Business
เรียนรู้แนวคิด DINSOR กราฟิกสตูดิโอเล็ก ๆ ที่ออกแบบงานให้แบรนด์ใหญ่
12 พ.ย. 2021
เรียนรู้แนวคิด DINSOR กราฟิกสตูดิโอเล็ก ๆ ที่ออกแบบงานให้แบรนด์ใหญ่ /โดย ลงทุนเกิร์ล
ถ้าใครเคยเห็นร้านอาหารสีฟ้า, ศูนย์อาหาร LOFTER ที่เซ็นทรัล ชิดลม, แอปพลิเคชัน Kept,
เชนร้านกาแฟ D’Oro, โรงแรม Homm จากเครือ Banyan Tree
ร้านโดนัทที่กำลังมาแรงอย่าง Drop by Dough,
ไปจนถึง ภาพโปรโมตหลาย ๆ โปรเจกต์ของ Land & Houses และ Gaysorn Village
เชนร้านกาแฟ D’Oro, โรงแรม Homm จากเครือ Banyan Tree
ร้านโดนัทที่กำลังมาแรงอย่าง Drop by Dough,
ไปจนถึง ภาพโปรโมตหลาย ๆ โปรเจกต์ของ Land & Houses และ Gaysorn Village
ทั้งหมดนี้คือส่วนหนึ่งของผลงานจาก DINSOR (ดินสอ) บริษัทกราฟิกดีไซน์ ที่มีฝีมือไม่ธรรมดา
และไม่เพียงแค่จะมีชื่อเสียงในไทยเท่านั้น แต่ลูกค้ากว่าครึ่งหนึ่งของ DINSOR ยังเป็นชาวต่างชาติ ที่ติดต่อเข้ามาเองอีกด้วย
อะไรที่ทำให้กราฟิกสตูดิโอแห่งนี้มีแต่คนอยากจะเข้าหาอยู่ตลอด ?
แล้ว DINSOR มีวิธีคิดการทำงานอย่างไร ? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
แล้ว DINSOR มีวิธีคิดการทำงานอย่างไร ? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
DINSOR ก่อตั้งขึ้นในปี 2011 หรือเมื่อ 10 ปีที่แล้ว
ปัจจุบัน นำทีมโดย คุณบอน สารัช จันทวิบูลย์ และคุณโอ พีรกันต์ สมบัติเลิศตระกูล
ปัจจุบัน นำทีมโดย คุณบอน สารัช จันทวิบูลย์ และคุณโอ พีรกันต์ สมบัติเลิศตระกูล
ซึ่งทั้งคู่เป็นผู้รับผิดชอบงานทุกชิ้นด้วยตัวเอง เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่า ต่อให้เป็นลูกค้า SME หรือบริษัทมหาชน ก็จะเป็นทีมงาน ทีมเดียวกันที่รับผิดชอบ ทำให้งานที่ออกไปมีคุณภาพ และมาตรฐานที่สม่ำเสมอ
โดย DINSOR จะมีรูปแบบการให้บริการด้านกราฟิกต่าง ๆ อย่างเช่น
-Brand Identity หรือ อัตลักษณ์ของแบรนด์ สร้างงานออกแบบที่สะท้อนตัวตนของแบรนด์
-Rebranding หรือ การปรับภาพลักษณ์แบรนด์
-Campaign Key Visual หรือ งานออกแบบภาพสื่อสารหลักของแคมเปญ
-ออกแบบสื่อสิ่งพิมพ์ ไม่ว่าจะเป็นโบรชัวร์, ป้ายโฆษณา, นามบัตร, การ์ด และอื่น ๆ
ซึ่งความโดดเด่นของกราฟิกสตูดิโอแห่งนี้อยู่ตรงที่ DINSOR มีลูกค้าตั้งแต่ คาเฟ, ร้านขนมออนไลน์, เชนร้านอาหาร, แอปพลิเคชันการเงิน
