Business
YETI ขาย “กระติกน้ำ” จนกลายเป็นบริษัทมูลค่า 2 แสนล้าน
28 เม.ย. 2021
YETI ขาย “กระติกน้ำ” จนกลายเป็นบริษัทมูลค่า 2 แสนล้าน /โดย ลงทุนเกิร์ล
ภาพรถยนต์ที่ไฟลุกท่วม แต่ยังมีซากของกระติกน้ำใส่น้ำแข็งที่ยังไม่ละลาย
เป็นไวรัล ที่ทำให้ YETI กลายเป็นกระแส ที่คนพูดถึงอยู่ช่วงหนึ่งเลยทีเดียว
ซึ่งไม่ว่ามันจะเป็นการตลาดหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง
ก็เรียกได้ว่า “สำเร็จ” เพราะทำให้คนรู้จักและทึ่งกับคุณสมบัติของกระติกน้ำแบรนด์นี้
ภาพรถยนต์ที่ไฟลุกท่วม แต่ยังมีซากของกระติกน้ำใส่น้ำแข็งที่ยังไม่ละลาย
เป็นไวรัล ที่ทำให้ YETI กลายเป็นกระแส ที่คนพูดถึงอยู่ช่วงหนึ่งเลยทีเดียว
ซึ่งไม่ว่ามันจะเป็นการตลาดหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง
ก็เรียกได้ว่า “สำเร็จ” เพราะทำให้คนรู้จักและทึ่งกับคุณสมบัติของกระติกน้ำแบรนด์นี้
แต่ใครจะไปคิดว่า บริษัทที่แค่ขาย “กระติกน้ำเก็บความเย็น”
สินค้าธรรมดาที่ดูไม่ได้ใช้เทคโนโลยีล้ำยุค
จะกลายเป็นธุรกิจใหญ่โตที่สามารถ IPO ได้ในปี 2018
สินค้าธรรมดาที่ดูไม่ได้ใช้เทคโนโลยีล้ำยุค
จะกลายเป็นธุรกิจใหญ่โตที่สามารถ IPO ได้ในปี 2018
และที่น่าสนใจคือ ผ่านมาประมาณ 2 ปีกว่า ราคาหุ้นยังเพิ่มขึ้นเกือบ 4 เท่า
กลายเป็นบริษัทมูลค่ากว่า 230,000 ล้านบาท
กลายเป็นบริษัทมูลค่ากว่า 230,000 ล้านบาท
เรื่องราวของ YETI น่าสนใจอย่างไร ? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
YETI เป็นแบรนด์อุปกรณ์เอาต์ดอร์สัญชาติอเมริกัน
ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการทำภาชนะที่ใช้กักเก็บอุณหภูมิ เช่น ถังน้ำแข็ง กระติกน้ำ
ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการทำภาชนะที่ใช้กักเก็บอุณหภูมิ เช่น ถังน้ำแข็ง กระติกน้ำ
เรื่องราวของ YETI เริ่มต้นจากพี่น้องตระกูล Seiders คุณ Ryan และคุณ Roy
ทั้งสองมักจะใช้เวลาวัยเด็ก หมดไปกับกิจกรรมนอกบ้าน อย่างเช่นการล่าสัตว์หรือตกปลา
ทั้งสองมักจะใช้เวลาวัยเด็ก หมดไปกับกิจกรรมนอกบ้าน อย่างเช่นการล่าสัตว์หรือตกปลา
โดยคุณพ่อของพวกเขา ได้ลาออกจากงานประจำออกมาทำธุรกิจของตัวเอง
เริ่มจากธุรกิจเล็ก ๆ ในโรงรถ จนออกมาเป็นกาวสำหรับซ่อมเบ็ดตกปลา
ที่ก็ยังดำเนินธุรกิจอยู่จนถึงทุกวันนี้
เริ่มจากธุรกิจเล็ก ๆ ในโรงรถ จนออกมาเป็นกาวสำหรับซ่อมเบ็ดตกปลา
