Pet Parent เทรนด์การเลี้ยงสัตว์เลี้ยง แบบเราอดได้ แต่ลูกห้ามอด /โดย ลงทุนเกิร์ล

ความน่ารักของสัตว์เลี้ยง คือไม่ว่าเราจะหายไปจากบ้าน 15 นาที เพราะออกไปซื้อของหน้าปากซอย
หรือหายไปจากบ้าน 1 อาทิตย์ เพราะไปทำงานต่างจังหวัด

ทุกครั้งที่กลับมา สัตว์เลี้ยงเหล่านี้ จะดีใจ ตื่นเต้น เหมือนกับว่าไม่ได้เจอเรามานานหลายปี
โดยอาจจะยกเว้นเจ้าเหมียวไว้หน่อย ที่อาจทำเมิน แม้ว่าเราจะหายไปนานแค่ไหนก็ตาม

ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้เข้ามาเติมเต็มความสุขของมนุษย์เป็นอย่างดี
ทำให้ใครๆ ต่างก็ตกเป็นทาสของสัตว์เลี้ยงที่น่ารักเหล่านี้
และยอมทุ่มเงินเพื่อให้สัตว์เลี้ยงอยู่ดี กินดี ถึงเจ้าของจะต้องยอมอดก็ตาม

แต่ถ้าย้อนกลับไปในสมัยก่อน หน้าที่ของสัตว์เลี้ยง
ก็คงเป็นเพียงแค่การเฝ้าบ้านและเพื่อนคลายเหงา
ดังนั้นเจ้าของสัตว์เลี้ยงเหล่านี้ จึงเหมือนเป็น “Pet Owner” เท่านั้น

พอเมื่อยุคสมัยเปลี่ยน สัตว์เลี้ยงจึงถูกให้ความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ
จนเหมือนสมาชิกคนสำคัญในครอบครัว
ผู้เลี้ยงจึงกลายเป็นเหมือนกับผู้ปกครองที่คอยให้ความดูแล หรือที่เรียกว่า “Pet Parent”

และยิ่งไปกว่านั้นบางครั้งการเลี้ยงดู ก็ดูเหมือนว่าจะดีกว่าคนในครอบครัวเดียวกันเสียอีก

สิ่งนี้เอง เป็นปัจจัยที่ทำให้ตลาดสัตว์เลี้ยงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ทั้งการใช้จ่ายในประเทศและส่งออก

โดยการเลือกสิ่งที่ดีให้กับสัตว์เลี้ยง ไม่ว่าจะเป็นอาหาร สิ่งของเครื่องใช้ บริการต่างๆ
ส่งผลให้มูลค่าตลาดสัตว์เลี้ยงในปี 2562 มีมูลค่า 35,500 ล้านบาท
เติบโตเพิ่มขึ้นจากปี 2561 ประมาณ 10% โดยแบ่งเป็น

1. ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง (45%) มูลค่า 16,000 ล้านบาท
2. ธุรกิจการให้บริการสัตว์เลี้ยง (32%) เช่น โรงพยาบาล, คลินิก, สถานบริการรับฝากเลี้ยง โรงแรมที่พัก, สปา มูลค่า 11,300 ล้านบาท
3. ธุรกิจสินค้าอุปกรณ์ดูแลสัตว์เลี้ยง (23%) มูลค่า 8,200 ล้านบาท

รวมถึงตลาดส่งออกสัตว์เลี้ยงในไตรมาสแรกของปี 2563 (มกราคม-มีนาคม)
ที่มีมูลค่าส่งออกถึง 14,000 ล้านบาท เติบโต 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 โดยคู่ค้าสำคัญ คือ อินเดีย, สหรัฐอเมริกา, อาเซียน และออสเตรเลีย

โดยสินค้าส่งออก อย่างอาหารสำหรับสุนัขและแมว
มีสัดส่วนการส่งออกมากถึงร้อยละ 81 เลยทีเดียว

ที่น่าสนใจคือ จากข้อมูลการจดทะเบียนสมรส และการจดทะเบียนหย่าของกรมการปกครอง
พบว่าช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2550 ถึง 2560 มีประชากรเพิ่มขึ้น 3 ล้านคน

ซึ่งในจำนวนนี้มีการแต่งงานน้อยลง และการหย่าร้างเพิ่มขึ้น
ทำให้มีจำนวนคนโสดมากขึ้น อย่างมีนัยสำคัญในปัจจุบัน

เมื่อคนโสดมีมากขึ้น การเลี้ยงสัตว์เลี้ยงจึงตอบโจทย์ชีวิตของคนกลุ่มนี้มากกว่า
เพราะเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงลูกแล้ว

การให้ลูกเข้าโรงเรียนดีๆ มีสังคมที่ดี อาจต้องใช้เงินจำนวนมาก
มากกว่าการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงหลายเท่าตัว

ดังนั้นสัตว์เลี้ยงจึงเป็นเหมือนแหล่งของความสุขทางเลือก ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้

และถึงแม้ช่วงชีวิตของสัตว์เลี้ยงเหล่านี้ จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ
แต่พวกเขาก็มอบทั้งความรัก ความทรงจำ รอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กับเรา

สิ่งสำคัญที่สุดคือ ก่อนตัดสินใจที่จะเลี้ยงสัตว์เลี้ยง
ต้องถามตัวเองก่อนว่า เรามีเวลาและความรับผิดชอบมากพอหรือเปล่าที่จะเลี้ยงพวกเขา

และถึงแม้ค่าใช้จ่ายจะถูกกว่าการมีลูกจริงๆ แต่ก็ต้องวางแผนค่าใช้จ่ายอย่างรอบคอบ
มิเช่นนั้นแล้ว คุณอาจต้องกินมาม่าในช่วงก่อนสิ้นเดือนก็เป็นได้..

References:
-https://www.petmd.com/…/differentiating-between-pet-parents…
-https://www.thairath.co.th/…/busine…/market-business/1912957
-https://www.prachachat.net/economy/news-459662
-https://www.thebangkokinsight.com/168515/
-https://salaryinvestor.com/inspire/single-problems/