ไปจนถึง ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งถือเป็นลูกค้ากลุ่มใหญ่ที่สุดของบริษัท
ไปจนถึง ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งถือเป็นลูกค้ากลุ่มใหญ่ที่สุดของบริษัท
โดยเราจะเห็นได้ว่า ลูกค้าของ DINSOR นั้นค่อนข้างมีความหลากหลาย
เนื่องจาก DINSOR จะเป็นสตูดิโอที่ไม่ได้ยึดติดว่า ตัวเองมีสไตล์งานแบบไหน แล้วใส่ความเป็นตัวเองลงในงานของลูกค้า หรือรับเฉพาะงานที่เป็นสไตล์ของตัวเองเท่านั้น
แต่จะนำเอาจุดประสงค์ของสิ่งที่ลูกค้าต้องการ “สื่อสาร” เป็นที่ตั้ง และนำมาออกแบบให้มีความเป็นลูกค้ามากที่สุด
และแม้ว่ากลุ่มลูกค้าของ DINSOR จะกว้างมาก
แต่ทาง DINSOR ก็จะมีหลักคิดในการทำงานให้ลูกค้าคล้าย ๆ กัน ซึ่งก็คือ
แต่ทาง DINSOR ก็จะมีหลักคิดในการทำงานให้ลูกค้าคล้าย ๆ กัน ซึ่งก็คือ
ดูโจทย์ว่า สินค้า และเป้าหมายที่ตั้งไว้ คืออะไร
รวมไปถึง ศึกษาว่าลูกค้ามีจุดยืนประมาณไหน
เพื่อให้เข้าใจความต้องการของลูกค้า และเห็นภาพไปในทิศทางเดียวกับลูกค้า
รวมไปถึง ศึกษาว่าลูกค้ามีจุดยืนประมาณไหน
เพื่อให้เข้าใจความต้องการของลูกค้า และเห็นภาพไปในทิศทางเดียวกับลูกค้า
หลังจากรับฟังลูกค้าแล้ว พวกเขาก็ไม่ได้ตรงดิ่งไปออกแบบงานให้ลูกค้าทันที
แต่พวกเขาจะช่วยให้คำแนะนำเรื่องอื่น ๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการออกแบบโดยตรง
แต่พวกเขาจะช่วยให้คำแนะนำเรื่องอื่น ๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการออกแบบโดยตรง
อย่างเช่น การชิมขนมของลูกค้า หรือออกความเห็นเรื่องดีไซน์ของสินค้า
และถ้าพวกเขารู้สึกว่าสินค้ายังขาดอะไรไป
หรือควรปรับปรุงตรงไหน ก็จะบอกลูกค้าอย่างตรงไปตรงมา
พร้อมกับช่วยเสนอทางแก้ให้ลูกค้า เปรียบเสมือนกับเป็นที่ปรึกษาคนหนึ่งให้กับลูกค้า
และถ้าพวกเขารู้สึกว่าสินค้ายังขาดอะไรไป
หรือควรปรับปรุงตรงไหน ก็จะบอกลูกค้าอย่างตรงไปตรงมา
พร้อมกับช่วยเสนอทางแก้ให้ลูกค้า เปรียบเสมือนกับเป็นที่ปรึกษาคนหนึ่งให้กับลูกค้า
ซึ่งการทำเช่นนี้ ก็เพื่อผลประโยชน์ของลูกค้าเอง
เพราะถ้าพวกเขารู้สึกว่าสินค้าสามารถพัฒนาหรือเพิ่ม value อะไรได้ ทางทีมก็ยินดีให้คำแนะนำเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นงานเล็ก หรืองานใหญ่ก็ตาม
เพราะถ้าพวกเขารู้สึกว่าสินค้าสามารถพัฒนาหรือเพิ่ม value อะไรได้ ทางทีมก็ยินดีให้คำแนะนำเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นงานเล็ก หรืองานใหญ่ก็ตาม