ที่ก็ยังดำเนินธุรกิจอยู่จนถึงทุกวันนี้
เรื่องนี้ทำให้พี่น้อง Seiders ได้เห็นการปลุกปั้นและมองดูธุรกิจเติบโตอย่างใกล้ชิด
สุดท้ายหลังจากเรียนจบ ทั้งคู่จึงได้เดินตามรอยพ่อ และสร้างธุรกิจของตนเอง
สุดท้ายหลังจากเรียนจบ ทั้งคู่จึงได้เดินตามรอยพ่อ และสร้างธุรกิจของตนเอง
คุณ Ryan ทำธุรกิจเบ็ดตกปลาแบบสั่งทำ
ส่วนคุณ Roy ทำธุรกิจขายเรืออะลูมิเนียมสำหรับตกปลาน้ำตื้น
ส่วนคุณ Roy ทำธุรกิจขายเรืออะลูมิเนียมสำหรับตกปลาน้ำตื้น
ระหว่างนั้นเอง คุณ Ryan ก็ได้มีโอกาสเข้าร่วมงานแสดงสินค้า
และได้ไปพบกับ ถังเก็บความเย็นของประเทศไทย
จึงได้เริ่มต้นทำธุรกิจใหม่ ด้วยการนำเข้าถังเก็บความเย็นนี้มาขาย
และได้ไปพบกับ ถังเก็บความเย็นของประเทศไทย
จึงได้เริ่มต้นทำธุรกิจใหม่ ด้วยการนำเข้าถังเก็บความเย็นนี้มาขาย
ในขณะที่ทุกอย่างดูเหมือนจะลงตัวแล้ว ปัญหาเล็ก ๆ ก็เริ่มเกิดขึ้น
เนื่องจากพี่น้อง Seiders ไม่ชอบหน้าตาของสินค้า ประกอบกับคุณภาพก็ยังไม่ใช่สิ่งที่ต้องการ
เนื่องจากพี่น้อง Seiders ไม่ชอบหน้าตาของสินค้า ประกอบกับคุณภาพก็ยังไม่ใช่สิ่งที่ต้องการ
สุดท้ายพวกเขาจึงออกแบบด้วยตัวเอง จากประสบการณ์และความต้องการ ของคนที่ทำกิจกรรมเอาต์ดอร์จริง ๆ โดยไม่ได้อาศัยงานวิจัยตลาดใด ๆ
พี่น้อง Seiders ตั้งใจว่า อยากให้ถังเก็บความเย็นนี้มีความแข็งแรง ทนทาน และที่สำคัญคือ เก็บความเย็นได้ดี เพราะต้องทนอากาศร้อน ๆ ในเท็กซัส ซึ่งเป็นบ้านเกิดของพวกเขาได้
ดังนั้นพวกเขาจึงได้ใช้กระบวนการขึ้นรูปแบบหมุนด้วยความเร็วสูง หรือ Rotational Molding
ที่ทำให้เม็ดพลาสติกเชื่อมกันอย่างไร้ช่องว่าง จึงคงทนและเก็บความเย็นได้เป็นอย่างดี
ที่ทำให้เม็ดพลาสติกเชื่อมกันอย่างไร้ช่องว่าง จึงคงทนและเก็บความเย็นได้เป็นอย่างดี
ซึ่งเทคนิคนี้ เป็นกระบวนการผลิตเดียวกับแบร์ริเออร์สีส้ม ที่เราเห็นกันอยู่ตามถนนเลยทีเดียว
และในปี 2006 ถังเก็บความเย็นของพี่น้อง Seiders ก็เป็นรูปเป็นร่าง
โดยพวกเขาตั้งใจว่าจะตั้งราคา 300 ดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบหนึ่งหมื่นบาทไทย เพื่อให้ครอบคลุมต้นทุนการผลิต
แต่เมื่อเทียบกับถังเก็บความเย็นที่ขายตามซูเปอร์มาร์เกตแล้ว
ก็เรียกได้ว่าแพงกว่าเป็น 10 เท่า
ก็เรียกได้ว่าแพงกว่าเป็น 10 เท่า
อย่างไรก็ตามหลังจากวางขาย เสียงตอบรับกลับค่อนข้างดี
แล้วสงสัยหรือไม่ว่า ทำไม YETI ตั้งราคาสูง แต่ยังขายได้ ?
