหมดในเครือ กว่า 4,000 แห่งทั่วโลก
สุดท้ายในบั้นปลายชีวิต คุณปุ๊ได้ตัดสินใจย้ายไปอยู่กับครอบครัวที่ประเทศเยอรมนี แต่คุณปุ๊ก็ไม่ได้ละทิ้งอาชีพนี้ไป
เพราะปัจจุบันยังคงรับงานนวดที่ประเทศเยอรมนี โดยคิดค่าชั่วโมงนวดอยู่ที่ 75-100 ยูโร หรือคิดเป็นเงินไทยราว 2,900-3,800 บาทต่อชั่วโมง
และหากต้องการนวดกับคุณปุ๊ก็ใช่ว่าจะได้นวดทันที เพราะจะต้องจองล่วงหน้าอย่างน้อย 3-4 เดือน เลยทีเดียว
ที่สำคัญคือ ในระหว่างเส้นทางสายอาชีพหมอนวด คุณปุ๊ได้สร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญให้วงการนวดและอุตสาหกรรมสปาไทย ด้วยการเข้าร่วมแข่งขัน World Championship In Massage 2017 ที่กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก
และคว้าเหรียญทองมาครองได้ถึง 2 เหรียญ คือ
1) เหรียญทองสำหรับนวดแบบเอเชียน (Best Asian Massage World Championship Massage 2017)
2) เหรียญทองสำหรับเเชมป์โลก (Gold World Championship In Massage 2017)
2) เหรียญทองสำหรับเเชมป์โลก (Gold World Championship In Massage 2017)
โดยมีคู่แข่งกว่า 100 คน จาก 30 ประเทศทั่วโลก
ซึ่งสาเหตุที่ทำให้คุณปุ๊ได้รับชัยชนะ ก็ไม่ใช่อะไรอื่นไกล
ทั้งหมดเป็นเพราะ “ความใฝ่เรียนรู้” ที่ไม่เคยหยุดของคุณปุ๊ ที่มองว่าศาสตร์การนวดมีอะไรใหม่ ๆ ให้เรียนรู้ได้ไม่มีวันจบสิ้น
ทั้งหมดเป็นเพราะ “ความใฝ่เรียนรู้” ที่ไม่เคยหยุดของคุณปุ๊ ที่มองว่าศาสตร์การนวดมีอะไรใหม่ ๆ ให้เรียนรู้ได้ไม่มีวันจบสิ้น
หนึ่งในนั้นคือ การเข้าไปศึกษาศาสตร์การนวดแบบ Thai Warrior Massage หรือการนวดไทยสไตล์นักรบ กับหมอแจ็ค บ้านน้ำเค็ม อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ซึ่งก็ทำให้สไตล์การนวดของคุณปุ๊โดดเด่น มีเอกลักษณ์จนคว้ารางวัลได้ถึง 2 เหรียญทอง
และสิ่งที่ทำให้หญิงไทยที่ชื่อ “นารี ซอยเมอ” ประสบความสำเร็จในเส้นทางสายอาชีพการนวด และสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำขนาดนี้ ก็เพราะวิธีการคิดของเธอ ที่มองว่า
ศาสตร์การนวดยังมีอะไรให้เรียนรู้ไม่มีวันจบสิ้น และทุกวันนี้เธอก็ยังคงบินกลับมาประเทศไทย เพื่อศึกษาศาสตร์การนวดรูปแบบใหม่ ๆ อยู่เสมอ
ในขณะที่หลาย ๆ คนอาจมองว่า “อาชีพหมอนวด” คืออาชีพที่ไม่มีเกียรติและรายได้น้อย แต่ใครจะไปรู้ว่า หากเราทุ่มสุดตัวให้กับสายอาชีพนี้ มันสามารถทำเงินให้เราได้เกือบ 4,000 บาทต่อชั่วโมง หรือ 1 ล้านบาทต่อเดือนเลยทีเดียว..