InspirationHealth & BeautyBusiness
เรื่องราวของสุดยอดหญิงแกร่งที่ชื่อว่า Estée Lauder
27 ก.ค. 2020
เรื่องราวของสุดยอดหญิงแกร่งที่ชื่อว่า Estée Lauder /โดย ลงทุนเกิร์ล
ถ้าพูดถึงบริษัทความงาม รายใหญ่ของโลก
เราก็คงจะนึกถึง L’ORÉAL, SHISEIDO, COTY และ Amorepacific
เราก็คงจะนึกถึง L’ORÉAL, SHISEIDO, COTY และ Amorepacific
รู้หรือไม่ ว่าทั้ง 4 บริษัทนี้ มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน..
L’ORÉAL บริษัทความงามที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ก่อตั้งโดยชายที่ว่า Eugène Schueller
ก่อตั้งโดยชายที่ว่า Eugène Schueller
SHISEIDO บริษัทความงามยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่น
ก่อตั้งโดยชายที่ชื่อว่า Arinobu Fukuhara
ก่อตั้งโดยชายที่ชื่อว่า Arinobu Fukuhara
COTY บริษัทความงามรายใหญ่จากสหรัฐฯ
ก่อตั้งโดยชายที่ชื่อว่า François Coty
ก่อตั้งโดยชายที่ชื่อว่า François Coty
Amorepacific บริษัทความงามที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลี
ก่อตั้งโดยชายที่ชื่อว่า ซอซองฮวาน
ก่อตั้งโดยชายที่ชื่อว่า ซอซองฮวาน
ตอนนี้เราคงจะเห็นแล้วว่า สิ่งที่เหมือนกันนั้นก็คือ
“ผู้ก่อตั้งล้วนเป็นผู้ชาย”
“ผู้ก่อตั้งล้วนเป็นผู้ชาย”
หลายคนอาจเริ่มเกิดคำถามขึ้นว่า
แล้วมีบริษัทความงามรายใหญ่ที่ไหน ที่ก่อตั้งโดยผู้หญิงบ้าง?
แล้วมีบริษัทความงามรายใหญ่ที่ไหน ที่ก่อตั้งโดยผู้หญิงบ้าง?
บริษัทนั้นก็คือ Estée Lauder นั่นเอง
คุณ Estée Lauder และสามีของเธอได้ก่อตั้งบริษัทขึ้น ในปี 1946 ที่สหรัฐอเมริกา
แม้ว่าเธอจะไม่ได้สร้างแบรนด์นี้ขึ้นโดยลำพัง
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า บทบาทของเธอเป็นสาเหตุหลัก ที่ทำให้บริษัทประสบความสำเร็จ
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า บทบาทของเธอเป็นสาเหตุหลัก ที่ทำให้บริษัทประสบความสำเร็จ
เรื่องราวของบริษัท Estée Lauder เริ่มต้นขึ้น หลังจากที่เธอแต่งงานกับสามี
และได้ย้ายไปอยู่ที่แมนแฮตตัน ตอนนี้เองที่เธอได้เริ่มต้นธุรกิจความงามขึ้น
และได้ย้ายไปอยู่ที่แมนแฮตตัน ตอนนี้เองที่เธอได้เริ่มต้นธุรกิจความงามขึ้น
คุณ Estée Lauder เริ่มผลิตสกินแคร์แบบง่ายๆ ออกมา 4 ชิ้น
เธอใช้ความรู้เรื่องการผลิตสกินแคร์จากลุง ซึ่งเป็นนักเคมี
เธอใช้ความรู้เรื่องการผลิตสกินแคร์จากลุง ซึ่งเป็นนักเคมี
ในช่วงแรกๆ คุณ Estée Lauder จะไปยืนขายสกินแคร์ที่ร้านทำผม
เพราะที่นี่เป็นแหล่งรวมตัวของผู้หญิงที่รักสวย รักงาม และค่อนข้างมีฐานะ