ในตอนที่เริ่มทำตลาดใหม่ ๆ พี่น้อง Seiders มองว่าการนำสินค้าเข้าไปขายตามร้านค้าปลีก
ไม่น่าจะเป็นทางที่เหมาะ เพราะนอกจากจะสู้ราคาไม่ได้แล้ว ยังต้องแบ่งกำไรเป็นค่าฝากขายอีกด้วย
ไม่น่าจะเป็นทางที่เหมาะ เพราะนอกจากจะสู้ราคาไม่ได้แล้ว ยังต้องแบ่งกำไรเป็นค่าฝากขายอีกด้วย
พวกเขาจึงหันไปออกร้านตามงานแสดงสินค้าแทน
และเริ่มจากกลุ่มลูกค้าที่พวกเขาคุ้นเคย ซึ่งก็คือบรรดานักจับปลามือโปร
และเริ่มจากกลุ่มลูกค้าที่พวกเขาคุ้นเคย ซึ่งก็คือบรรดานักจับปลามือโปร
ดังนั้น YETI จึงกลายเป็นอุปกรณ์สำหรับมืออาชีพ
ที่ถึงแม้จะราคาสูง แต่ถ้าคุณภาพดีจริง ๆ พวกเขาย่อมยอมจ่าย
ที่ถึงแม้จะราคาสูง แต่ถ้าคุณภาพดีจริง ๆ พวกเขาย่อมยอมจ่าย
ซึ่งแน่นอนว่า เรื่องคุณภาพ ไม่ใช่ปัญหาของ YETI อยู่แล้ว
โดยเฉพาะในเรื่องความทนทาน เพราะได้รับการการันตีจาก Interagency Grizzly Bear Committee ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่แม้แต่หมีกริซลีก็ทำลายไม่ได้
โดยเฉพาะในเรื่องความทนทาน เพราะได้รับการการันตีจาก Interagency Grizzly Bear Committee ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่แม้แต่หมีกริซลีก็ทำลายไม่ได้
หลังจากนั้น YETI จึงค่อย ๆ ขยายฐานสู่ลูกค้าที่ทำกิจกรรมนอกบ้านกลุ่มอื่นมากขึ้น
จนกลายเป็นสินค้าที่สามารถจับกลุ่มคนทั่วไปได้ในที่สุด
จนกลายเป็นสินค้าที่สามารถจับกลุ่มคนทั่วไปได้ในที่สุด
และแม้ว่าจุดเริ่มต้นของ YETI จะมาจากถังเก็บความเย็น
แต่ปัจจุบัน YETI มีสินค้าหลากหลาย ตั้งแต่อุปกรณ์เอาต์ดอร์อื่น เครื่องแต่งกาย ไปจนถึงภาชนะสำหรับสัตว์เลี้ยง
แต่ปัจจุบัน YETI มีสินค้าหลากหลาย ตั้งแต่อุปกรณ์เอาต์ดอร์อื่น เครื่องแต่งกาย ไปจนถึงภาชนะสำหรับสัตว์เลี้ยง
ซึ่งสินค้าที่ขายดีที่สุดในปัจจุบันก็คือ “กระติกน้ำเก็บความเย็น” นั่นเอง
โดยถ้าดูสัดส่วนรายได้ในปี 2020 ของ YETI Holdings จะมาจาก
โดยถ้าดูสัดส่วนรายได้ในปี 2020 ของ YETI Holdings จะมาจาก
ภาชนะสำหรับดื่ม 58%
ถังน้ำแข็งและอุปกรณ์เอาต์ดอร์ 41%
สินค้าอื่น ๆ อีก 1%
ถังน้ำแข็งและอุปกรณ์เอาต์ดอร์ 41%
สินค้าอื่น ๆ อีก 1%
แล้ว YETI ขายดีแค่ไหน ?
