Twinings แบรนด์ที่ทลายกำแพงของ “ชา” ไม่ให้จำกัดอยู่แค่ในวงผู้ดีอังกฤษ /โดย ลงทุนเกิร์ล

หากพูดถึงประเทศอังกฤษ เชื่อว่าหลายคนจะต้องนึกถึง หอนาฬิกาบิกเบน ลอนดอนอาย ตู้โทรศัพท์ และรถบัสสีแดง หรือไม่ก็เมืองที่ฝนตกแทบจะทุกวัน

รวมถึงเครื่องดื่มยอดนิยมอย่าง “ชา” ที่เรามักได้ยินเกี่ยวกับวัฒนธรรมการดื่มชาที่เข้มข้นของชาวอังกฤษ ถึงขั้นมีการระบุช่วงเวลาสำหรับจิบน้ำชาโดยเฉพาะ

และถ้าพูดถึงต้นตำรับชาอังกฤษที่อยู่คู่กับเมืองผู้ดีมากว่า 315 ปี
ซึ่งเรียกได้ว่า มีอายุมากกว่าหอนาฬิกาบิกเบน เสียอีก
ก็คงไม่มีใครไม่รู้จัก Twinings of London หรือที่เรียกกันว่าชา Twinings (ทไวนิงส์) อย่างแน่นอน

ที่น่าสนใจคือ Twinings ซึ่งดูผิวเผินเหมือนกับแบรนด์ชาเก่าแก่ทั่วไป
จริง ๆ แล้ว ยังเป็นแบรนด์ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้เข้าไปสัมผัสโลกของชา
ที่แต่เดิมถูกจำกัดอยู่ที่แค่ผู้ชายหรือชนชั้นสูง

แล้ว​​เส้นทางของ Twinings จะน่าสนใจขนาดไหน ? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง

เริ่มแรก “ชา” ถูกรับรู้ในฐานะเครื่องดื่มสมุนไพร จำหน่ายในร้านกาแฟ ซึ่งเป็นที่รวมตัวของเหล่าชนชั้นสูง ที่เป็นผู้ชาย

อย่างไรก็ตาม สำหรับในแวดวงของผู้หญิง ก็ต้องย้อนกลับไปในปี 1662 โดย Catherine of Braganza ราชินีชาวโปรตุเกสของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2 แห่งอังกฤษ ได้เชิญพระสหายมายังราชสำนัก เพื่อสังสรรค์จิบน้ำชาตามวัฒนธรรมบ้านเกิดของพระนาง

ส่งผลให้ประเพณีการดื่มชากลายเป็นที่รู้จัก และเกิดการทำตามในหมู่สมาชิกของราชวงศ์ ขุนนาง รวมถึงชนชั้นสูง

แม้วัฒนธรรมดังกล่าวจะได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว แต่การดื่มชาในระยะแรกก็ไม่ได้แพร่หลายในประชาชนทั่วไป โดยจำกัดไว้เฉพาะชนชั้นสูงและผู้มีฐานะดีเท่านั้น

เนื่องจากใบชาที่จำหน่ายในสมัยนั้น ถูกเก็บภาษีนำเข้าในอัตราสูงถึง 119% เครื่องดื่มชาจึงกลายเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย และเป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมของชนชั้นสูง ดังนั้นการดื่มชาจึงมักจะเกิดขึ้นที่บ้านในโอกาสพิเศษหรือใช้ต้อนรับแขกเท่านั้น

ส่งผลให้เกิดคำพูดตลกร้ายในยุคสมัยนั้นว่า “ผู้ดีกินชา ขี้ข้ากินกาแฟ”

จนกระทั่งปี 1706 ได้เข้าสู่จุดเริ่มต้นของ​​เรื่องราวแบรนด์ Twinings

ซึ่งในตอนนั้น คุณ Thomas Twining ได้เข้าซื้อกิจการร้านกาแฟ “Tom's Coffee House” ที่ตั้งอยู่ระหว่างกรุงลอนดอนและเมืองเวสต์มินสเตอร์ แหล่งรวมตัวของชนชั้นสูงเพื่อพบปะสังสรรค์หรือทำธุรกิจร่วมกัน

นอกจากข้อได้เปรียบเรื่องทำเล คุณ Thomas ยังคาดว่าชาจะเป็นที่นิยมในอนาคต จึงได้นำชาทั้งในรูปแบบใบชาแห้งและแบบพร้อมดื่มเข้ามาในร้านของเขา