จึงเป็นสถานที่ที่เหมาะมากสำหรับการมาขายสินค้าประเภทความงาม
เพราะที่นี่เป็นแหล่งรวมตัวของผู้หญิงที่รักสวย รักงาม และค่อนข้างมีฐานะ
จึงเป็นสถานที่ที่เหมาะมากสำหรับการมาขายสินค้าประเภทความงาม
ในขณะที่คนอื่นๆ กำลังไดร์ผม เธอก็จะมาอธิบายสรรพคุณสินค้าให้ฟัง
หรือจะพูดง่ายๆ ว่า เธอมาขายตรงนั้นเอง
หรือจะพูดง่ายๆ ว่า เธอมาขายตรงนั้นเอง
แต่ด้วยความที่เธอผลิตสินค้าเอง ทำให้รู้ว่าผู้หญิงชอบครีมแบบไหน และไม่ชอบอะไรบ้าง
สินค้าของเธอจึงเป็นที่ถูกใจคนจำนวนมาก
ไม่นานนักกิจการของเธอก็ค่อยๆ เติบโตขึ้น จนสามารถก่อตั้งเป็นบริษัทได้
สินค้าของเธอจึงเป็นที่ถูกใจคนจำนวนมาก
ไม่นานนักกิจการของเธอก็ค่อยๆ เติบโตขึ้น จนสามารถก่อตั้งเป็นบริษัทได้
หลังจากก่อตั้งบริษัทได้เพียงปีเดียว จุดเปลี่ยนสำคัญก็มาถึง
เมื่อ “Saks Fifth Avenue” ซึ่งเป็นห้างหรู ในสหรัฐฯ
ถ้าจะพูดให้เห็นภาพ ก็คงจะคล้ายกับ เซ็นทรัล เอ็มบาสซีในไทย
เมื่อ “Saks Fifth Avenue” ซึ่งเป็นห้างหรู ในสหรัฐฯ
ถ้าจะพูดให้เห็นภาพ ก็คงจะคล้ายกับ เซ็นทรัล เอ็มบาสซีในไทย
Saks Fifth Avenue ได้มาสั่งซื้อสินค้าจากแบรนด์ Estée Lauder ไปวางขายในห้าง
ซึ่งจุดนี้เองที่ทำให้แบรนด์ Estée Lauder กลายเป็นที่รู้จักในวงการ Luxury มากขึ้น
ซึ่งจุดนี้เองที่ทำให้แบรนด์ Estée Lauder กลายเป็นที่รู้จักในวงการ Luxury มากขึ้น
ในขณะเดียวกัน คุณ Estée Lauder ยังมีวิธีที่ชาญฉลาดในการแนะนำสินค้าใหม่ๆ ให้กับลูกค้า
โดยเธอจะแจก Tester ให้กับลูกค้าที่มาซื้อสินค้าที่ร้าน
โดยเธอจะแจก Tester ให้กับลูกค้าที่มาซื้อสินค้าที่ร้าน
เราอาจจะมองว่า แล้ววิธีนี้มันฉลาดตรงไหน ใครๆ เขาก็ทำกัน
แต่จริงๆ แล้ว วิธีนี้ถือว่าเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นมากในสมัยนั้น
เพราะ Estée Lauder เป็นคนคิดวิธีนี้ขึ้น จนทำให้หลายๆ แบรนด์หันมาทำตามๆ กัน
แต่จริงๆ แล้ว วิธีนี้ถือว่าเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นมากในสมัยนั้น
เพราะ Estée Lauder เป็นคนคิดวิธีนี้ขึ้น จนทำให้หลายๆ แบรนด์หันมาทำตามๆ กัน
การแจก Tester นอกจากจะสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าที่มาซื้อของแล้ว
ยังทำให้ลูกค้าได้ลองเปิดใจใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และกลายเป็นการโฆษณาสินค้าอย่างอ้อมๆ
ซึ่งสุดท้ายแล้ว ถ้าลูกค้าชอบ ก็จะกลับมาซื้อสินค้านั้นอีก
ยังทำให้ลูกค้าได้ลองเปิดใจใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และกลายเป็นการโฆษณาสินค้าอย่างอ้อมๆ