ผลประกอบการของ YETI Holdings
ผลประกอบการของ YETI Holdings
ปี 2018 รายได้ 23,645 ล้านบาท กำไร 1,754 ล้านบาท
ปี 2019 รายได้ 27,741 ล้านบาท กำไร 1,531 ล้านบาท
ปี 2020 รายได้ 33,145 ล้านบาท กำไร 4,730 ล้านบาท
ปี 2019 รายได้ 27,741 ล้านบาท กำไร 1,531 ล้านบาท
ปี 2020 รายได้ 33,145 ล้านบาท กำไร 4,730 ล้านบาท
และถ้าย้อนกลับไปตอนที่เริ่มตั้งบริษัทใหม่ ๆ
YETI เคยรายงานยอดขายในปี 2008 ไว้เพียง 90 ล้านบาท
เรียกได้ว่าจากตอนนั้นถึงปัจจุบัน บริษัทมีรายได้เติบโตเฉลี่ยเกือบ 60% ต่อปีเลยทีเดียว
YETI เคยรายงานยอดขายในปี 2008 ไว้เพียง 90 ล้านบาท
เรียกได้ว่าจากตอนนั้นถึงปัจจุบัน บริษัทมีรายได้เติบโตเฉลี่ยเกือบ 60% ต่อปีเลยทีเดียว
ซึ่งแม้ว่าธุรกิจของพี่น้อง Seiders จะไม่ใช่การสร้างสรรค์เทคโนโลยีล้ำยุค
แต่ก็เป็นการทำสิ่งที่มาตอบโจทย์ความจำเป็นในชีวิตของคนได้ไม่แพ้กัน
แต่ก็เป็นการทำสิ่งที่มาตอบโจทย์ความจำเป็นในชีวิตของคนได้ไม่แพ้กัน
ที่สำคัญการสร้างธุรกิจของพี่น้อง Seiders ยังถือว่าเกิดจากความหลงใหลอย่างแท้จริง
โดยพวกเขามักจะพูดคุยและถกเถียงกันทุกรายละเอียด เพื่อให้ได้สินค้าที่ดีที่สุด
และมีการคิดเกี่ยวกับธุรกิจอยู่ในหัวแทบจะตลอดเวลา
โดยพวกเขามักจะพูดคุยและถกเถียงกันทุกรายละเอียด เพื่อให้ได้สินค้าที่ดีที่สุด
และมีการคิดเกี่ยวกับธุรกิจอยู่ในหัวแทบจะตลอดเวลา
เพราะอย่างชื่อ YETI ซึ่งเป็นชื่อของปีศาจมนุษย์หิมะ
ก็เป็นคุณ Roy ที่คิดได้ขณะกำลังนอนอยู่บนเตียง
ก็เป็นคุณ Roy ที่คิดได้ขณะกำลังนอนอยู่บนเตียง
หลังจากนี้ก็น่าติดตามว่า เจ้าปีศาจมนุษย์หิมะ YETI ที่เกิดจากความทุ่มเทนี้
จะพาคุณ Ryan และ คุณ Roy ไปถึงยอดเขาแห่งความสำเร็จที่สูงขนาดไหน..
จะพาคุณ Ryan และ คุณ Roy ไปถึงยอดเขาแห่งความสำเร็จที่สูงขนาดไหน..
References:
-https://finance.yahoo.com/quote/YETI/financials?p=YETI
-https://www.texasmonthly.com/articles/the-rise-of-yeti-coolers/
-https://www.inc.com/magazine/201602/bill-saporito/yeti-coolers-founders-roy-ryan-seiders.html
-https://www.brittonmdg.com/blog/the-secrets-to-yetis-success/
-งบการเงิน YETI Holdings 2020
-https://finance.yahoo.com/quote/YETI/financials?p=YETI
-https://www.texasmonthly.com/articles/the-rise-of-yeti-coolers/
-https://www.inc.com/magazine/201602/bill-saporito/yeti-coolers-founders-roy-ryan-seiders.html
-https://www.brittonmdg.com/blog/the-secrets-to-yetis-success/
-งบการเงิน YETI Holdings 2020