จุดนี้เองที่ได้สร้างความแตกต่างให้กับร้านของเขาจากร้านกาแฟอื่น ๆ และในเวลาต่อมาร้านกาแฟในละแวกนั้น ก็ได้มาซื้อชาจากร้านเขาไปขายในร้านกาแฟของตัวเองด้วย

ที่น่าสนใจคือ เขายังใช้ช่องว่างทางการตลาดจากขนบธรรมเนียมในสมัยนั้น ที่อนุญาตให้เฉพาะผู้ชายเท่านั้นที่สามารถใช้บริการร้านกาแฟ ซึ่งไม่ได้เปิดพื้นที่ให้สุภาพสตรีเข้าไปนั่งจิบชาและกาแฟได้

แต่สำหรับร้านของคุณ Thomas หญิงสาวชนชั้นสูง ต่างก็ได้รับการต้อนรับและบริการอย่างดีด้วยน้ำชาคุณภาพสูง

ผลลัพธ์ที่ออกมาก็คือ Tom's Coffee House ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว

ต่อมาในปี 1784 คุณ Richard Twining ทายาทรุ่นที่ 3 ของตระกูล Twining เป็นผู้ผลักดันและโน้มน้าวนายกรัฐมนตรี ทำให้เกิดการลดกำแพงภาษีของชาลงได้สำเร็จ

นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ ชาเป็นเครื่องดื่มที่ไม่ว่าชนชั้นไหนก็สามารถเข้าถึงได้ และกลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของชาวอังกฤษจนถึงทุกวันนี้

นอกจากนั้น Twinings ยังได้รับพระราชทานตรารับรองจากพระนางเจ้าวิกตอเรีย ด้วยคุณภาพและรสชาติให้เป็นเครื่องดื่มประจำราชสำนัก นับตั้งแต่ปี 1837 เป็นต้นมา

และในปี 1956 แบรนด์ได้เริ่มออกจำหน่ายชาชนิดซอง ที่หลายคนคุ้นหน้าคุ้นตากันในปัจจุบัน

จนกระทั่งปี 1964 Twinings ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท Associated British Foods ซึ่งภายใต้การบริหารของบริษัทนี้ก็ทำให้ Twinings กลายเป็นชาชั้นนำระดับโลก และเป็นที่ยอมรับจากนักดื่มชาจาก 115 ประเทศทั่วโลก

ปัจจุบัน คุณ Stephen Twining ทายาทรุ่นที่ 10 ของตระกูล Twining ได้รับหน้าที่เป็นผู้นำในการบริหารและสืบทอดแบรนด์ชาระดับโลกนี้อย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นความสำเร็จที่ยืนหยัดยาวนานกว่า 3 ศตวรรษ และส่งต่อความรู้กันในตระกูลถึง 10 รุ่นแล้ว

ในวันนี้ Twinings ก็ยังคงเป็นชาอังกฤษรสชาติเยี่ยม ที่ครองใจผู้บริโภคทั่วโลกได้ไม่ต่างจากอดีตที่ผ่านมา..

References:
-https://twiningsmoment.com/thailand/
-https://www.twinings.co.uk/our-communi-tea/about-twinings/history-of-twinings
-https://www.komchadluek.net/news/knowledge/164207

ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ

หลายคนอาจเข้าใจผิดว่าการดื่มชาเกิดขึ้นครั้งแรกที่ประเทศอังกฤษ แต่ความจริงแล้ววัฒนธรรมการดื่มชาเริ่มต้นขึ้นในเอเชียอย่างประเทศจีน หรือไม่ก็ประเทศอินเดีย ซึ่งมีเรื่องเล่าที่ต่างกัน ดังนี้

โดยประวัติศาสตร์จีนโบราณกล่าวว่า ชาถูกค้นพบครั้งแรกโดย จักรพรรดิเสิน-หนง หลังจากเสวยน้ำต้มที่มีใบไม้ชนิดหนึ่งตกลงไปในหม้อต้มโดยบังเอิญ

ส่วนตำนานอินเดียกล่าวไว้ว่า ท่านโพธิธรรมรู้สึกง่วงขณะบำเพ็ญเพียรภาวนา จึงเด็ดใบไม้ที่สันนิษฐานว่าเป็นต้นชามาเคี้ยวแล้วพบว่าความง่วงหายไป
และอีกตำนานกล่าวว่า ท่านโพธิธรรมได้เฉือนเอาเปลือกตาของท่านโยนทิ้ง และในเวลาต่อมาบริเวณนั้นได้เกิดพุ่มไม้งอกงาม ซึ่งเป็นที่มาของต้นชาต้นแรก