ซึ่งสุดท้ายแล้ว ถ้าลูกค้าชอบ ก็จะกลับมาซื้อสินค้านั้นอีก
คุณ Estée Lauder ไม่ได้หยุดกับความสำเร็จเพียงเท่านั้น
เธอมองเห็นปัญหาว่า ผู้หญิงสมัยนั้นจะไม่ซื้อน้ำหอมให้ตัวเอง
แต่จะรอให้ผู้ชายซื้อน้ำหอมมาให้ในโอกาสพิเศษ
เธอมองเห็นปัญหาว่า ผู้หญิงสมัยนั้นจะไม่ซื้อน้ำหอมให้ตัวเอง
แต่จะรอให้ผู้ชายซื้อน้ำหอมมาให้ในโอกาสพิเศษ
เรื่องนี้จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้สินค้าประเภทน้ำหอมขายได้ไม่บ่อยนัก
แต่ใครจะไปคิดว่า คุณ Estée Lauder จะสามารถหาทางแก้ของเรื่องนี้ได้อย่างสร้างสรรค์สุดๆ
แต่ใครจะไปคิดว่า คุณ Estée Lauder จะสามารถหาทางแก้ของเรื่องนี้ได้อย่างสร้างสรรค์สุดๆ
ในปี 1953 แบรนด์ Estée Lauder ได้ปล่อยสินค้าใหม่ที่ชื่อว่า Youth-Dew
ซึ่งเป็นน้ำมันสำหรับอาบน้ำ ที่ผสมน้ำหอมเข้มข้นถึง 2 เท่า
จุดนี้เองที่ทำให้ยอดขายน้ำหอมเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว จากการเปลี่ยนรูปแบบของสินค้าเพียงเล็กน้อย
ในตอนนั้นบริษัทเพิ่งจะก่อตั้งมาได้เพียง 7 ปี
แต่หลังจากที่ Youth-Dew วางขาย บริษัทก็กลายเป็นธุรกิจที่มีมูลค่าหลายสิบล้านบาท
ซึ่งเป็นน้ำมันสำหรับอาบน้ำ ที่ผสมน้ำหอมเข้มข้นถึง 2 เท่า
จุดนี้เองที่ทำให้ยอดขายน้ำหอมเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว จากการเปลี่ยนรูปแบบของสินค้าเพียงเล็กน้อย
ในตอนนั้นบริษัทเพิ่งจะก่อตั้งมาได้เพียง 7 ปี
แต่หลังจากที่ Youth-Dew วางขาย บริษัทก็กลายเป็นธุรกิจที่มีมูลค่าหลายสิบล้านบาท
คุณ Estée Lauder ได้กลายเป็นไอคอนของหญิงสาวอเมริกัน
ที่ไม่ว่าเธอจะสวมเสื้อผ้า หรือแต่งหน้าแบบไหน คนก็มักจะนิยมทำตามเธอ
เธอมักจะรู้เกี่ยวกับเทรนด์แฟชั่นและความงามที่ล้ำสมัย
ที่ไม่ว่าเธอจะสวมเสื้อผ้า หรือแต่งหน้าแบบไหน คนก็มักจะนิยมทำตามเธอ
เธอมักจะรู้เกี่ยวกับเทรนด์แฟชั่นและความงามที่ล้ำสมัย
นอกจากนี้เธอยังเป็นนักธุรกิจหญิงที่ประสบความสำเร็จเอามากๆ
ทำให้ผู้หญิงอเมริกันหลายคนยกเธอเป็นต้นแบบทั้งบทบาทการเป็นนักธุรกิจ และการนำเทรนด์แฟชั่น
ทำให้ผู้หญิงอเมริกันหลายคนยกเธอเป็นต้นแบบทั้งบทบาทการเป็นนักธุรกิจ และการนำเทรนด์แฟชั่น
ในสมัยนั้น มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ผู้หญิงจะได้รับการยอมรับในฐานะนักธุรกิจ
และถ้าเราลองดูปีก่อตั้งของอีก 4 บริษัทความงามจะเห็นว่า
และถ้าเราลองดูปีก่อตั้งของอีก 4 บริษัทความงามจะเห็นว่า
SHISEIDO ก่อตั้งในปี 1872
COTY ก่อตั้งในปี 1904