และที่สำคัญ งานทุกอย่างจะเดินไปได้ ก็ต้องอาศัยส่วนประกอบอื่น ๆ ร่วมด้วย
ไม่ใช่แค่เพียงงานออกแบบให้ดีอย่างเดียวเท่านั้น
แต่ทุกรายละเอียดต้องส่งเสริมกัน แบรนด์ของลูกค้าถึงจะเติบโตได้ยั่งยืน
ไม่ใช่แค่เพียงงานออกแบบให้ดีอย่างเดียวเท่านั้น
แต่ทุกรายละเอียดต้องส่งเสริมกัน แบรนด์ของลูกค้าถึงจะเติบโตได้ยั่งยืน
แม้ว่าการคอมเมนต์ผลิตภัณฑ์ของลูกค้าตรง ๆ อาจทำให้ลูกค้าไม่พอใจได้
แต่เรื่องนี้กลับเป็นจุดที่ทำให้ลูกค้าของ DINSOR ยิ่งถูกใจบริการของที่นี่ จนกลับมาใช้บริการซ้ำ ๆ
แต่เรื่องนี้กลับเป็นจุดที่ทำให้ลูกค้าของ DINSOR ยิ่งถูกใจบริการของที่นี่ จนกลับมาใช้บริการซ้ำ ๆ
หลังจากที่ตกลงเรื่องรายละเอียดต่าง ๆ กับลูกค้าได้เรียบร้อย
ก็จะเริ่มเข้าสู่กระบวนการออกแบบของฝั่ง DINSOR
ก็จะเริ่มเข้าสู่กระบวนการออกแบบของฝั่ง DINSOR
ซึ่งก่อนที่พวกเขาจะส่งมอบงานให้ลูกค้า
พวกเขาจะมีคอมเมนต์ผลงานที่ออกแบบมาด้วยการ มองผลงานตัวเอง “ในมุมคนอื่น”
พวกเขาจะมีคอมเมนต์ผลงานที่ออกแบบมาด้วยการ มองผลงานตัวเอง “ในมุมคนอื่น”
โดยเริ่มจาก มุมของลูกค้า ว่าสิ่งที่ออกแบบมาตรงกับที่ลูกค้าต้องการสื่อสารหรือไม่ และลูกค้ายังคาดหวังอะไรจากในงานนี้อีก
นอกจากนี้ พวกเขายังมองไปถึง มุมลูกค้าของลูกค้าอีกที
โดยจินตนาการว่า คนกลุ่มนี้เขาต้องการจะเห็นอะไรจากงานที่เราออกแบบ และเขาจะรู้สึกอย่างไรต่องานชิ้นนี้
โดยจินตนาการว่า คนกลุ่มนี้เขาต้องการจะเห็นอะไรจากงานที่เราออกแบบ และเขาจะรู้สึกอย่างไรต่องานชิ้นนี้
เพราะถึงแม้ว่า แบรนด์จะเป็นคนจ้าง DINSOR ให้ออกแบบชิ้นงานนั้น
แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า ปลายทางจริง ๆ ของผลงานจะไปปรากฏในสายตาใคร
และคนสุดท้ายที่จะเป็นคนตัดสินว่างานจะเกิดผลจริง ๆ หรือไม่ ก็คือ ลูกค้าของลูกค้า นั่นเอง..
แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า ปลายทางจริง ๆ ของผลงานจะไปปรากฏในสายตาใคร
และคนสุดท้ายที่จะเป็นคนตัดสินว่างานจะเกิดผลจริง ๆ หรือไม่ ก็คือ ลูกค้าของลูกค้า นั่นเอง..
Reference:
-สัมภาษณ์โดยตรงกับคุณโอ พีรกันต์ สมบัติเลิศตระกูล หนึ่งในผู้ก่อตั้ง DINSOR
-สัมภาษณ์โดยตรงกับคุณโอ พีรกันต์ สมบัติเลิศตระกูล หนึ่งในผู้ก่อตั้ง DINSOR