L’ORÉAL ก่อตั้งในปี 1909
Amorepacific ก่อตั้งในปี 1945
COTY ก่อตั้งในปี 1904
L’ORÉAL ก่อตั้งในปี 1909
Amorepacific ก่อตั้งในปี 1945
ทั้ง 4 บริษัทนี้ เกิดขึ้นในยุคที่ผู้หญิงยังถูกมองว่าควรเป็นแค่แม่บ้าน
และผู้ชายควรเป็นผู้นำ ทำหน้าที่หาเงินเลี้ยงครอบครัว และนำชื่อเสียงมาสู่วงตระกูล
จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกที่บริษัทเหล่านี้จะถูกก่อตั้งโดยผู้ชาย
เพราะสมัยนั้นผู้หญิงไม่ได้มีบทบาทมากนัก
และผู้ชายควรเป็นผู้นำ ทำหน้าที่หาเงินเลี้ยงครอบครัว และนำชื่อเสียงมาสู่วงตระกูล
จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกที่บริษัทเหล่านี้จะถูกก่อตั้งโดยผู้ชาย
เพราะสมัยนั้นผู้หญิงไม่ได้มีบทบาทมากนัก
แต่การที่คุณ Estée Lauder ก้าวมาถึงจุดนี้ได้
ก็มาจากความพยายามและการพัฒนากิจการอยู่เสมอ
ก็มาจากความพยายามและการพัฒนากิจการอยู่เสมอ
จากวันแรกที่เธอต้องไปยืนขายของในร้านทำผม
ตอนนี้บริษัท Estée Lauder ที่เธอสร้างมันมากับมือ มีมูลค่าสูงถึง 2.3 ล้านล้านบาท
และเป็นบริษัทเครื่องสำอางที่ใหญ่ที่สุดในโลกอันดับที่ 2 รองจาก L’ORÉAL เพียงบริษัทเดียว
ตอนนี้บริษัท Estée Lauder ที่เธอสร้างมันมากับมือ มีมูลค่าสูงถึง 2.3 ล้านล้านบาท
และเป็นบริษัทเครื่องสำอางที่ใหญ่ที่สุดในโลกอันดับที่ 2 รองจาก L’ORÉAL เพียงบริษัทเดียว
ส่วนเคล็ดลับของคุณ Estée Lauder ที่เธอเคยได้พูดไว้ก็คือ
“ฉันไม่เคยฝันถึงความสำเร็จ แต่ฉันลงมือทำเพื่อให้ได้มันมา..”
“ฉันไม่เคยฝันถึงความสำเร็จ แต่ฉันลงมือทำเพื่อให้ได้มันมา..”
References:
- https://www.elcompanies.com/en/who-we-are/the-lauder-family/the-estee-story
- https://corp.shiseido.com/en/company/history/
- https://www.loreal.com/en/group/culture-and-heritage/l-oreal-history/
- https://www.apgroup.com/th/th/about-us/amorepacific/our-history/
- https://www.biography.com/business-figure/estee-lauder
- https://www.coty.com/our-story/coty-founders/francois-coty
- https://www.elcompanies.com/en/who-we-are/the-lauder-family/the-estee-story
- https://corp.shiseido.com/en/company/history/
- https://www.loreal.com/en/group/culture-and-heritage/l-oreal-history/
- https://www.apgroup.com/th/th/about-us/amorepacific/our-history/
- https://www.biography.com/business-figure/estee-lauder
- https://www.coty.com/our-story/coty-founders/francois-coty